เปิดโผ 10 หุ้นเด่นเตรียมพร้อมรีบาวด์แรง ต่างชาติเชื่อแรงขายสะเด็ดน้ำ และถึงจุดต่ำสุดแล้ว แถมการเมืองชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นจังหวะต้องเก็บเข้าพอร์ต ให้น้ำหนัก"พลังงาน-ปิโตรเคมี-สื่อสาร-บันเทิง"เชื่อ IRPC-ADVANC ราคาลงแรงกว่าใครส่วน ATC-RRC ต่ำเกินจริง MCOT เฮ!รับเลือกตั้งปลายปี

รายงานจากวอลสตรีท เจอร์นัล ระบุว่า นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนหลายคนกล่าวถึงแรงเทขายหุ้นเป็นเวลา 2 วันในตลาดเอเชีย เป็นการส่งสัญญาณว่าหุ้นใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว นอกจากนี้มีการเทขายเกินกว่าการคำนวณความวุ่นวายในตลาดจำนองซับไพรม์สหรัฐ เพื่อประเมินมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ขณะนี้ เป็นสาเหตุให้การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง หากเป็นเช่นนั้นราคาขณะนี้กำลังคาดการณ์ถึงสถานการณ์ ที่นักวิเคราะห์หลายคนไม่คาดว่าจะหยุดอยู่แค่นั้น

"ตลาดจะรับผลกระทบจากจากการไถ่ถอน และเราจะเห็นการปรับฐานอีกแต่มันถึงเวลาที่จะแก้ไขรายการช้อปปิ้งและเริ่มลงทุนช่วง 2-3 สัปดาห์นี้"โรเจอร์โกรบลี หัวหน้าฝ่ายวิจัยหุ้นเอเชียของเอบีเอ็น แอมโรไพรเวทแบงกิ้งกล่าว

ขณะที่นายศักธี สิวา นักวิเคราะห์ยูบีเอส ระบุในรายงานที่ให้กับลูกค้าว่า มีเครื่องบ่งชี้ว่าหุ้นอาจใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว

ประเด็นดังกล่าว"ข่าวหุ้นธุรกิจ"สำรวจหุ้นที่มีแนวโน้มรีบาวด์เร็วสุด พบว่า ยังเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี-สื่อสารและบันเทิง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจและที่สำคัญที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าว ปรับลงค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่มีอิทธิพลต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นโดยรวมด้วย

โดย 10 หุ้นเด่นที่มีแนวโน้มรีบาวด์แรงสุดประกอบด้วยบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)หรือ TOP บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)หรือ IRPC บริษัท อะโรเมติกส์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)หรือ ATC บริษัท โรงกลั่นระยอง จำกัด(มหาชน)หรือ RRC บริษัท ปตท.ปิโตรเคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ PTTCH

พร้อมกันนี้ยังมีหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)หรือ SCC บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือ ADVANC บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซส คอมมูนิเกชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ ADVANC บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด(มหาชน)หรือ BEC และบริษัท อสมทจำกัด(มหาชน)หรือ MCOT

โดยเริ่มจากหุ้น TOP ที่ผ่านมา ถือว่าปรับตัวลงค่อนข้างมากทั้งปัจจัยจากตลาดโดยรวมและราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลง จึงทำให้มีโอกาสรีบาวด์อีกครั้ง โดยมีกรอบแนวต้าน85 บาท แนวรับ 76 บาท โดยมีเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 90 บาท เช่นเดียวกับหุ้น RRC ครึ่งปีหลังแนวโน้มกำไรดีกว่าครึ่งปีแรก จากค่าการกลั่นทรงตัวสูงต่อเนื่อง โดยตามสัญญาณเทคนิค RRC เริ่มเห็นโอกาสรีบาวด์ โดยมีแนวต้าน 24.50 บาท

ขณะที่หุ้น IRPC ถือว่าปรับตัวลงมากผิดปกติ และราคาปัจจุบันใกล้เคียงกับบุ๊คแวลลู4.52 บาท จึงมีโอกาสรีบาวด์สูงสุดเพราะเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงโดยมีกรอบแนวต้าน 7บาท ขณะที่มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 8.22 บาทโดยแนวโน้มกำไรสุทธิปี50 มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 62%

