กลยุทธ์เล่นหุ้นวันนี้-บล.กรุงศรีอยุธยา
Investment Strategy: ขายหุ้น 20% ของพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง
เนื่องจากความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกที่สูงกว่าที่เราคาดไว้ ทำให้เป้าหมายการ Rebound ระยะสั้นของเราบริเวณ 860 ? 876 ได้ถูก ?ยกเลิก? ออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น 1.อัตราการขยายตัวกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า 2.เศรษฐกิจที่คาดว่าจะ Bottom ในช่วง 2Q50 และ 3.ความชัดเจนทางการเมือง หลังการทำประชามติ ทำให้เรามองว่า SET จะมีแนวโน้มแข็งกว่าตลาดหุ้นอื่นในระยะกลาง และยังคงเป้าหมายในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่ 930 ? 1,000 จุดต่อเนื่อง...ทั้งนี้จากความเสี่ยงการปรับลดลงที่สูงขึ้นอีกครั้ง เราแนะนำนักลงทุนขายหุ้น 20% ของพอร์ตออกไปก่อน โดยเหลือหุ้นในพอร์ต 80% โดยกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มแข็งกว่าตลาดจะเป็นกลุ่มหุ้น Defensive อย่าง หุ้นกลุ่มไฟฟ้า โรงพยาบาล ได้แก่ EGCO, RATCH, ROJANA, BGH, TNH, และ KH
Defensive Play - EGCO, RATCH, ROJANA, BGH, TNH, KH
AUTO: ยังไม่เห็นหุ้นใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มนำ (มี Price Momentum แข็งแกร่ง)...เป็นสัญญาว่าตลาดจะยังไม่จบการพักฐาน
Upgrade -
Downgrade - PTT, PTTEP, KBANK, TOP, SHIN, GLOW, LPN
Top Picks - RRC, AP, -TOP
Note: หุ้น Top Picks คือหุ้นที่เราคัดสรรมาให้แล้ว ในขณะที่เครื่องหมาย + หมายถึงเพิ่มเข้า, และ ? หมายถึงนำออก
ธปท ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2550 ขึ้นเป็น 4.0 ? 5.0% ตามคาด (Quoted on 31 ก.ค. 50) ธปท. ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2550 สูงขึ้นเป็น 4.0 ? 5.0% จากเดิมที่ 3.8 ? 4.8% ตามที่เราได้คาดไว้ในรายงานเดือน ก.ค. (รายงานทิศหุ้น) โดยประเด็นที่ทำให้ ธปท. ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจคือ 1.ภาคการส่งออกที่ดีกว่าที่คาดไว้เดิม จนมีผลทำให้ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุลมากกว่าที่คาดไว้เดิม โดยคาดว่าดุลการค้าจะเกินดุล US$5.5 ? 7.5 พันล้าน และดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล US$7.0 ? 9.0 พันล้าน ในขณะที่ภาคการลงทุนคาดว่าจะขยายตัวลดลงจากประมาณการเดิม โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.5 ? 2.5%
ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดดิ่งรุนแรงในวันศุกร์ ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงรุนแรงประมาณ 2.09-2.66% โดยมีปริมาณซื้อขายหนาแน่น โดยที่หุ้นกลุ่มการเงินเป็นปัจจัยฉุดตลาดอย่างชัดเจนจากปัญหาหนี้ซับไพรม์ ซึ่งทำให้นักลงทุนพากันระบายความเสี่ยงในตลาดตราสารหนี้ออกมา หุ้นแบร์ สเติร์นส์ ปรับลดลง 6% จากความกังวลเกี่ยวกับด้านการปล่อยกู้จำนองซึ่ง S&P ได้ปรับลดแนวโน้มตราสารหนี้สู่เชิงลบ การดิ่งลงของดัชนีทำให้ตลาดต้องใช้ Trading curbs เพื่อระงับการซื้อขายชั่วคราว นอกจากนี้ภาวะการจ้างงานที่ประกาศโดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. โดยที่อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเป็น 4.6%
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 1% ตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง 1% มาที่ 74 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลโดยมีข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่แย่ลงโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน และมีปัจจัยเสริมจากการปรับลดระดับการคาดการณ์จำนวนพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติคในปีนี้ การปรับลดลงครั้งนี้เป็นการปรับลงจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ US$78.77 ต่อบาร์เรลก็ตามราคาน้ำมันได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกลุ่มประเทศโอเปคว่าจะไม่เพิ่มการผลิตในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 11 ก.ย. และตลาดยังคงคาดการณ์แนวโน้มเชิงบวกที่มีต่อราคาน้ำมันในปีนี้
