May 17, 2024   10:31:31 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แกะรอย LIVE ตลาดผูกปิ่นโตอาฆาตทุกชาติภพ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 26/07/2007 @ 18:26:39
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แกะรอยหุ้น LIVE ตั้งแต่ต้นปี-มิ.ย. พบ "ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์" ซื้อขายคนเดียวรวม 8 รอบ ซื้อ 5 รอบ 11.852% ขาย 3 รอบ 6.82% นอกนั้นยังมี "วัลลีย์ พิทักษ์" "พวงพันธุ์ บูลภักดิ์ " และ" ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล" ล้วนแต่ติดโผผู้ถือหุ้น LIVE ทั้งหมด ขณะที่ราคาหุ้นวานนี้ยังไม่ฟื้น ลดลงอีก 3.64% หรือ 0.16 บาท มาอยู่ที่ 4.24 บาทเท่านั้น แต่หุ้นเก็งกำไรหลายตัวยังไม่อ่อนแรงตาม โดยเฉพาะ "PSAP" 13 วันพุ่งกว่า 110% ขณะที่ IEC-BTC-BLISS ยังยืนแดนบวกได้ แต่ NNCL-EWC-EMC ไปไม่รอดตาม LIVE ด้าน "ภัทรียา" ยันห้ามเน็ทฯ-มาร์จิ้น LIVE ไม่ได้เลือกปฏิบัติ พร้อมชี้แจงต่อศาลหาก นลท.ฟ้อง ระบุชัด การพิจารณาดูปริมาณการซื้อขาย เปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง รวมถึงราคา และยังรวมถึงกลุ่มที่เข้ามาทำการซื้อขายหุ้นตัวนั้นๆด้วย

กลายเป็นเรื่องเด็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งสำหรับ หุ้นบมจ. ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) โดยเฉพาะในช่วง 1-2 วันนี้ หลังจากตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของ LIVE ชั่วคราวต่อไปอีก 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2550 ถึง 6 กันยายน 2550 หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดฯ สั่งห้ามเน็ทฯ และมาร์จิ้น LIVE ไปรอบแรกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ถึง 24 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากตลาดฯ เห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา การซื้อขายหลักทรัพย์ LIVE ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณอันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด รวมทั้งมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัว จึงทำให้ขยายเวลาดังกล่าวออกไปอีก 30 วัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายคาดว่าตลาดฯ น่าจะอนุญาตให้ LIVE กลับมาซื้อขายปกติได้ จนส่งผลให้ราคาหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมาปรับลดลงมารับมาตรการดังกล่าวทันที

ความจริงแล้วหากจะสังเกตุให้ดีจะเห็นได้ว่าราคาหุ้น LIVE ปรับตัวค่อนข้างร้อนแรงมานานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยในช่วงนั้นราคาหุ้น LIVE ราคาหุ้นพ่งแรงถึง 189.11% เลยทีเดียว จนถูกห้ามเน็ทฯ และมาร์จิ้นครั้งแรก แต่ราคาหุ้นเริ่มจะลดดีกรีความรุนแรงลงตั้งแต่เดือกกรกฎาคม จนคาดหมายกันว่าตลาดฯ จะยกเลิกมาตรการ แต่กลับกลายเป็นผิดคาด เพราะตลาดฯยังคงยืนยันคำเดิมที่จะให้คงหารห้ามซื้อขายเน็ทฯ มาร์จิ้นออกไปก่อนจนกว่าการซื้อขายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า กลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่แล้วกลับไม่เห็นด้วยกับตลาดฯ ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่ากลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์กำลังเตรียมการที่จะร้องขอความเป็นธรรมและฟ้องศาลปกครองให้ดำเนินการกับตลาดหลักทรัพย์และผู้บริหารตลาดที่ใช้อำนาจหน้าที่ในการมิชอบ โดยเฉพาะการเลือกปฎิบัติกับหุ้นบางตัว ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้เร็วๆ นี้ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตลาดฯ คงต้องกลับมาทบทวนจุดยืน และความเหมาะสมถึงเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ อย่างไร และมากน้อยเพียงใด เพราะอย่าลืมว่าหุ้นเก็งกำไร ที่มีราคาขึ้นลงและเคลื่อนไหวผิดปกตินั้นใช่ว่าจะมีเพียงตัวเดียว เพราะในขณะที่ตลาดฯ ใช้มาตรการห้ามเน็ทฯ มาร์จิ้น กับ LIVE ถึง 2 ครั้งติดกัน แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อมองไปที่กระดานหุ้นแล้ว ก็พบว่าหุ้นเก็งกำไรไม่น้อยเลยทีเดียวที่ราคาปรับขึ้น และเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติไม่น้อยไปกว่า LIVE และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ซึ่งตลาดฯ จะทำอย่างไร เพื่ออธิบายถึงมาตรฐานของกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ ไม่ใช่ถูกมองว่าดับเบิ้ล สแตนดาร์ด เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น บมจ. ป่องทรัพย์ ที่ 13 วันทำการ ราคาพุ่งขึ้นไปกว่า 110% ทั้งที่หุ้นแทบไม่มีพื้นฐานสนับสนุน นอกจากการเข้ามาเก็งกำไรรายวัน ตามข่าวเรื่องการหาพันธมิตรใหม่ รวมไปถึงก่อนหน้ากับหุ้น บมจ.ยูบิส ที่เพียง 5 วันทำการ ราคาหุ้นก็ปรับขึ้นไปเกือบ 50% โดยเพิ่งจะปรับลดลงมาในช่วง 1-2 วันนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความไม่ปกติกับราคาหุ้นตัวอื่น ที่ราคาปรับขึ้นไปสูงกว่าและเคลื่อนไหวมากกว่า ก็ต้องหันกลับมามองที่ผู้บริหารตลาดฯ อีกครั้งว่าจะใช้มาตรฐาน และอธิบายให้นักลงทุนเข้าใจถึงการปฏิบัติกับหุ้นแต่ละตัวอย่างไร

หากจำกันได้ในปี 2548 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึงปี 2549 หุ้น บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) ถูกตลาดฯ สั่งห้ามเน็ทฯ และมาร์จิ้นถึง 4 ครั้งมาแล้ว จนทำให้ผู้บริหารบริษัทฟ้องศาลปกครองกลางเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา จนในที่สุดศาลฯมีคำสั่งให้ความคุ้มครองฉุกเฉน จนตลาดฯ ต้องยกเลิกมาตรการดังกล่าวไป ดังนั้นเชื่อว่าการดำเนินการใดๆ หลังจากกรณีศึกษาเรื่อง IEC คงทำให้ตลาดมีความรอบคอบมากขึ้น อีกทั้งต้องตอบคำถามนักลงทุนได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

แต่ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดฯ จะมีมาตรการกำราบหุ้นเก็งกำไรออกมาอย่างไรก็ตาม หุ้นเก็งกำไรเหล่านี้ก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างคึกคักอยู่ แม้ว่าหลายตัวจะปรับลดลงไปตามแรงขายของ LIVE แต่หลายตัวก็ยังยืนในแดนบวกได้เช่นเดียวกัน ตามแรงเก็งกำไรที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะในภาวะที่ตลาดไร้ปัจจัยบวกให้เห็น หุ้นขนาดใหญ่ก็มีราคาที่สูงเกินไป การทำกำไรอาจจะยาก ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้จึงยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่อไป
โดยราคาปิดของหุ้นเก็งกำไรหลักๆ วานนี้ ประกอบด้วย PSAP ปิดที่ 1.71 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 6.21% มูลค่าการซื้อขาย 47.05 ล้านบาท BTC ปิดที่ 1.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 2.07% มูลค่าการซื้อขาย 85.57 ล้านบาท BTC-W2 ปิดที่ 0.43 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 7.50% มูลค่าการซื้อขาย 30.46 ล้านบาท UBIS ปิดที่ 2.46 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 1.60% มูลค่าการซื้อขาย 21.38 ล้านบาท BLISS ปิดที่ 4.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 1.39% มูลค่าการซื้อขาย 22.73 ล้านบาท BLISS-W1 ปิดที่ 1.09 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 0.91% มูลค่าการซื้อขาย 2.12 ล้านบาท EWC ปิดที่ 8.60 บาท ลดลง 0.70 บาท หรือ 7.53% มูลค่าการซื้อขาย 31.57 ล้านบาท EMC ปิดที่ 3.40 บาท ลดลง 0.26 บาท หรือ 7.10% มูลค่าการซื้อขาย 81.81 ล้านบาท APURE ปิดที่ 3.72 บาท ลดลง 0.14 บาท หรือ 3.63% มูลค่าการซื้อขาย 25.15ล้านบาท NNCL ปิดที่ 2.90 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 0.69% มูลค่าการซื้อขาย 27.26 ล้านบาท
NNCL-W1 ปิดที่ 2.06 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 53.41 ล้านบาท TUCC ปิดที่ 8.55 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.58% มูลค่าการซื้อขาย 27.88 ล้านบาท ASL ปิดที่ 1.11 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 1.77% มูลค่าการซื้อขาย 245.90 ล้านบาท IEC ปิดที่ 1.17 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.86% มูลค่าการซื้อขาย 116.45 ล้านบาท และ LIVE ปิดที่ 4.24 บาท ลดลง 0.16 บาท หรือ 3.64% มูลค่าการซื้อขาย 13.18 ล้านบาท

ทั้งนี้จากการสั่งดำเนินการกับ LIVE ครั้งที่ 2 ของตลาดฯ นั้น eFinanceThai.com ได้รวบรวมข้อมูลการซื้อขายของกลุ่มผู้ถือหุ้นของ LIVE และแกะรอยการซื้อ - ขายหุ้น LIVE ในรอบปีนี้ มาให้ทราบ หลังจากตลาดฯ ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้น เพราะได้เข้าไปดูถึงการเปลี่ยนแปลงของราคา รวมไปถึงกลุ่มที่เข้ามาทำการซื้อขายหุ้นตัวนั้นๆ และจากการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นหลักๆที่ซื้อมาและขายไปหุ้น LIVE ประกอบด้วย นส. ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ นาง วัลลีย์ พิทักษ์ นาง พวงพันธุ์ บูลภักดิ์ รวมไปถึง นาย ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าว หรือจะเรียกว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของตลาดฯ ในขณะนี้นอกจากจะมีรายชื่อเกี่ยวข้องกับหุ้น LIVE แล้ว ยังมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นสในหุ้นเก็งกำไร หรือหุ้นร้อนอีกหลายตัว อาทิเช่น บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) บมจ. นวนคร (NNCL) บมจ. เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม (NEP) บมจ. บลิส-เทล (BLISS) บมจ. อีสเทิร์นไวร์ (EWC) บมจ. อีเอ็มซี (EMC)
โดยตามแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายไปหลักทรัพย์ของกิจการ (246-2) นส.ฉัตรสุดา มีการซื้อและขายมากที่สุด โดยนับตั้งแต่เดือน ม.ค. จนถึง มิ.ย. มีรายการทั้งซื้อ และขายหุ้น LIVE คนเดียวถึง 8 รอบ เป็นการซื้อ 5 รอบ คิดเป็น 11.82% และขาย 3 รอบ คิดเป็น 6.82% ส่วนนาย ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล ซื้อ 2 รอบ คิดเป็นซื้อจำนวน 2.37% ที่เหลือเป็น น.ส. สุธิดา แจ่มวุฒิปรีชา ซื้อ 1.61% และ นาง พวงพันธุ์ บูลภักดิ์ ซื้อ 8.61%
ขณะที่ นส.ฉัตรสุดา ตามข้อมูลล่าสุด ในโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ เดือนเมษายน 2550 ถือสัดส่วน 11.75% นางพวงพันธ์ ถือหุ้น 9.44% นางวัลลีย์ สัดส่วน 3.94% และนายชยุตม์ ถือหุ้นสัดส่วน 1.06%