ส่วนหุ้น ATC มีเป้าหมายอยู่ที่ 70 บาท มีกรอบแนวต้าน 68 บาท หากดูจากปัจจัยพื้นฐานผลประกอบการออกมาดีต่อเนื่องตลอดปี 50 และยังมีกำลังการผลิตสารไซโคลเฮกเซนเป็น 190,000 ล้านตันต่อปีจากเดิม 150,000 ล้านตันต่อปี

ขณะที่หุ้น PTTCH แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2/50 ปรับลดลง เนื่องจากมีการปิดโรงงานซ่อมบำรุ่งเกือบทั้งไตรมาส แต่ครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัว จากราคาผลิตภัณฑ์ยังอยู่อัตราสูงและไม่มีการปิดโรงงานซ่อมบำรุงแล้ว ทำให้เครื่องจักรเดินเครื่องผลิตได้เต็มกำลัง โดย PTTCH มีเป้าหมายอยู่ที่ 124 บาท

ส่วนหุ้น SCC เริ่มเห็นทิศทางการรีบาวด์ขึ้นชัดเจนจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าราคาหุ้น SCC ไม่น่าจะปรับตัวลงกว่านี้อีก จึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะเก็บเข้าพอร์ตโดยแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 260 บาท และหากผ่านได้เชื่อว่ามีโอกาสทดสอบ 300 บาทอีกครั้ง

นักวิเคราะห์สัญญาณด้านเทคนิคบริษัทหลักทรัพย์ศรีอยุธยาจำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มสื่อสารโดยเฉพาะบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ DTAC ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดรวมและตลาดรวมจะดีหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับว่ามีการรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่รวมถึงภาวะตลาดต่างประเทศด้วย

สำหรับราคาหุ้น ADVANC มีโอกาสรีบาวด์จากระดับ 85 บาท และมีโอกาสขึ้นไปปิดที่ราคาหุ้นละ 93 บาท โดยราคาหุ้นขึ้นอยู่กับภาวะตลาดรวม หากรัฐธรรมนูญปี 2550 ผ่านและตลาดต่างประเทศด้วย

นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคบริษัทหลักทรัพย์ซิกโก้ ระบุว่าราคาหุ้น ADVANC และ DTACคาดว่าจะฟื้นตัวตามตลาด ไม่เกี่ยวกับรับร่างรัฐธรรมนูญ ADVANC มีแนวรับ 88 บาท แนวต้าน 93 บาทและมีแนวต้านสูงสุด 98 บาท ส่วน DTAC สัญญาณด้านเทคนิค น่าจะฟื้นตัวได้ถึง 41.50 บาทและมีแนวรับ 39 บาท

ส่วนหุ้นกลุ่มบันเทิงคือบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)หรือ BEC และบริษัท อสมทจำกัด(มหาชน)หรือ MCOT น่าจะเป็นหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หากการเมืองมีความชัดเจนว่าจะจัดเลือกตั้งได้เมื่อไร เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง จะไหลเข้าไปสู่สื่อโทรทัศน์

โดยบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบีเคย์เฮียน ระบุว่าหุ้น BEC ประมาณการรายได้จากการดำเนินงานปีนี้ 7,914 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 2,066 ล้านบาท ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 24.50บาท

สำหรับหุ้น MCOT บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย ระบุว่า ช่วงไตรมาส 4/50 จะถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของ MCOT รวมทั้งการเมืองจะคลี่คลายได้ช่วงดังกล่าวด้วย และ MCOT ก็จะมีรายได้จากภาครัฐช่วงปลายปีประมาณ 30-100 ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขึ้นค่าโฆษณาทุกช่วงเวลาออกอากาศอีก 20% โดยส่งผลดีต่อรายได้รวม MCOT ประมาณ 4-5%

แม้ว่า MCOT จะมีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่ แต่พรบ.ว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่ครม.ชุดใหม่จะต้องพิจารณาไม่น่าส่งผลต่อรายได้ เนื่องจากผู้รับสัมปทานมีแนวโน้มอยู่ภายใต้สัญญาสัมทปานเดิมต่อไป


:lol: