May 17, 2024   9:32:51 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธงวันนี้หุ้นลงต่อ แนวรับอยู่ที่840จุด
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 31/07/2007 @ 09:37:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วันนี้(31ก.ค.)ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการรีบาวนด์ช่วงสั้น และพร้อมที่จะลงต่อ ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ การแข็งค่าเงินญี่ปุ่น ตัวกระทบ แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศยังดีอยู่ โบรกเกอร์แนะให้มองยาวไปถึงเลือกตั้ง แนวรับรอบนี้อยู่ที่ 840 จุด รับอยู่แน่แต่ถ้าหลุดก็กลายเป็นขาลงทันที แนะลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน -ไฟฟ้า ที่จะเป็นตัวพยุงดัชนีไม่ให้หลุดมากกว่านี้ ส่วนวานนี้(30 ก.ค.)ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัดเปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยในวันนี้(31ก.ค.) ว่า อาจจะมีแรงเทขายออกมาอีก หลังจากช่วงท้ายสัปดาห์ก่อนมีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติออกมาเป็นจำนวนมาก

ส่วนเหตุผลของการเทขายของนักลงทุนที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในวันนี้(31ก.ค.)อีกคงมาจากเรื่องที่ต้องการลดความเสี่ยงจากปัญหาซัพไพร์ม ที่เป็นปัญหาใหญ่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาขณะนี้

"ถ้าพูดถึงผลกระทบจากภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯของอเมริกา ถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเป็นปัญหาใหญ่ของอเมริกา ที่คงไม่อาจจะจบลงได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งข้อมูลข่าวสารในเรื่องดังกล่าวยังคงเป็นตัวที่กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย ไม่ให้วิ่งแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมาแล้ว?นายสุกิจกล่าว

โดยในวันนี้แรงขายคงจะเหลือมาจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการ 1 วัน ซึ่งจากนี้ไปตลาดหุ้นไทยคงจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยแรงซื้อของกลุ่มฟันด์โฟลตอีกแล้ว เพราะเม็ดเงินเหล่านี้จะถูกนำไปพักอยู่การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ

สำหรับหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนในช่วงนี้ คงเป็นหุ้นรายกลุ่ม หรือรายตัว โดยให้เน้นลงในหุ้นกลุ่มน้ำมันเป็นหลัก เพราะหุ้นกลุ่มนี้จะลงไม่มาก เนื่องจากเทรนด์น้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ไม่ยากนัก

"หุ้นกลุ่มน้ำมันจะเป็นกลุ่มที่น่าจะดึงให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ปรับตัวลงแรงมากนัก ซึ่งมีโอกาสได้เห็นดัชนีที่ฟื้นตัวขึ้นจากกลุ่มน้ำมัน แต่ทั้งนี้หุ้นกลุ่มน้ำมันยังเป็นกลุ่มของเทรดดิ้ง โดยจะเป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับความนิยมในระยะสั้นนี้ นอกจากนี้ให้จับตาหุ้นกลุ่มไฟฟ้า ซึ่งน่าจะเป็นอีกกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของอเมริกา"นายสุกิจกล่าว

ส่วนดัชนีของสัปดาห์นี้แนวรับจะอยู่ที่ 840 จุด ซึ่งแนวรับดังกล่าวเป็นจุดที่แข็งแกร่งมากแต่ถ้าหากดัชนีหลุดแนวรับดังกล่าว ตลาดหุ้นไทยคงจะเป็นช่วงขาลงทันที สำหรับแนวต้านคงอยู่ไม่เกิน 880 จุด

ด้านนางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด(มหาชน)กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการรีบาวนด์ขึ้นมาบ้างตามสัญญาณทางเทคนิค ซึ่งอาจจะขึ้นมาชนแนวต้านที่ระดับ 872-876 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลงน่าจะมีการปรับตัวลงต่ออีก