แบบรายงานการได้มาและจำหน่ายไปหลักทรัพย์ของกิจการ (246-2)


แบบรายงาน หลักทรัพย์ ชื่อผู้ได้มา/จำหน่าย sell/buy ประเภทหลักทรัพย์ %ได้มา/จำหน่าย %หลังได้มา/จำหน่าย วันที่ได้มา/จำหน่าย
246-2 LIVE น.ส. สุธิดา แจ่มวุฒิปรีชา buy หุ้น 1.61 5.16 04/06/2550
246-2 LIVE นาย ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล buy หุ้น 0.22 10.21 15/05/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ sell หุ้น -2.39 9.79 14/05/2550
246-2 LIVE นาง วัลลีย์ พิทักษ์ buy หุ้น 1.88 5.92 03/05/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ sell หุ้น -0.57 14.60 02/05/2550
246-2 LIVE นาย ชยุตม์ ลี้อิสสระนุกูล buy หุ้น 2.15 7.11 24/04/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ buy หุ้น 0.03 15.00 20/03/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ buy หุ้น 3.28 10.88 13/03/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ buy หุ้น 2.92 7.73 27/02/2550
246-2 LIVE นาง พวงพันธุ์ บูลภักดิ์ buy หุ้น 8.61 8.61 22/02/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ buy หุ้น 3.11 7.72 01/02/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ sell หุ้น -3.86 2.12 24/01/2550
246-2 LIVE ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ buy หุ้น 2.46 5.03 22/01/2550


โครงสร้างผู้ถือห้น 10 ดันดับแรก

จำนวน(ล้านหุ้น) จำนวน(% )
1 นาง พวงพันธุ์ บูลภักดิ์ 43,402,700 9.44
2 น.ส. ฉัตร์สุดา เบ็ญจนิรัตน์ 41,032,900 8.92
3 บริษัท บลิส-เทล 22,450,100 4.88
4 นาง วัลลีย์ พิทักษ์ 18,127,100 3.94
5 น.ส. ฉัตร์สุดา เบ็ญจนิรัตน์ 18,000,000 3.91
6 นาง จาติกาญจน์ ลี้อิสสระนุกูล 17,966,700 3.91
7 บริษัท เมืองไทยประกันภัย 14,115,200 3.07
8 นาง สุรีรัตน์ สุพิชญางกูร 13,354,700 2.90
9 น.ส. ฉัตร์สุดา เบ็ญจนิรัตน์ 13,022,600 2.83
10 พ.อ.หญิง ศรีกัญญา ทองใบใหญ่ 12,369,837 2.69