ดอลล่าร์สหรัฐทรงตัวแม้ว่าตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้มีความผันผวน แม้ว่าตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้จะมีความผันผวนสูง แต่ค่าเงินดอลล่าร์ยังอยู่ในระดับทรงตัวที่ 119.15 เยน ทรงตัวเทียบกับวันพฤหัสบดี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการย้ายเงินทุนกลับเข้ามาในสหรัฐ อย่างไรก็ตามแนวโน้มของค่าเงินดอลล่าร์ยังอยู่ในภาวะที่อ่อนไหวต่อการปรับตัวจากการระบาย Carry trade ที่ยังคงไม่สิ้นสุด
ดัชนีค่าระวางเรือเทกองเพิ่มขึ้น 7 จุด ปิดที่ 7,007 จุด ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าระวางเรือในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการเรือขนาดกลาง-เล็ก จาก US Gulf อเมริกาใต้ และอัฟริกาฝั่งตะวันตก เพื่อขนส่งสินค้าประเภทซีเมนต์สำหรับการก่อสร้าง รวมทั้งสินค้าแห้งเทกองอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีการคาดการณ์กันว่า ความต้องการถ่านหินเพื่อผลิตพลังงงานไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น (ซึ่งหมายถึงระวางเรือเทกองจะมีความต้องการมากขึ้น) จากสาเหตุที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา
กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์: เสนอออกกฎคุมโฆษณาขนมเด็ก
คณะอนุกรรมการพิจารณาร่างระเบียบโฆษณาขนมเด็ก เสนอออกกฎควบคุมโฆษณาขนมเด็กหลายมาตรการ ประเด็นสำคัญๆ ได้แก่ การกำหนดระยะเวลาและความถี่ในการออกอากาศให้สามารถโฆษณาได้ไม่เกิน 8 นาทีต่อรายการ 1 ชั่วโมง โดยนับรวมเวลาที่ใช้ในการโฆษณาแฝงด้วย การงดส่งเสริมการขายโดยการให้รางวัลและงดการใช้เด็ก หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นผู้เสนอสินค้า โฆษณาขนมเด็กต้องไม่มีเนื้อหาเชิญชวนให้บริโภค และต้องแสดงคำเตือนในการบริโภคขนมเด็ก ทั้งนี้จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.) กรมประชาสัมพันธ์ พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 15 ส.ค. 40 นี้ เพื่อเป็นร่างบังคับใช้ออกมาอย่างเป็นทางการ (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็นและคำแนะนำ
มาตรการดังกล่าวหากนำมาบังคับใช้จริง ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณามากนัก เพราะสินค้าประเภท Snack Food มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 1% ของเม็ดเงินโฆษณาโดยรวม ขณะที่มาตรการดังกล่าวไม่ได้ถึงกับห้ามโฆษณา เพียงแต่ลดเวลาลงเหลือ 8 นาที (จากปกติจะโฆษณาได้ประมาณ 10-12 นาทีต่อรายการ 1 ชั่วโมง) หากพิจารณาจากผังรายการ เราคาดว่า MCOT น่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากกว่า BEC เนื่องจากผังรายการในวันเสาร์-อาทิตย์ในช่วงเช้าของ MCOT ส่วนใหญ่จะเป็นรายการการ์ตูน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ และผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณา จะปรับรูปแบบของภาพยนตร์โฆษณาให้เป็นไปตามร่างระเบียบดังกล่าวได้ คงคำแนะนำ Neutral สำหรับหุ้นกลุ่มสื่อ โดยมีหุ้น Top Pick คือ BEC (ซื้อ, Fair Price 28.50 บาท) WORK (ซื้อ, Fair Price 22.50) และ GRAMMY (ซื้อ, Fair Price 11 บาท)
News in Brief
SET: มั่นใจระบบ ATO-ATC มีประสิทธิภาพ
SET ยืนยันว่าระบบ ATO และ ATC ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเท่าที่ใช้มาเป็นเวลากว่า 1 ปี ก็ไม่มีปัญหามาก อีกทั้งยังผ่านการสำรวจความเห็น (เฮียริ่ง) จากโบรกเกอร์โดยรวมแล้ว ทั้งนี้ยอมรับว่าหากเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องการซื้อขายต่ำก็อาจมีปัญหาเรื่องการเหวี่ยงตัวของราคาหุ้นบ้าง เพราะระบบนี้ไม่ได้นำราคาที่ดีที่สุดมาจับคู่กัน แต่จะนำราคาที่มีผู้เสนอซื้อและเสนอขายเข้ามามากที่สุดจับคู่เข้าด้วยกัน (กรุงเทพธุรกิจ)
ASCON: ลุยงานก่อสร้างตะวันออกกลาง
ASCON ได้ลงนามสัญญาบันทึกความร่วมมือหรือ MOU ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อร่วมทุนจัดตั้งบริษัทลงทุนก่อสร้างโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์สูง 10 ชั้น มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งบรัท แอสคอน เอมิเรตส์ เข้าไปรับงานก่อสร้างที่เมืองอาบูดาบี ด้วยทุนจดทะเบียนเบื่องต้น 10 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น ศูนย์การค้าและที่พักอาศัยแบ่งเป็น 3 เฟส คาดว่าจะเข้าไปพัฒนา 2 เฟส มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
ASIAN: รับผลประกอบการไตรมาส 2 ยังขาดทุน
ASIAN เผยแนวโน้มผลประกอบการ 2Q50 น่าจะยังประสบปัญหาการขาดทุนต่อเนื่องจาก 1Q50 ที่มีผลขาดทุน 156.29 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเกิดจากสินค้าปลาทูน่าที่ถือเป็นสินค้าส่งออกตัวใหม่ที่ต้องใช้การปรับตัวในการทำการตลาดประกอบกับวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยปีนี้จะพยายามทำผลประกอบการให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ระดับ 30% ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปี 49 ASIAN มีรายได้รวม 7,923.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.31 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายมากถึง 7,716.90 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
MBAX: วาง 3 สูตรบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
MBAX ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงพลาสติกคุณภาพสูงหลายประเภท เผนจากการที่ค่าเงินบาทแข็งจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการแม้ว่าบริษัทจะมีรายได้จากการส่งออก 100% เนื่องจากบริษัทจัดการความเสี่ยงด้วยการ 1.สั่งซื้อวัตถุดิบ 50-55% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ 2.ปรับราคาขายกับลูกค้า 25% ของราคาขายซึ่งส่วนมากจะเป็นลูกค้าระยะยาว และ 3.ซื้อประกันความเสี่ยงล่วงหน้าทุกไตรมาสประมาณ 10% ของยอดขาย ทั้งนี้ MBAX ประมาณการรายได้ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น 13-15% และอัตรากำไรสุทธิที่ 6-8% (กรุงเทพธุรกิจ)
PTL: รับรายได้-กำไรปีนี้ไม่เพิ่มขึ้น
PTL เผยรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบ คือเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน อีกทั้งบรัทไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้จากภาวะการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง โดยผลประกอบการปีที่แล้ว (1 เม.ย. 49 ? 31 มี.ค. 50) มีรายได้รวม (งบเฉพาะกิจการ) มูลค่า3,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.86% จากปี 49 ที่มีกำไรสุทธิ 341.84 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิลดลง 39.06% จากปีก่อนหน้า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 2Q50 คาดว่าจะใกล้เคียงกับ 1Q50 ที่มีรายได้รวม 859.24 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 30.94 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
โดย บมจ. หลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา ประจำวันที่ 6 ส.ค. 2550