May 17, 2024   11:06:14 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดหุ้นเด่น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 31/07/2007 @ 11:38:37
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เปิดตัว 5 หุ้นจิ๋วตลาดmaiเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเดือนกรกฎาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด

?TRC?ฮอตติดเบอร์ 1 ด้วยเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงสูงถึง 47% เซียนหุ้นทำนายกำไรสุทธิอยู่ที่ 136 ล้านบาท ตามติดด้วย?UMS?ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง 41.46% โบรกคาดปีนี้กำไรโต 274 ล้านบาท ขณะที่?UBIS?ราคาวิ่งแรงเปลี่ยนแปลงถึง 35.91% นักวิเคราะห์ประมาณการกำไรปี 2550 ที่ 46 ล้านบาท ด้าน?S2Y?ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง 31.73% ขณะที่?UEC?เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง 30.14% โบรกมองกำไรขยายตัว 7.8%

จากการสำรวจหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ที่มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นสูงสุด 5 อันดับแรกในรอบเดือนกรกฎาคม 2550 พบว่าหลักทรัพย์ที่มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นสูงสุดได้แก่ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ TRC ที่มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 47.85% โดยโบรกเกอร์คาดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 136 ล้านบาท หรือคิดเป็นEPS เท่ากับ 0.53 บาทต่อหุ้น และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.90% เนื่องจาก
TRC มีศักยภาพที่จะเติบโตสูงในอนาคต ทั้งงานด้านรับเหมาก่อสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

รองลงมาคือบริษัท ยูนิค ไมนิ่งเซอร์วิสเซส จำกัด(มหาชน)หรือ UMS มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นสูงสุดถึง 41.46% โบรกเกอร์ประเมินผลการดำเนินงานกำไรสุทธิปี 2550 เพิ่มขึ้น 17% เป็น 274 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น(EPS) 1.96 บาท และประเมินอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.70% เนื่องจากคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจะปรับขึ้น 8% ขณะที่ปริมาณการขายถ่านหินคาดปรับขึ้น6% โดยได้รวมเอาปริมาณการขยายจากโครงการถ่านหินก้อนจำนวน 60,000 ตันในปี 2550 เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 เป็นต้นไป และอีก 180,000 ตันในปีหน้า

อันดับ 3 บริษัท ยูบิส(เอเชีย) จำกัด(มหาชน) หรือ UBIS มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 35.91% โดยโบรกเกอร์คาดว่าปีนี้ UBIS จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EPS คาดว่าจะอยู่ที่ 0.24 บาทต่อหุ้น และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.70% เนื่องจากใช้กำลังการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น จากการเติบโตของรายได้จากการขายในประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี หลังจากที่UBIS ได้เข้าถือหุ้นในบริษัทย่อยในประเทศจีนเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและดำเนินการด้านการตลาดด้วยตัวเอง

ส่วนอันดับที่ 4 บริษัท สยามทูยู จำกัด(มหาชน) หรือ S2Yเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 31.73% และอันดับสุดท้ายคือ บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ UEC มีเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอยู่ที่ 30.14 % โดยโบรกเกอร์คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 7.8% ส่วน EPS คาดอยู่ที่ 2.17 บาทต่อหุ้น และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.8% จากปริมาณงานที่มีอยู่ในมือ(Backlogs)ที่มีอยู่ในมือจำนวนมาก ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า UEC จะประมูลงานใหม่อีก โดยทั้งปีคาดว่าบริษัทจะประมูลงานใหม่ได้ประมาณ 1.3 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2549 มี Backlogs อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท

++++++++++++++++

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 31/07/2007 @ 11:42:42 :
[b:d83499596d">หุ้นปิโตรยึดแชมป์ก.ค. [/b:d83499596d">
ที่มา ทันหุ้น

-กลุ่มปิโตรเคมีครองแชมป์ราคาหุ้นพุ่งสูงสุดในรอบเดือนกรกฎาคม IRP ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ราคาพุ่งแรงเฉียด 33% นำโด่งพี่บิ๊ก PTTCH , ATC ต้องหลีกทางให้ ด้านโบรกคาดราคาหุ้นวิ่งรับการเติบโตก้าวกระโดดหลังเดินเครื่องขยายกำลังการผลิตทั้งใน-ต่างประเทศ ยิ่งใกล้ระเบิดผลงานไตรมาส 2 ปรับเป้าหมายใหม่รับทันทีเป็น 13 บาท จากเดิม 9.00 บาท ส่วนผู้บริหาร IRP ?ปราโมด นารายณ์ ดูเบย์? แย้มเตรียมประกาศผลงานไตรมาส 2/2550 วันที่ 13-14 สิงหาคมนี้ มั่นใจดีกว่าปีก่อนแน่นอน ส่วนเงินปันผลยังไม่ใจอ่อนแบ่งจ่ายกลางปี ให้รอรับงวดเดียวเต็มที่ทั้งปีเหมือนเดิม

ก้าวผ่านเดือนแรกของไตรมาส 3/2550 ตลาดหุ้นไทยยังคงเดินหน้าต่อเนื่องโดยตลอดช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมา 13.82% โดยทำจุดสูงสุดที่ 884.16 จุดเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม ขณะที่ต่ำสุดที่ 792.71 จุด เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2550 ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่อวันกว่า 3.21 หมื่นล้านบาท

ผลการสำรวจหมวดอุตสาหกรรมที่ครองแชมป์ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือนคือกลุ่มปิโตรเคมี มีการปรับตัวขึ้นมากว่า 22.85% รองมาคือกลุ่มพลังงาน ปรับตัวขึ้นมา 21.49% ส่วนอันดับ 3 เป็นกลุ่มไอซีที ปรับตัวขึ้นมา 15.01% อันดับ 4 เป็นของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้นมา 14.49% และอันดับ 5 กลุ่มไฟแนนท์ปรับตัวขึ้นมา 14.49%

สำหรับหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีพบว่าราคาหุ้น IRP มีการปรับตัวขึ้นสูงสุด จากระดับราคาต่ำสุดที่ 7.90 บาท เป็น 10.50 บาท หรือคิดเป็น 32.48% อันดับ 2 หุ้น PTTCH ราคาต่ำสุดที่ 90.50 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ 120 บาท คิดหรือคิดเป็น 30% ส่วนอันดับ 3 หุ้น TCCC ปรับตัวขึ้นมา 25% อันดับ 4 หุ้น ATC ปรับตัวขึ้นมา 15.88% และอันดับ 5 หุ้น VNT ปรับตัวขึ้นมา 7.88%

นายวรุฒม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงที่สุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นคงเป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับปัญหาอุปทานจากประเทศจีนหลังจากมีการประท้วงและมีการปิดโรงงานปิโตรเคมีจากปัญหาในเรื่องมลภาวะทำให้กดดันราคาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
?ประเด็นหลักคงเป็นเรื่องการประท้วงโรงงานปิโตรเคมีที่จีนทำให้เกิดปัญหาเรื่องอุปทานเพราะอุปทานจากจีนมีปริมาณที่มากทำให้เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาผลิตภัณฑ์ขยับสูงขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเลยทั้งอะโร

เมติกส์ โอเลฟินท์รวมถึงตัวเม็ดพลาสติก?นายวรุฒม์กล่าว
IRPไตรมาส2ติดเครื่อง
ส่วนหุ้น IRP ที่มีการปรับตัวขึ้นมาโดดเด่นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านนั้นคงเป็นเพราะแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการขยายกำลังการผลิต ซึ่งคาดว่าตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2/2550เป็นต้นไป จะมีผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่นจากการขยายกำลังการผลิตที่อเมริกา และกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศไทย และจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 6.03 แสนตันต่อปีภายในปีนี้
กำไรปีนี้โต60%-เป้า13บาท
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงมองว่าแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในครึ่งปีหลังส่งผลให้หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมียังคงน่าสนใจโดยหุ้นที่แนะนำคือ IRP โดยคาดว่าจะกำไรสุทธิเติบโตประมาณ 60% จากปีก่อนและเมื่อพิจารณาถึงการขยายกำลังการผลิตแบบก้าวกระโดดในอนาคตและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จึงปรับราคาเป้าหมายจากเดิมให้ไว้ที่ 9 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 13 บาท และคาดว่าอัตราส่วนจากเงินปันผลปีนี้จะอยู่ที่ 2.8%
นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มปิโตรที่ยังแนะนำและเตรียมปรับประมาณการ์ใหม่เร็วๆ คือ ATC โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 88 บาท ,PTTCH ราคาเป้าหมายที่ 125 บาท และTPC ราคาเป้าหมายที่ 21.40 บาท
แจ้งQ2วันที่13-14ส.ค.
นายปราโมด นารายณ์ ดูเบย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) IRP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2550 ในช่วงวันที่ 13-14 สิงหาคมนี้ซึ่งยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานดังกล่าวจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการที่บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

?ผลงานไตรมาส 2 เราดีแน่นอนคงประกาศได้ประมาณวันที่ 13-14 สิงหาคมนี้ ส่วนเรื่องเงินปันผลนั้นเราไม่มีการจ่ายครึ่งปีอยู่แล้วคงเป็นทั้งปีทีเดียวเลยซึ่งปีก่อนก็จ่ายไป 0.17 บาท และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องเพราะเราขยายกำลังผลิตค่อนข้างเยอะ?นายปราโมดกล่าว

สำหรับราคาหุ้น IRP ที่ปรับตัวขึ้นมาโดดเด่นนั้นไม่สามารถระบุได้แต่หากพิจารณาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีถือว่ามีการเติบโตได้ต่อเนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับสูงและการที่หลายบริษัทมีการขยายกำลังการผลิต

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น IRP วานนี้ (27 ก.ค.2550) ปิดที่ราคา 10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 3.85% มูลค่าการซื้อขาย 41.60 ล้านบาท ส่วน PTTCH ปิดที่ราคา 113 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 3.42% มูลค่าการซื้อขาย 409.32 ล้านบาท


:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com