"ภาวะตลาดหุ้นวันนี้คงจะได้เห็นการรีบาวนด์กลับ หลังจากช่วงสัปดาห์ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง เพราะข่าวของซัพไพร์มในอเมริกา ซึ่งการรีบาวนด์รอบนี้ ดูไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเป็นการปรับตัวขึ้น เพื่อลงต่ออีกครั้ง"นางสิริณัฏฐากล่าว

สำหรับการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ รอบนี้นอกเหนือจากข่าวในอเมริกาแล้ว การปรับพอร์ตการลงทุน ในเมื่อค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น ก็ถือว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง เนื่องจากที่ผ่านมาค่าเงินเยนอ่อนค่า ทำให้มีบางกลุ่มที่กู้เงินเยนไว้ต้องเทขายหุ้นเพื่อนำย้ายไปซื้อเงินเยนแทน

โดยในรอบนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีการขายหุ้น เพื่อไปถือเงินเยนอีกมากแค่ไหน แต่ตราบใดที่ค่าเงินเยนยังแข็งค่าอยู่ ก็อาจจะมีการเทขายหุ้นออกมาอีกระลอก แต่ทั้งนี้ประเด็นเรื่องเงินเยนแข็งค่า อาจจะเป็นผลที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น

เหตุผลที่ให้มองแนวโน้มค่าเงินเยนประกอบด้วย เนื่องจากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนของ ยูบีเอส วอร์เบิร์ก ที่มีแรงขายมากกว่าเพื่อน คงเป็นสิ่งที่ประเมินได้ เพราะช่วงที่เงินเยนอ่อน ทางยูบีเอสก็เข้าไปไล่ซื้อเป็นจำนวนมาก

สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าจะเข้าลงทุน คงเป็นหุ้นบลูชิพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานปิโตรเคมี และโภคภัณฑ์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากความอ่อนลงของเศรษฐกิจสหรับ แต่หากจะไปอิงกับตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกซึ่งประเด็นดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ในขณะที่นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี กลับมองว่า สาเหตุ ที่นักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทำไรออกมาเนื่องจากค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติทำกำไรจากส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากส่วน ต่างราคาหุ้นได้น้อยลง ประกอบกับในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัว เพิ่มขึ้นมากว่า 300 จุด ทำให้นักลงทุนต่างชาติมองเห็นจังหวะที่ดีในช่วงที่ ดัชนีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเพื่อขายทำกำไรออกมา

สำหรับปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านคณะความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)นั้นเชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น หากการชุมนุมเป็นไปด้วยสันติ วิธีและไม่มีการเดินขบวนออกจากท้องสนามหลวง ดังนั้นประเด็นที่ต้องติดตามคือแกน นำกลุ่มผู้ชุมนุมใหม่ว่าจะสร้างความวุนวายอีกหรือไม่

ส่วนความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าคาดว่าดัชนีจะปรับฐานต่อได้เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน และคงต้องติดตามการเคลื่อน ย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติว่าจะไปในทิศทางใด การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยประเมินแนวรับที่ 840 จุด และแนวต้านที่ 862 จุด

นางศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่าการปรับ ตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้น มั่นใจว่าสาเหตุไม่ได้เกิดจากเป็นปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศเป็นตัวกดดันการลงทุน เนื่องจากมองว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจภายในประเทศจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น นับจากช่วงครึ่งหลังของปีนี้จนถึงปีหน้า

โดยในช่วงปลายปีจะมีการเลือกตั้งซึ่งจะทำให้การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ทั้งนี้คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้นภายหลังจาก ที่ดัชนีปรับตัวลดลงแรง และนับเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะหาจังหวะที่ดีในช่วง ที่ดัชนีปรับฐานเพื่อเข้าทยอยซื้อสะสม และคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ต่างประเทศประกอบด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

ทางด้านความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นต่างประเทศย่ายเอเชียวานนี้(30 ก.ค.) ส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวขึ้น โดยของสิงค์โปร์ปิดที่ 3,529.29 จุด บวก 33.59 จุด ฮ่องกงปิดที่ 22,739.90 จุด บวก 169.49 จุด จีน ปิดที่ 4440.769 จุด บวก 95.412 จุดออสเตรเลียปิดที่ 6,149.5 จุด บวก 0.31 จุด

ส่วนตลาดหุ้นที่ดีชนีปรับลดลง เช่น มาเลเซียน ลดลง 0.96% ไต้หวัน 0.98% และฟิลิปปินส์ 1.46% อย่างไรก็ตาม ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ส่วนใหญ่ดัชนียังคงปรับลดลง


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 31/07/2007 @ 11:46:24 :
[b:3ddc6660a7">SET: ทั้งสัปดาห์ปิดบวก แต่รู้สึกแย่ [/b:3ddc6660a7">

ที่มา สมพงษ์ เบญจเทพนันท์

หัวข้อข่าว : SET: ทั้งสัปดาห์ปิดบวก แต่รู้สึกแย่
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีได้ปรับตัวสูงขึ้นจากบริเวณ 850 จุดและปิดที่บริเวณ 863 จุดหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 13 จุดแต่ Sentiment ของแนวโน้มในระยะสั้นๆเพราะในช่วงปลายสัปดาห์ดัชนีได้พักปรับฐานราคาในช่วงสั้นๆหลังจากขึ้นไปทำ High ที่ 895 จุดและมี Panic Sale ขนาดเล็กๆในวันศุกร์จากดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงแรงซึ่งคงต้องลุ้นแนวรับของดาวโจนส์ที่บริเวณ 13,200 จุดซึ่งเป็น Double Bottom ซึ่งหากรองรับไม่อยู่ก็อาจจะ Panic กันทั่วโลกอีกครั้งนั่นก็หมายถึงเราต้องไปลุ้นแนวรับถัดไปที่บริเวณ 637 จุดและรับไม่อยู่เราอาจจะลงได้ถึง 815 จุด ในทางกลับกันการปรับตัวลงแรงในวันศุกร์ด้วย Volume ที่ไม่หนาตาเท่าที่ควรดังนั้นหากมี Rebound กลับขึ้นไปก็น่าจะมีแรงพอสมควรแต่ไม่ก็คาดว่าจะสามารถขึ้นไปทำ New High ได้อย่างต่อเนื่องและขึ้นไปก็จะติดแนวต้านแรกที่ 876 จุดหรือ 891 จุด

กลยุทธ์ ถือยาวมากกว่า 60 % เล่นสั้นๆ 30 %
แนวรับ แนวต้าน
854 จุด 876 จุด
837 จุด 991 จุด
BBL แผนการเล่น ?ซื้อรอบใหญ่ ?
ตัดขาดทุนที่ 124.00 บาท
? ระดับราคาได้ทำการปรับฐานราคาหลังจากทำ New High โดยจะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 125.00 บาทซึ่งเป็น High เดิมที่ Break Out ขึ้นมาได้ ดังนั้นการปรับฐานราคาในครั้งนี้จะมีความสำคัญมากเพราะหากยืนได้ก็แสดงถึงการยืนยันสัญญาณซื้อของแนวโน้มใหญ่แต่ถ้ายืนไม่ได้ก็แสดงว่าสัญญาณซื้อในครั้งนี้คงจะล้มเหลวลง

? กลยุทธ์ ทยอยซื้อที่แนวรับ ระยะกลาง Let Profit Run
แนวรับ แนวต้าน
125.00 บาท 137.00 บาท
112.00 บาท 150.00 บาท
ASP แผนการเล่น ?เล่น Rebound ?
ตัดขาดทุนที่ 3.98 บาท
? แนวโน้มในระยะสั้นๆของระดับราคากำลังพักปรับฐานราคาในช่วงสั้นๆโดยมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ที่มี channel อยู่ระหว่าง 4.00-4.50 บาท ดังนั้นที่ 4.00 บาทจะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งและพร้อมจะมี technical rebound ในช่วงสั้นๆเกิดขึ้นได้สำหรับแนวโน้มในระยะกลางยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น

? กลยุทธ์ ทยอยซื้อที่แนวรับ
แนวรับ แนวต้าน
4.08 บาท 4.30 บาท
4.00 บาท 4.50 บาท


:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com