รวบรวมโดย : eFinanceThai.com



* "ภัทรียา ยันห้ามเน็ทฯ-มาร์จิ้นหุ้น LIVE ไม่ได้เลือกปฏิบัติ พร้อมชี้แจงต่อศาลหาก นลท.ฟ้อง
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ได้สั่งห้ามเน็ทมาร์จิ้นหุ้นบริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) เป็นครั้งที่ 2 ว่า ยืนยันว่าตลาดฯไม่ได้เลือกปฏิบัติเพราะที่ผ่านมาได้ดูแลการซื้อขายหุ้นในตลาดฯอย่างใกล้ชิดและมีหลักเกณฑ์พิจารณาว่าหุ้นตัวไหนมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ตลาดฯก็จะส่งสัญญาณบอกให้ผู้ลงทุนระมัดระวังตัวในการซื้อขาย คือห้ามซื้อขายแบบเน็ทมาร์จิ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าห้ามซื้อขายหุ้นตัวดังกล่าวเลย เพราะหากราคาหุ้นผันผวนมากและถ้าตลาดฯไม่มีการเตือนผู้ลงทุนที่ไม่ได้มีการสำรองเงินไว้มากพอก็จะได้รับความเดือดร้อน
เราดูหลักเกณฑ์ในเรื่องของปริมาณการซื้อขายเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาและยังดูรวมไปถึงกลุ่มที่เข้ามาทำการซื้อขายหุ้นตัวนั้นๆด้วยนางภัทรียา กล่าว
ส่วนกรณีที่นักลงทุนรายย่อยเตรียมจะฟ้องร้องตลาดหลักทรัพย์ฯในกรณีดังกล่าวนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ประโยชน์จากการสั่งห้ามดังกล่าว แต่ตลาดฯก็พร้อมชี้แจงโดยนักลงทุนสามารถย้อนกลับไปดูราคาหุ้น LIVE ช่วงที่สั่งห้ามเน็ทมาร์จิ้นและเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์ หุ้นดังกล่าวยังมีปริมาณการซื้อขายและราคาที่ไม่ปกติอยู่แต่ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นการซื้อขายแต่อย่างใดเพียงเดียว แต่เป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนได้วางแผนการลงทุนเท่านั้นและเชื่อว่านักลงทุนที่ได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่ ส่วนกลุ่มที่จะมาฟ้องร้องทางตลาดฯก็ยินดีรับฟังและพร้อมชี้แจงได้


* กูรูชี้ PSAP พุ่งกว่า 110 % ใน 13 วัน เหตุมีข่าวหาพันธมิตรใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจราคาหุ้น บมจ.ป่องทรัพย์ (PSAP) พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 13 วันทำการแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. ราคาปิดอยู่ที่ 0.86 บาท จากนั้นราคาได้ปรับเพิ่มขึ้นจนล่าสุดวันนี้ ราคาขึ้นไปสูงสุดอยู่ที่ 1.81 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท หรือ 110.46 %
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซันกล่าวว่าราคาหุ้น PSAP มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ แม้ไม่พบว่าในช่วงนี้บริษัทฯมีข่าวดีใหม่ออกมาสนับสนุนปัจจัยพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม คาดว่า PSAP น่าจะกำลังเตรียมหาพันธมิตรใหม่มาร่วมทุน เนื่องจากมองว่าหาก PSAP จะยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์การแข่งขันในแวดวงธุรกิจที่รุนแรง จำเป็นต้องมีการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ส่วนทางเทคนิคมองว่าสัญญาณเทคนิคมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1.73บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1.90 บาท


*บิ๊ก UBIS ระบุราคาหุ้นคึก เป็นไปตามเทรนด์ตลาดฯขาขึ้น
นายสวง ทั่งวัฒโนทัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ยูบิส (เอเชีย) (UBIS) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างคึกคักในช่วงนี้ น่าจะเป็นไปตามภาวะตลาดฯโดยรวมมากกว่า ซึ่งมองว่าที่ราคาหุ้น UBIS นั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในช่วงนี้ เพราะก่อนหน้านี้ราคาหุ้น UBIS ยังไม่มีการปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นตัวอื่นๆได้มีการทยอยปรับขึ้นกันไปแล้ว
ประกอบกับค่า P/E ของราคาหุ้นเองก็ยังต่ำกว่าตลาด MAI ที่อยู่ที่ 11 เท่า ขณะที่ของ UBIS อยู่ที่ 9.6 เท่า ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจึงไม่ผิดปกติ และพื้นฐานก็ไม่ได้มีการเปลี่นแปลงอะไร
" ได้ติดตามราคาหุ้นอยู่ ผมดูว่ามันเป้นการเคลื่อนไหวตามเทรนด์ของตลาดแต่หุ้นตัวอื่นมีการทยอยขึ้นตามตลาดฯกันไปแล้ว แต่ของ UBIS เพิ่งจะมาขึ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นเองคงเห็นว่ายังไม่ขึ้นตามตลาดฯ" นายสวง กล่าว




:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com