May 17, 2024   3:58:00 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นผันผวนอย่าตื่นขาย เงินบาทนิ่งฝรั่งยังอยู่
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 07/08/2007 @ 10:14:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : ทันหุ้น
ตลาดหุ้นไทยประเดิมต้นสัปดาห์โดนฝรั่งกระหน่ำเทขายหลังยังหวั่นปัญหาซับไพร์มยืดยาวฉุดตลาดหุ้นภูมิภาครูดระนาว ด้านโบรกชี้สถานการณ์ยังภายนอกยังกดดัน พ่นพิษตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 1-2 สัปดาห์ จนกว่าจะได้คำตอบชัดเจนว่าเลวร้ายมากอย่างที่กังวลกันหนักหรือไม่ แต่ยังอุ่นใจได้ถึง ต่างชาติจะเทขายแค่ลดพอร์ตเท่านั้น ยังไม่ถึงขึ้นเงินทุนไหลออก จับทางได้จากค่าเงินบาทที่ยังนิ่งอยู่ แนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ให้เลือกเก็งกำไรตามสตอรี่แทน พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าตื่นขายหุ้นบิ๊กแคป เพราะเป็นเป้าหมายหลักที่ต่างชาติจะกลับมาซื้อคืนหลังทุกอย่างคลี่คลายลง
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นวานนี้เปิดตลาดวันแรกในต้นสัปดาห์ ( 6 ส.ค.2550) ดัชนีปรับตัวลดลงแรง โดยปิดที่ราคา 815.87 จุด ลดลง 21.86 จุด หรือ 2.61% มูลค่าการซื้อขาย 18,165.20 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,693.57 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 65.93 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,627.64 ล้านบาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงวานนี้ (6 ส.ค.2550) ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากมีความวิตกเกี่ยวกับปัญหาการปลอ่ยกู้ในตลาดซับไพร์มของสหรัฐที่อาจจะลุกลามไปยังสินเชื่อที่ยังมีความเสี่ยงสูงและทำให้นักลงทุนทั่วโลกมีการปรับพอร์ตขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาและโยกเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตร เป็นต้น
?เรื่องปัญหาซับไพร์มยังสร้างความกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกและปะทุออกมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคล้วนปรับตัวลดลงถ้วนหน้าทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และอินโดนีเซียมีเพียงตลาดจีนเท่านั้นที่บวกสวนออกมา?นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้ประเมินว่าความกดดันจากปัญหาซับไพร์มคาดว่าจะยังส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีความผันผวนจากแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติเป็นระยะๆ เพื่อลดความเสี่ยงเพื่อสำรองเงินสดเผื่อการไถ่ถอนของผู้ถือหน่วยลงทุนต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวานนี้ที่ขายสุทธิออกมากว่า 2.69 ล้านบาท ซึ่งแสดงมุมมองว่าหุ้นจะยังคงผันผวนไปอีกระยะหนึ่งอาจเป็นอีก 1-2 สัปดาห์นี้
ค่าบาทนิ่งเงินฝรั่งยังอยู่
อย่างไรก็ตามการปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติคาดว่ายังไม่เป็นการส่งสัญญาณถึงการไหลออกของกระแสเงินลงทุนที่เข้ามาก่อนหน้านี้เพราะเมื่อพิจารณาจากค่าเงินบาทที่ยังทรงตัวนิ่งในระดับไม่หลุดที่ 34.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว จึงคาดว่าเม็ดเงินต่างชาติยังคงอยู่ในตลาด
ขณะที่ปัญหาดังกล่าวคาดว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานของเศรษฐกิจโลก และคาดว่าผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (เฟด) ครั้งนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้สำหรับคำแนะนำนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการเข้าลงทุนเพราะตลาดหุ้นยังมีความผันผวนจึงควรติดตามและพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิดทั้งเรื่องค่าเงินบาท แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงตลาดหุ้นต่างประเทศ
อย่าตื่นเทขายหุ้นพื้นฐานดี
นายอาจดนัย สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เจ.พี.มอร์แกน(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ยังคงจะผันผวนต่อไปจนกว่าทางการสหรัฐจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาการปล่อยกู้ในตลาดซับไพร์ม
"ก็คือว่า ซับไพร์มมันลึกขนาดไหน ปัญหานี้ควบคุมได้หรือเปล่า แล้วถ้ามันลึกมาก รัฐบาลจะทำอะไรหรือเปล่า เขาต้องตอบคำถามพวกนี้ ตราบใดที่คำถามพวกนี้ยังไม่ชัดตลาดก็จะเขวอยู่อย่างนี้"นายอาจดนัย กล่าว
นายอาจดนัย กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ เนื่องมาจากนักลงทุนต่างชาติถอนเงินทุนออกไป ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐค่อนข้างปั่นป่วนจากความกังวลปัญหาซับไพร์ม จึงทำให้มีการถอนทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเกือบทุกแห่งในภูมิภาคเอเชีย
อย่างไรก็ตาม หากปัญหาของซับไพร์มคลี่คลายลง เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติคงจะกลับเข้ามาลงทุนใหม่ โดยจะยังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป ดังนั้น ช่วงนี้นักลงทุนที่ถือหุ้นบิ๊กแคปก็น่าจะถือต่อไป ไม่ควรเทขายอย่างตื่นตระหนก
เยนแครี่เทรดกดดันซ้ำ
นายชัย จิรเสวีนุปะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากนักลงทุนต่างชาติยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาซับไพร์มของสหรัฐที่อาจจะลุกลามไปถึงขั้นที่ทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัว และทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าจึงมีการเทขายออกมาต่อเนื่อง
?ตลาดหุ้นตอนนี้คงขึ้นกับปัจจัยภายนอกมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องซับไพร์มที่ยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้ตลาดหุ้นไทยยังอยู่กับปัจจัยภายนอกเสียส่วนใหญ่?นายชัยกล่าว
นอกจากนี้ยังมีประเด็นในส่วนของนักเก็งกำไร และบรรดาเฮดฟันด์ซึ่งมีการลงทุนโดยการกู้เงินเยน (Yencarry trade) มีการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่ราคาหุ้นอาจจะลดลงและต้นทุนเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นหากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ประเมินความเสี่ยงในเรื่องซับไพร์มและ Yen carry trade จะกินระยะเวลานานแค่ไหนนั้นคงขึ้นกับมาตรการและวิธีการแก้ปัญหาของทางสหรัฐเองว่าจะรวดเร็วและได้ผลชะงักแค่ไหนแต่คาดว่าตลาดหุ้นจะยังผันผวนไปอีก 2-4 สัปดาห์
โยกเล่นหุ้นเล็กกำไรดี
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนจากตลาดหุ้นที่ยังมีความผันผวนนักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หรือออาจจะเลือกเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นที่มีขนาดเล็กลงมาและเป็นหุ้นที่ไม่ใช้เป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ หรือเป็นหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีแทน
ส่วนกรอบการลงทุนประเมินแนวรับดัชนีไว้ที่ 805 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 825 จุด โดยแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน และหากดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 810 จุด ให้เข้าเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีข่าวดีสนับสนุน
Q3เข้าช่วงปรับพอร์ต
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KGI เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส3 (ส.ค.-ต.ค.)ของปีนี้จะมีการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติออกมามากที่สุด โดยคาดว่าจะมีแรงขายสุทธิประมาณ 20,000 ?50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายจากนักลงทุนระยะยาวที่มีการลงทุนในตลาดประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีการจะมีการปรับตัวลดลงเช่นกัน
ทั้งนี้ในช่วง5ปี ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 30%จากแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว จึงส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 3/2550 นักลงทุนจะเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนโดยมีการย้ายเงินจากตลาดหุ้นเข้าไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดเงิน ซึ่งในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเกิดการปรับฐานในตลาดหุ้น
สำหรับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อสุทธิเกือบ 3 แสนล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วเข้ามาลงทุนอยู่ที่ไทยปีละ1 แสนล้านบาท และในต้นปีถึงปัจจุบันมีการซื้อสุทธิอีก 1.3 แสนล้านบาท ขณะที่การขายทำกำไรของต่างชาติรอบนี้มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท และยังสามารถขายออกมาได้ต่อ โดยปัจจุบันขายสุทธิประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ดังนั้นกลุ่มที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนหากนักลงทุนต่างชาติมีการชะลอขายหุ้นไทย คือ กลุ่มพลังงาน เคมี อิเล็กทรอนิคส์ และกลุ่มเดินเรือ ซึ่งสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่ากลุ่มอื่น และจะดีดตัวกลับเร็วเมื่อแรงขายที่เกิดขึ้นหมด[/size:a7696a65cf">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com