May 17, 2024   11:04:20 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > *****สัญญาณหุ้นค่ะ *******
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 02/08/2007 @ 09:31:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.สินเอเชียแนะนำซื้อSATTELราคาเป้าหมาย 14.50 บาท

คาดผลประกอบการ 2Q50 เริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบ QoQ จากยอดขาย UT ที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ที่ทำให้รายได้จากการให้บริการดาวเทียมชะลอตัวลง นอกจากนี้รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์ยังเติบโตได้ดี จากยอดผู้ใช้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการแข่งขันทางด้านราคาในกัมพูชาที่ลดลง จึงคาดว่าจะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 308 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจาก 327 ล้านบาทใน 1Q50แต่เมื่อเทียบ YoY ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นจาก 180 ล้านบาท เนื่องจากภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ใน 2Q50 SATTEL ยังคงมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 218 ล้านบาท จึงทำให้ขาดทุนสุทธิเพียง 90 ล้านบาท

ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายเชนนิงตัน (SHEN) 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะบันทึกกำไรจากการขายหลังหักต้นทุนและภาษีราว 3,380 ล้านบาท เข้ามาใน 3Q50 โดยเงินที่ได้จะนำไปชำระหนี้ 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้นและจากภาระการลงทุนที่ลดลง หลังจากที่ได้ลงทุนใน IPSTAR ที่มีคุณภาพสูงไปแล้ว จึงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายปี 50 เท่ากับ 14.50 บาท จากวิธี DCF

บล.บัวหลวงแนะนำซื้อPRINราคาเป้าหมาย: 5.40 บาทการเมืองที่คลี่คลาย แนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นบวก และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ช่วยให้ตัดสินใจซื้อบ้านง่ายและเร็วขึ้น จากผลสำรวจของ ธ. อาคารสงเคราะห์จะเห็นได้ว่ามีผู้ตั้งใจจะซื้อบ้านสูงถึง 92.1% ของจำนวนผู้บริโภคทั้งหมด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าหากผู้ประกอบการอสังหาฯมีโครงการที่สามารถตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุดคือ รายได้ประจำเพียงพอแน่นอนและหน้าที่การงานมั่นคง ดังนั้น เราจึงมองว่าการเมืองที่คลี่คลายและแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ย่อมส่งผลถึงการดำเนินธุรกิจโดยรวม และสร้างความมั่นใจต่อรายได้และหน้าที่การงานของผู้บริโภค รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อ "ง่ายและเร็วขึ้น" ซึ่งจะทำให้ยอดขายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นDilution Effect ที่ 50% จากการเพิ่มทุนไม่กระทบกำไรปี 51 เนื่องจากในปี 51บริษัทจะรับรู้ยอดขายคอนโดฯ 3 โครงการ (The Complete ราชปรารภ และ ThePulse พหลโยธิน 37 ซึ่งเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/50 และโครงการคอนโดฯใหม่ที่พัทยามูลค่าราว 500-600 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ย. นี้และแล้วเสร็จกลางปี 51) ซึ่งจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นจาก 26.3% ในปี 50 มาอยู่ที่ 31.4% ในปี 51 รวมทั้งการฟื้นตัวของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นของบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์(ซึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าของ PRIN ตรงกับงบประมาณและความสามารถในการผ่อนชำระของผู้บริโภคส่วนใหญ่) ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเติบโตได้ถึง 110.9% จากปี 50 ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าราคาหุ้น PRIN ได้สะท้อนผลลบเรื่องผลประกอบการปี 50 และ Dilutioneffect ไปหมดแล้ว แต่ตลาดยังไม่ตอบรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ PRIN ที่จะเกิดขึ้นในปี 51 เหมือนเช่นที่ตลาดตอบรับกับหุ้นอื่นในกลุ่มที่อยู่อาศัยท ราคาเหมาะสมที่ 5.40 บาท เราใช้ PER ที่ 10 เท่า ในการประเมินมูลค่าหุ้น PRIN ซึ่งยังคงเป็นPER ที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ซื้อขายกันที่ PER ประมาณ 14 เท่า โดย ณ PER 10 เท่า จะได้ราคาที่เหมาะสมเท่ากับ 5.40 บาท และคิดเป็น PEG เพียง 0.11 เท่า เนื่องจาก 1)อัตรากำไรขั้นต้นของ PRIN ค่อนข้างผันผวนกว่าผู้ประกอบการอื่นในตลาด และ 2)แนวโน้มการเติบโตในปี 52 ของบริษัทยังไม่ชัดเจนมากนัก ทว่าผลประกอบการของบริษัทในปี 51 จะเติบโตถึง 90% ซึ่งจะชดเชยผลกระทบจาก Dilution effect ที่ระดับ 50%ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด

บล.เกียรตินาคินแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัวSTANLYราคาเป้าหมาย 153.40 บาท
เรายังคงคาดผลการดำเนินงานปี 50 ของบริษัทจะทรงตัวจากปี 49เหมือนกับภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะทรงตัวในปีนี้ จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และผลกระทบทางอ้อมจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท คาดปี 50บริษัทจะมียอดขายเท่ากับ 8,205 ลบ. เพิ่มขึ้น 4% yoy คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 1,175 ลบ.เพิ่มขึ้น 2% yoy คาดกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 15.34 บาท คาดจากผลการดำเนินงานปี 50บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 5.06 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Div Yield เท่ากับ 3.49%

ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 50 เท่ากับ 153.40 บาท (P/E 10X) (P/E กลุ่ม AUTOปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 10.5X) เมื่อเทียบกับราคาตลาดยังมี Up-side Gain 5.79% และคาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.49% ในปี 50 เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยบริษัทจะมีการจัดงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 1/50 ในวันพรุ่งนี้ (2 ส.ค. 50) ซึ่งเราจะเข้าร่วมฟังข้อมูลและสอบถามถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 50 และแนวโน้มผลประกอบการปี 51 และเราจะออกบทวิเคราะห์STANLY อีกครั้ง

บล.คจีไอแนะนำซื้อQHราคาเป้าหมาย 2.00 บาท
เราเห็นว่า QH เป็นหุ้นที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในการลงทุนในปัจจุบันจากตัวเลขยอดขายโครงการและผลกำไรปัจจุบันในปี 2550 ในครึ่งแรกของปี 50 QH สามารถสร้างยอดขายโครงการสูงถึง 5.2 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 74% YoY จากความสำเร็จของการเปลี่ยนกลยุทธ์ไปมุ่งเน้นตลาดบ้านระดับกลาง-ต่ำ โดยใช้ชื่อโครงการ Casa นำเสนอบ้านคุณภาพดีราคาไม่แพงนัก ทำให้เราคงประมาณการยอดขายโครงการในปี 2550 ของเราที่ 9.2 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% จากปี 2549

ในปี 2551-52 QH ดูจะเป็นหุ้นเด่นของเราต่อเนื่องจากตัวเลขกำไรและยอดขายโครงการที่สูง เราคาดว่ายอดขายโครงการในปี 2551 และ 2552 อยู่ที่ 10.8 พันล้านบาทและ 12.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% และ 15% ตามลำดับ โดยคาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในโครงการคอนโดเปิดใหม่ 2 โครงการในครึ่งหลังของปี 51 ในขณะที่อัตรากำไรเพิ่มจากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นถึงระดับ 30% ในอีกสองปีข้างหน้า

หลังจากการรายงานผลขาดทุนติดต่อกัน 8 ไตรมาส ธนาคาร Land andHouses Retail Bank (LH Bank) ที่ QH ถือหุ้นอยู่ 27% รายงานผลกำไรเป็นครั้งแรกในเดือน เม.ย. เมื่อรวมกับการลงทุนในบริษัทย่อยอื่น ๆ เช่น HMPRO และ Q-Con เราคาดว่า QH จะบันทึกรายรับจากการลงทุนที่สูงขึ้นถึง 40-50 ล้านบาทในไตรมาส 2/50เพิ่มจาก 35 ล้านบาทในไตรมาส 1/50


[/color:75959368b5">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com