*หากคิดคำนวณการอ่อนตัวของดัชนีในรอบสัปดาห์เล่นๆ จะรู้ได้ทันทีว่า ถึงเวลาช้อนซื้อหุ้น เพราะหุ้นหลายตัวลงมามากเกินไป อีกทั้งสัญญาณทางเทคนนิคก็บอกให้รู้ว่า ดัชนีไม่มีทางจะหลุดลงไปใต้แนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 800 จุดอย่างทนโท่ "โมนิก้า" ไม่แนะนำให้นักลงทุนเก็บหุ้นก็คงผิดวิสัยหญิงรอบรู้อย่างอิฉัน

*เนื่องจากโอกาสดีๆ อย่างนี้ไม่มีบ่อยนัก และสัญญาณทางเทคนิคก็บอกว่า หุ้นกำลังเข้าเขตขายมากเกินไป หากไม่ใช่จังหวะนี้เก็บหุ้นพื้นฐานดีไว้ในพอร์ตให้มากที่สุด มีหวังต้องไล่ซื้อหุ้นราคาแพงเป็นแน่แท้เจ้าค่ะ

*อีกทั้งกับสถิติเก่าๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะบอกว่า ช่วงเดือน 8-10 เป็นช่วงที่ดัชนีแกว่งตัวในทิศทางขาลง และเคลื่อนตัวออกไปด้านข้างอีกพักใหญ่ๆ หลังจากนั้นถึงจะปรับตัวขึ้นแรงช่วงไตรมาสสุดท้าย เท่ากับเป็นการส่งซิกให้ขาประจำทยอยเก็บหุ้นค่อนข้างชัดเจนแล้วจ้า..

*ประกอบกับกูรูบางสำนักออกมาฟันธง..ชับ..ชับ ว่า นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นรอบนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตอนนี้เทขายไปแล้วกว่า 1.20 หมื่นล้านบาท ไม่น่าทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะเม็ดเงินที่เหลืออีก 8 พันล้านบาท ค่อนไปในลักษณะทยอยเทขายหุ้นมากกว่าทิ้งออกมาตูมเดียว...ทราบแล้วเปลี่ยน

*ยิ่งเห็นนักลงทุนรายย่อยกลับลำมาเป็นผู้ซื้อสุทธิด้วยแล้ว "โมนิก้า" ว่าแย่ที่สุดดัชนีคงแกว่งตัวออกด้านข้างพักใหญ่ๆ มากกว่ารูดลงวันละ 15-20 จุดเหมือนเช่นก่อนหน้านี้เพราะเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้แย่จนเยียวยาไม่ขึ้นนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะในรายของ PTT แม้ในระหว่างวันราคาหุ้นจะรูดหลุด 300 บาทลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงบ่ายก็มีแรงซื้อกลับเข้ามามากเช่นกัน จนดันราคาหุ้นขึ้นมายืนที่ 302บาทอย่างเสียวไส้...น่าเสียดายที่การขึ้นมาปิดเหนือแนวรับสำคัญดังกล่าวสำเร็จ ไม่ได้ทำให้หุ้นกลับทิศจากขาลงเป็นขาขึ้นได้ วันนี้หุ้นจึงมีโอกาสลงต่อนะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ PTTEP TOP RRC และ ATC โดนแรงเทขายกระหน่ำออกมาตลอดทั้งสัปดาห์จนเสียศูนย์ และยากที่จะเด้งกลับอย่างบูรณาการแบบนี้"โมนิก้า" ขอแนะนำให้อยู่เฉยๆ เป็นการชั่วคราว เพราะของถูกกว่านี้ยังมีให้ซื้ออีกบานทะโล่นะคุณพี่

*ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ดูเหมือนจะตั้งลำได้ก่อนใครเพื่อน และพยายามจะถีบตัวให้หลุดพ้นจากขาลงแบบนี้ "โมนิก้า" เห็นดีเห็นงามที่นักลงทุนจะใช้โอกาสนี้เข้าเก็บหุ้นเพิ่มเติมเพราะกูรูส่วนใหญ่ที่สนิทชิดเชื้อก็แนะนำให้เข้าเก็บหุ้นกลุ่มนี้เช่นกัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องคัดค้านการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มนี้

*ประหลาดที่สุด น่าจะเป็นในรายของ AOT ผลกำไรลดลงฮวบฮาบ แถมรายได้ก็ไม่เป็นไปตามเป้า แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับวิ่งฝ่าไฟแดงขึ้นมาปิดที่ระดับสูงสุดของวัน 65บาท บวกไป 2.50 บาท ทั้งที่ไม่มีอะไรในก่อไผ่ นอกจากหน่อไม้ คุณว่าการขึ้นครั้งนี้ มันเว่อร์ไหมหล่ะ

*ส่วนเครื่องจักรผลิตเงินสดอย่าง BECL กลายเป็นหุ้นที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างบูรณาการเสียแล้ว เพราะวานนี้มีแรงเทขายพรั่งพรูออกมาตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 24.50 บาท ลบไป 0.30 บาท หากวันนี้ไม่สามารยืนเหนือแนวรับ75 วันบริเวณ 24 บาทได้ มีหวังต้องลงไปพักฐานแถว 23.50 บาทชัวป๊าบ...บบบบ

*STEC กลายเป็นหุ้นที่มีอาการโควม่าสุดๆ เพราะวานนี้วันเดียวราคาหุ้นรูดลงไปถึง 10% หรือลงไปถึง 0.70 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 5.95 บาท พร้อมด้วยแรงเทขายที่หนาแน่นกว่าทุกวันที่ผ่านมาอย่างเนี่ย...หากวันนี้ไม่สามารถยืนรักษาแนวรับที่ 5.50 บาทได้ มีหวังต้องลงไปกองอยู่แถว 4.50 บาทเป็นแน่แท้

*ทางด้าน RATCH เป็นหุ้นที่น่าจับตามากสุด เพราะตอนที่หุ้นตัวอื่นเพิ่งจะลง หุ้นตัวนี้ลงมาถึงฐานก่อนใครเพื่อนแล้ว วานนี้ถึงได้โอกาสเด้งขึ้นมาปิดที่ 46.75 บาท บวกไป 1.50 บาท และยังมีแก๊ปให้หุ้นอีกประมาณ 2-3 บาท "โมนิก้า" ไม่แนะนำให้คุณๆ เข้าเล่นตั้งแต่หัววันได้อย่างไรกัน

*ทางด้าน MDX ทีแรกก็นึกว่าจะร้อนแรงสวนกระแสอย่างหวือหวา เพราะวันแรกที่ตลอดปล่อยให้ซื้อขายวันแรกราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นไปกว่า 300% ถัดมาช่วงเช้าวานนี้ก็กระชากขึ้นไปยังบริเวณ 6.15 บาท แต่พอตกบ่ายกลับมีแรงเทขายทำกำไรออกมาดูดับตับไหม้ จนราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 4.90 บาท ลบไป 0.40 บาท "โมนิก้า" ถึงไม่อยากให้มิตรรักแฟนเพลงเข้าไปเล่นหุ้นตัวนี้ไงหล่ะ...เนื่องจากตัวธุรกิจยังไม่พ้นจากปากเหวอย่างถาวร

*ก่อนจากกันขอทิ้งท้ายที่เรื่องการเมือง การมุ้งว่า ยังเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่เลิกเพราะต่างฝ่ายต่างงัดไม้ตายเข้าห่ำหันกันอย่างดุเดือดเผ็ดมัน จนดูไม่ออกว่าใครกำลังได้เปรียบมากกว่า "โมนิก้า" ถึงไม่อยากเอ่ยถึงให้เปลื้องน้ำลาย

*เนื่องจากเกมการเมืองพลิกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา หากมัวแต่สนใจแต่นี้เรื่อง มีหวังไม่ต้องทำอะไรกินกันพอดี ดั่งคำภาษอังกฤษที่พูดว่า The Show Must Go On... ขอกระแด๊ะส่งท้ายเสียหน่อย...อิอิอิ


:lol: