May 3, 2024   1:12:36 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้น : เริ่มฟื้นตัว
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 21/08/2007 @ 09:38:50
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*"โมนิก้า" ขอจั่วหัวตลาดหุ้นไทยเพิ่ง "ฟื้นตัว" ก็แล้วกัน เพราะดัชนีดีดตัวขึ้นมาพรวดเดียว 20 จุด ไม่ได้หมายความตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้นดั่งเดิม จึงไม่มีความจำเป็นต้องออกอาการลิงโลดจนเกินงาน หลังนักลงทุนต่างชาติยังไม่ยอมกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเต็มตัวเหมือนเมื่อก่อนนะซี

*ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศพากันเปิดเขียวอื้อทั่วทุกหนแห่ง ก็เลยทำให้ผู้คนหลงลืมเรื่องวิกฤติเรื่องซับไพร์มไปชั่วขณะ และพากันไล่ซื้อหุ้นกันอย่างอุตลุด จนหุ้นบลูชิพพากันปรับตัวขึ้นขั้นต่ำ 5-8% เดี๊ยนถึงมั่นใจว่าคนที่ซื้อหุ้นตามคำแนะนำของอีฉันก่อนหน้านี้จะรับทรัพย์กันกระเป๋าตุง

*เนื่องจากตอนที่แนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มบลูชิพเมื่อสัปดาห์ก่อน ราคาหุ้นกลุ่มนั้นตกมามากถึง 30% และหุ้นหลายตัวก็ลงมาอยู่ที่ฐานแนวรับกันเป็นส่วนใหญ่ "โมนิก้า" ถึงกล้าฟันธงว่า "หากถือหุ้นพื้นฐานดี อนาคตไกล ท้ายที่สุดหุ้นก็วิ่งกลับมาหาแนวต้านครั้งก่อนอยู่ดี"

*เดี๊ยนจึงไม่ขอพูดถึงหุ้นตัวไหนมากเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่านักลงทุนกำลังสาระวนกับการเลือกซื้อหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต จึงขอปรามแค่ว่า อย่าทุ่มเงินจนหมดหน้าตัก เพราะยังไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นไปได้ไกลแค่ไหนก็เท่านั้นเองพะยะค่ะ

*ยกเว้นในรายของ PTT และ PTTEP หุ้นพิมพ์นิยมที่ใครๆ ก็รู้ว่านับวันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แถมมีสตอรี่ที่ดีรองรับเต็มประตูหน้าโรงกลั่น หากไม่พูดถึงเป็นลำดับแรกก็คงเสียมารยาทเกินไป เพราะราคาถูกแบบนี้ไม่ได้มีให้ซื้อบ่อยนัก "โมนิก้า" ถึงต้องออกโรงแนะนำให้ซื้อตั้งแต่หัววัน เดี๋ยวตกขบวนรถด่วนเที่ยวสำคัญแล้วจะเสียใจไปอีกนาน

* ถ้าฟังแบบนี้แล้ว ยังไม่สนใจที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานอีกละก้อ เดี๊ยนก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะหุ้นแต่ละตัวในกลุ่มนี้มีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้นำด้านพลังงานอย่าง TOP และ RRC ยังมีแก๊ปให้นักลงทุนฟันกำไรจากส่วนต่างราคาอย่างไม่ต้องสงสัย และนักลงทุนควรจะรีบซื้อติดพอร์ตไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะจ๊ะ

*ในรายของ ATC อาจไม่โฉบเฉียวไฉไลเหมือนเมื่อก่อน แต่ราคาหุ้นก็สามารถดีดตัวขึ้นตามกระแสได้อย่างแข็งแกร่ง "โมนิก้า" ถึงไม่สามารถมองข้ามหุ้นตัวนี้ไปได้ เพราะยังมีส่วนต่างราคาหุ้นให้วิ่งอีกมากนะจะบอกให้ที่รัก

*สำหรับยักษ์ใหญ่ด้านถ่านหิน BANPU ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนสถาบันเหมือนเช่นที่ผ่านมา ยิ่งเฮียชนินทร์ ออกมาฟันธงว่า ธุรกิจยังพีคอีกนาน ราคาหุ้นถึงกระชากขึ้นพรวดเดียวมาปิดยังที่ 266 บาท บวกไป 14 บาท และมีแนวโน้มวิ่งขึ้นมาพลิกแนวต้านให้กลายเป็นแนวรับแบบนี้...ไม่ซื้อแล้วจะเสียใจนะตัวเอง

*เช่นเดียวกับบ้านปูน้อย UMS พอภาวะการลงทุนเริ่มเข้าที่เข้าทาง ราคาหุ้นก็กลับทิศ360 องศา จากขาลงเป็นขาขึ้นในทันที "โมนิก้า" ถึงอยากให้นักลงทุนจับตามองหุ้นตัวนี้ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะมักวิ่งขึ้นในทิศทางเดียวกับบ้านปูเป็นประจำนะซี

*สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ ใครต่อใครพากันบอกว่าราคาหุ้นแพงเกินไป แต่พอเหตุการณ์ต่างๆ เข้าทีเข้าทางเสร็จสรรพ และมีข่าวดีเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมาเป็นกำลังเสริม ราคาหุ้นก็ทะยานขึ้นแบบไม่เหลียวหลังให้เสียเวลาแบบนี้ "โมนิก้า" ไม่แนะนำให้คุณๆท่านๆ ไล่ตามก็ดูจะผิดวิสัยคนอย่างอีฉัน เพราะของมันเห็นกันจะๆ ว่าราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นต่อนะซี

*โดยเฉพาะในรายของ BAY เห็นติ๋มๆ เงียบๆ เพราะโดนพิษซับไพร์มเล่นงานเข้าเต็มรักมาหลายสัปดาห์ แต่พอเหตุการณ์ต่างๆ เข้าที่เข้าทางเท่านั้นแหล่ะ ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่ 25 บาท บวกไป 2.80 บาท หรือขึ้นไปถึง 12%พร้อมกับขยับออกจากฐานเป็นวันแรกแบบนี้...หากไม่ตามต่อแล้วจะเสียใจเจ้าค่ะ

*ขนาดปูนใหญ่ SCC เห็นเซื่องๆ ซึมๆ และมักจะวิ่งขึ้นช้ากว่าใครเพื่อนในระยหลังๆ ยังกระชากขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่ 248 บาท บวกไป 8 บาท พร้อมด้วยวอลุ่มหนาแน่น เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ขาขึ้นรอบใหม่กำลังเกิดขึ้น...แถมมีข่าวดีเรื่องการร่วมทุนผลิตรถไถขนาดใหญ่ ราคาหุ้นถึงขยับขึ้นแรงเป็นพิเศษเจ้าค่ะ

*พลิกล็อคสุดๆ คงเป็นในรายของ PHATRA เดิมทีคิดว่า ราคาหุ้นจะแกว่งตัวสร้างฐานแนวรับก่อนกระชากขึ้นแรง แต่พอบรรยากาศรอบด้านเป็นใจเข้าหน่อย ราคาหุ้นก็กระโดดขึ้นไปเกือบ 10% หรือขึ้นไป 3.50 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 40 บาท ก็คงไม่ต้องรีรออะไรอีกต่อไป เพราะวินาทีนี้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา

*TRUE กลายเป็นหุ้นสื่อสารที่น่าจับตามากสุดในยามนี้ เพราะวานนี้กระชากขึ้นพรวดเดียวขึ้นมาปิดที่ 6.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 10% ย่อมเป็นหุ้นตัวเลือกอันดับแรกที่ "โมนิก้า" แนะนำให้นักลงทุนซื้อเล่นสั้น สืบเนื่องมาจาก เจพี มอร์แกนให้ราคาเป้าหมายไว้สูงถึง 10 บาทเจ้าค่ะ

*เนื่องจากก่อนหน้านี้ประเด็นทางการเมือง และเรื่องซับไพร์มเป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติถล่มเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก แต่เมื่อเรื่องราวทุกอย่างชัดเจนขึ้นมาก และไม่มีอะไรจะต้องวิตกกังวลอีกต่อไป ก็ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นอย่างที่เห็นนี่แหล่ะค่ะ

*ป.ล. เดี๊ยนพูดถึงหุ้นกลุ่มบลูชิพมากเป็นพิเศษ ก็เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีภาษีดีกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ นะจะบอกให้


:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com