May 3, 2024   11:06:53 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดงบหุ้นแสบผลงานโค้งสองแจ่ม
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 20/08/2007 @ 19:56:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ถึงคราวหุ้นเก็งกำไรผงาด ! หลังตลาดหุ้นคึก จับตา IEC ตลท.ขอต่อวีซ่าหรือไม่ หลัง 23 ส.ค.นี้ห้ามเน็ต - มาร์จิ้นวันสุดท้าย วงการบอกงานนี้มีลุ้นไม่ต่อ เหตุที่ผ่านมาทำตัวเรียบร้อย หลังเจอมรสุมหุ้นไทยขาลง ส่วน APURE-TUCC-LIVE ต้องลุ้นเฮือกสุดท้าย ถ้าทำตัวดีอาจไม่เจอแขวน พร้อมแกะรอยผลงานไตรมาส 2 / 50 ของบรรดาหุ้นร้อน 13 บริษัท พลิกเป็นกำไร 137 ลบ. ปรับตัวดีขึ้นกว่า 120% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน NEP เจ๋งสุดผลงานโตเกือบ 144% แต่ S2Y อ่วม โค้งสองขาดทุนยับกว่า 8,800%

ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่สดใส วานนี้(20ส.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก่อนที่จะปิดตลาดที่ระดับสุงสุดของวันที่ 792.02 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.60 จุด หรือ 4.43% มูลค่าการซื้อขาย 23,146.67 ล้านบาท หลังได้อานิสงส์ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมตรฐาน 0.5% เพื่อแก้ไขปัญหาซับไพร์มสหรัฐที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และจากการกระทำดังกล่าวนี้เอง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลระดับหนึ่ง จึงกลับเข้ามาลุยอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเขียวแจ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน

แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะพิเศษซักเล็กน้อย เพราะได้รับผลพวงจากร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชนซึ่งลงประชามติผ่านไปเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา และส่วนหนึ่งนักลงทุนก็เข้าซื้อหุ้นในกระดาน เพื่อนำหุ้นกลับไปคืนโบรกเกอร์ หลังจากที่ยืมมาขายชอร์ต หรือศัพท์ในวงการค้าหุ้นที่รู้จักคือ Short Covering นั่นเอง ดูเหมือนว่าเหตุการณ์หลายอย่างจะเป็นใจให้ตลาดหุ้นไทยแรลลี่ต่อ เพราะล่าสุดวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 622.16 ล้านบาท นับเป็นสัญญาณที่ดี แต่บรรดาเซียนหุ้นเริ่มเสียงแตก บางคนบอกว่ารอบนี้หุ้นขึ้นช่วงสั้นเท่านั้น เพราะการแก้ปัญหาของเฟดรอบนี้อาจเกาไม่ถูกที่คัน ผลที่ออกมาแค่ทำให้ประชากรโลกใจชื่นชั่วคราว อีกกลุ่มหนึ่งบอกว่า คราวนี้หุ้นไทยวิ่งยาวอาจได้เห็น 820 จุดอีกรอบ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น นักลงทุนที่ไม่ได้ซื้อต้องใจเย็น รอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวดีที่สุด

ส่วนคอเก็งกำไรนั่นคงเข้าลุยหุ้นกันเรียบร้อยแล้ว และต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นเริ่มแรลลี่ บรรดาหุ้นเก็งกำไรน้อย - กลาง จะพาเหรดกันหน้าชื่นตาบานทีเดียวไม่ว่าจะเป็น บมจ.บลิส-เทล (BLISS) , บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC ), บมจ.อีเอ็มซี (EMC) ,บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE), บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER), บมจ.สยามทูยู (S2Y), บมจ. อกริเพียว โฮลดิ้งส์ ( APURE), บมจ.พรีเมียร์ เทคโนโลยี (PT), บมจ. พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE), บมจ.นวนคร (NNCL) , บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม (NEP) และบมจ.ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ (TUCC) ราคาหุ้นต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า ไม่สนว่าพื้นฐานจะเป็นเช่นไร

และหากมาพิจารณา Story ของบรรดาหุ้นเก็งกำไรเหล่านี้จะพบว่า มี 4 หลักทรัพย์ที่ต้องรอลุ้นว่า ตลท.จะต่อวีซ่าห้ามเน็ตเซ็ทเทิลเม้นท์ และห้ามซื้อขายบัญชีมาร์จิ้นหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC ) ซึ่งในวันที่ 23 สิงหาคมนี้จะถูกห้ามเน็ต-มาร์จิ้นเป็นวันสุดท้าย ต่อด้วย บมจ. อกริเพียว โฮลดิ้งส์ ( APURE) ที่จะถูกห้ามเน็ต-มาร์จิ้นวันที่ 28 สิงหาคม 2550 เป็นวันสุดท้าย ตามมาติดๆคือ บมจ.ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ (TUCC) ที่จะถูกห้ามเน็ต - มาร์จิ้นวันสุดท้ายในวันที่ 31 สิงหาคม 2550 ตบท้ายด้วย บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ที่จะครบรอบห้ามเน็ต - มาร์จิ้น วันสุดท้ายคือ 6 กันยายนนี้

แน่นอนว่าคนที่ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวนี้คงต้องลุ้นกันตัวโก่งที่เดียวว่าจะถูกต่อวีซ่าหรือไม่ เรื่องนี้แหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า หากพิจารณาการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและปริมาณหุ้นหมุนเวียนของหลักทรัพย์ทั้ง 4 บริษัทไม่ว่าจะเป็น IEC, APURE, LIVE และ TUCC ในช่วงที่ผ่านมาไม่ถือว่าหวือหวามากนัก เพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง จากผลกระทบปัญหาซับไพร์มสหรัฐฯ ซึ่งในส่วนของ IEC ที่จะครบกำหนดห้ามเน็ต - มาร์จิ้นวันที่ 23 ส.ค.เป็นสุดท้ายนั้น คาดว่า ตลท.อาจไม่ต่ออายุการห้ามเน็ต-มาร์จิ้นออกไป ส่วน 3 บริษัทที่เหลืออาจต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาอีกครั้ง เพราะช่วงนี้ตลาดหุ้นกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง นักลงทุนอาจกลับเข้ามาเก็งกำไรอีกรอบ และผลักดันราคารวมทั้งปริมาณการซื้อขายให้หนาแน่น และผิดปกติไปจากเกณฑ์ของ ตลท.ได้

*** โบรกฯ ไม่ฟันธง ตลท. ต่อวีซ่าเน็ทฯ- มาร์จิ้น IEC หรือไม่ แนะเก็งกำไร หลังเทคนิคแจ่ม

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด(มหาชน) หรือ IEC ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฏาคม ถึง 23 สิงหาคม 2550 ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าหลักทรัพย์ของIEC จะถูก ตลท. สั่งห้าม เน็ทฯ-มาร์จิ้น ต่อหรือไม่เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมายังคงร้อนแรงหรือไม่
ยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ว่า ตลาดฯ จะต่อเวลาห้ามเน็ทฯ มาร์จิ้น IEC ต่อไหม เพราะต้องดูด้วยว่าราคาหุ้น IEC ร้อนแรงไหมในช่วงที่ผ่านมาแต่ช่วงนี้แนวโน้มทางเทคนิคถือว่าดีสามารถเข้าไปเล่นเก็งกำไรได้ แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ราคาหุ้น IEC มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในวันนี้ เพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นที่ยืนในแดนบวกประกอบกับได้รับปัจจัยบวกจากสัญญาณทางเทคนิคที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อจึงแนะนำเก็งกำไร โดยให้แนวรับไว้ที่ 0.90 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 1.06 บาท

***เซียนหุ้นเตือนเล่นหุ้นเก็งกำไร ไม่มีพื้นฐานรองรับเสี่ยงสูง

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเก็งกำไร นักลงทุนควรที่จะระมัดระวัง เนื่องจากค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยง แต่หุ้นเก็งกำไรแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือหุ้นเก็งกำไรที่มีพื้นฐานและการจ่ายเงินปันผลรองรับ ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวเหมาะสำหรับการเข้าไปเล่นเก็งกำไรในระยะสั้นๆ
ในขณะที่หุ้นอีกประเภทหนึ่งเป็นหุ้นเก็งกำไรที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับอีกทั้งผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2550 ยังออกมาไม่ดี ซึ่งมักเคลื่อนไหวสวนทางกับ Set Index ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงสูง
" การเล่นเก็งกำไรก็ควรที่จะเลือกเล่นเพราะมันมีหุ้นเก็งกำไร 2 ประเภท เช่น UMS, MCS พวกนี้เล่นได้เพราะมีข่าวหรือพื้นฐานรองรับ ส่วนอีกประเภทคือกำไรไตรมาส 2 ออกมาไม่ดี แต่ราคาหุ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งตรงนี้จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นแต่ไม่ควรเข้าไปยุ่งถ้าไม่ได้ศึกษาให้ดีเพราะเสี่ยง " กล่าว

***เปิดโผงบโค้งสองหุ้นร้อนผลงานดีขึ้น แต่ S2Y หนักสุด ขาดทุนเพิ่มกว่า 8,800%

จากการสำรวจผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2550 ของบริษัทจดทะเบียนที่นักลงทุนมักเข้ามาเก็งกำไรจำนวน 13 บริษัท พบว่า มีกำไรสุทธิรวม 137.14 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิรวม 1,139.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,276.37 ล้านบาท หรือ 112.03% โดยบริษัทที่ผลการดำเนินงานดีที่สุด ได้แก่ บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม (NEP) ไตรมาส 2 ของปีนี้มีกำไรสุทธิ 6.65 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 15.19 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.84 ล้านบาท หรือ 143.77% ขณะที่ บมจ.สยามทูยู (S2Y) ผลงานแย่ที่สุด โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 39.17 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 0.44 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 38.73 ล้านบาท หรือ -8,802.27%

ตารางแสดงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของหุ้นร้อน 13 แห่ง

ชื่อหลักทรัพย์ Q2/50 Q2/49 เปลี่ยนแปลง เปอร์เซ็นต์ (%)

BLISS 77.82 -293.11 370.93 126.54
IEC -74.14 -192.84 -118.7 61.55
EMC 33.90 9.14 24.76 270.89
LIVE -2.78 -267.46 -264.68 -98.96
EVER 1.17 35.25 -34.08 96.68
EWC 19.77 -516.31 536.08 103.82
S2Y -39.17 -0.44 -38.73 - 8802.27
APURE 2.65 15.57 12.92 82.98
PE 0.21 8.50 -8.29 -97.52
PT 8.75 8.53 0.22 2.57
NEP 6.65 -15.19 21.84 143.77
TUCC 10.68 10.89 -0.21 1.92
NNCL 91.63 57.80 33.83 58.52

รวม 137.14 -1139.23 1276.37 112.03

ที่มา : eFinanceThai.com รวบรวม

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com