May 17, 2024   2:13:41 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เซียน..? เสือ..? เขี้ยว...? อนิจจัง
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 04/08/2007 @ 20:32:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ในอดีต เมื่อหลายปีก่อน "กมล เอี้ยวศิวิกูล" เคยติดอยู่ในกลุ่มนักลงทุน (รายบุคคล) รายใหญ่ ติดอันดับ 1 ใน 50 ของประเทศ แต่ชื่อในวงการหุ้นของ "เสี่ยโต้ง" ค่อยๆ ริบหรี่ลง พร้อมกับยุค "ถดถอย" ของหุ้นในเครือไมด้า แอสเซ็ท ขณะที่ "เสียงตำหนิ" จากผู้ถือหุ้น แว่วดังขึ้น

-------------------------------------
"บั้นปลายชีวิตของผม จะขอไปใช้ชีวิตอย่างคนอายุ 55 ปี ทั่วๆ ไปเขาทำกัน โดยจะหันกลับไปสู่ธรรมชาติ หลังจากอยู่ในธุรกิจและแสงสี (สถานบันเทิง) มานานมากแล้ว"
-------------------------------------


นั่นเองที่ทำให้..คำว่า "เซียนหุ้น" ทำให้เจ้าของฉายานี้ รู้สึก "อึดอัด" เล็กน้อย ในฐานะที่เป็น "เซียน" แต่ถูกต่อว่า..หาว่าทำไม! ไม่ดูแลหุ้นของตัวเองเสียบ้าง

หลายครั้งที่ "กมล" สื่อไปในทำนองที่ว่า อยากจะหันหลังให้ตลาดหุ้นแล้ว !!!

"ก็มีโอกาสที่จะเลิก (เล่นหุ้นเก็งกำไร) เพราะชีวิตตอนนี้คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอีกแล้ว" เสี่ยโต้งบอก

 กลับขึ้นบน
อาฟง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
#1 วันที่: 04/08/2007 @ 20:32:51 :
กมลบอกว่า วันนี้ อยากจะทุ่มเทเวลากับการทำงานมากกว่า เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องปรับเปลี่ยน ในฐานะ "ผู้นำองค์กร" (ถึง 4 บริษัทในตลาดหุ้น) ก็อยากทำธุรกิจให้ได้รับคำชื่นชมมากกว่าโดนประณาม อยากให้ผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์ที่ควรจะได้ ไม่ใช่มานั่งกังวลว่า เจ้าของจะเข้าไปปั่นหุ้นตัวเองหรือเปล่า ประกอบกับที่ผ่านมาตนเองก็คลุกคลีในแวดวงตลาดหุ้นมานานพอสมควรแล้วด้วย

อดีตเซียนหุ้น ยืนยันว่า พอร์ตหุ้น (เก็งกำไร) ของตัวเอง ทุกวันนี้แทบจะเป็นศูนย์ (ยกเว้น 4 บริษัทในกลุ่ม และหุ้น DISTAR ที่ถืออยู่ 1.84%)

เขากล่าวว่า ตลาดหุ้นเป็นแหล่งหาเงินได้ง่ายก็จริง แต่อยากแนะนำนักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อยที่ประสบการณ์ยังไม่มาก (เพดานบินไม่สูง) ควรเก็บเงินสดไว้กับตัวดีที่สุด เพราะด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่ชัดเจน ไม่ควรเข้าไปเสี่ยงเลยจะดีกว่า แต่สำหรับคนที่อยากหาตังค์ค่าขนม แนะนำให้ไปลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดีๆ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ "มันไม่จำเป็น"

?หุ้นที่ขึ้น-ลงผิดปกติ (หุ้นปั่น-หุ้นเก็งกำไร) ส่วนใหญ่นักลงทุนจะชอบเข้าไปเล่นตาม แต่รู้หรือไม่ว่า มีคนติดยอดดอยกันเยอะมาก เพราะออกของไม่ทันรายใหญ่ และอ่านเกมไม่ขาด ตลาดหุ้นวันนี้เหมาะสำหรับคนมีเวลานั่งเฝ้าหน้าจอเท่านั้น?

กมลพูดให้ฟังว่า ชีวิตของตนเอง ณ ตอนนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิต (รวย) แล้ว เรียกได้ว่ามาไกลเกินกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งเอาไว้ด้วยซ้ำ และก็ได้มีโอกาสทำทุกอย่างตามความฝัน ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจแล้ว

...เรียกว่าสัมผัสมาหมดแล้ว ทั้งประสบการณ์ในตลาดหุ้น จนได้รับฉายาว่า ?เซียนหุ้น? และการก้าวเข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิง และหนังสือแนวเซ็กซี่ "เพนท์เฮ้าส์" ทำให้ได้รับฉายาว่า ?เจ้าพ่อหนังสือนู้ด? ซึ่งงานแต่ละอย่างที่ทำไปมีทั้งกำไรและขาดทุน ล้วนถือว่าเป็น "กำไรชีวิต"

นอกจากนี้ กมลยังตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า (ปี 2552) ถ้าหาก ไมด้า แอสเซ็ท ฟื้นตัว "ครั้งใหญ่" มีรายได้ขยายตัวมากขึ้น ตัวเองก็จะลาออกจากตำแหน่ง "กัปตันเรือ" (ผู้บริหารรายวัน) แล้วเปลี่ยนไปเป็น "คนชมวิว" ข้างบนแทน ซึ่งอาจจะหาคนเก่งที่มีความรู้ความสามารถจากคนภายใน และภายนอก มาร่วมสานงานต่อ

?บั้นปลายชีวิตของผม จะขอไปใช้ชีวิตอย่างคนอายุ 55 ปี ทั่วๆ ไปเขาทำกัน โดยจะหันกลับไปสู่ธรรมชาติ หลังจากโลดแล่นอยู่ในธุรกิจและแสงสี (สถานบันเทิง) มานานมากแล้ว ตั้งเป้าว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะกลับไปอยู่บ้านเรือนไทยทรงอยุธยา ที่บ้านเกิดจังหวัดนครปฐม บนเนื้อที่ 162 ไร่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง (ร่วมออกแบบโดย อ.ภูเบศร์ โหยประดิษฐ์ กรรมการตรวจสอบ MIDA)"

เสี่ยโต้งรีบบอกว่า คำว่า "ถอนตัว" จากตำแหน่ง "กัปตันเรือ" ไม่ได้แปลว่าจะขายหุ้นทิ้ง.."อย่าเพิ่งเข้าใจผิด" ยังจะถือหุ้นอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่จะดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น

เมื่อถามว่า ทุกวันนี้ทำธุรกิจหลายๆ อย่าง พร้อมๆ กัน..เมื่อไม่มีความชำนาญ ธุรกิจจะไปรอดหรือ

กมลตอบว่า นิยามนี้คงใช้ไม่ได้สำหรับตนเอง ชีวิตนี้เชื่อมาตลอดว่า ?ก่อนจะเก่ง ต้องไม่เก่งมาก่อน? เห็นได้จากธุรกิจบันเทิงที่ในอดีตไม่มีความเชี่ยวชาญเลย แต่วันนี้สถานบันเทิงทั้ง 6 แห่ง ที่ตนเองร่วมถือหุ้นอยู่ มีกำไรทุกแห่ง เช่น ร้านซิต้า ที่ถือหุ้นอยู่ 60% ร้านฟอร์เต้ 22.5% ร้านแทงโก้ 22.5% และร้านชูก้าบีส 50% เป็นต้น

สำหรับ "หัวใจของกลยุทธ์" ที่นำมาใช้แล้วประสบความสำเร็จมาตลอด ก็คือ การจ้าง (ซื้อตัว)คนที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนั้นๆ มาทำงานแทนเรา แม้ว่าค่าจ้างจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้ เมื่อได้คนที่รู้งาน มาทำงาน เจ้าของแทบไม่ต้องเหนื่อยเลย

ส่วนธุรกิจที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำ กมลบอกว่า จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เพราะสามารถสร้างเงินได้เร็ว แต่วันนี้คงเป็นไปได้เพียงความฝันลมๆ แล้งๆ เพราะธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนมาก และด้วยวัยที่สูงขึ้น คงไม่สามารถทำได้แล้ว

ส่วนธุรกิจที่ไม่เคยคิดอยากทำ คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัมปทาน เพราะตัวเองไม่ชอบทำอะไรที่เป็นในลักษณะ ?ผูกหางหมา? (ไม่ต้องมีคนขายสินค้า แต่จะใช้หมาลากของไปขายแทน) และธุรกิจแบบนี้ต้องมีอำนาจ และต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งตนเองไม่ถนัด
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com