เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า"ปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา"ได้นั่งแท่นประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ตามความคาดหมาย ท่ามกลางดัชนีปิดบวก 20.03 จุด น่าสนใจว่าประธานคนใหม่ จะทำให้ทัศนคติของคนที่มอง"ตลาดหุ้น"เป็นบ่อนพนัน เปลี่ยนไปได้บ้างไม่มากก็น้อย...!!??
:EGCOควรระวังการลงทุน
หุ้น EGCO ยังต้องลงทุนแบบระมัดระวังแม้ว่ามีราคาเป้าหมายใหม่ 113 บาทโดยอัตราการเติบโตของกำไรปี 2550-2551 จะดีที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าจดทะเบียน แต่ปัจจัยนี้น่าจกรับรู้ไปมากแล้วตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ราคาหุ้น EGCO ปรับตัวขึ้นมา 22% เทียบกับ RATCH และ GLOW ที่ว่าสูงพอสมควร
อย่างไรก็ดี EGCO มีโอกาสสูงที่ชนะประมูลไอพีพีสูง ไม่แพ้ RATCH แต่ผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลัง จะแย่กว่างวดครึ่งแรก มีสาเหตุมาจากส่วนแบ่งกำไร ที่ลดลงจากBLCP และการซ่อมบำรุงใหญ่ที่โรงไฟฟ้าระยอง แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนโดยมาจากการบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก BLCP เป็นครั้งแรก
ที่สำคัญ EGCO ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ระหว่างงวดครึ่งหลังปี 2550-53
:BIGCเป้าหมายใหม่52บาท
หุ้น BIGC ราคายังพอมีอัพไซด์ประมาณ 8% โดยมีราคาเป้าหมาย 52 บาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 48 บาท โดยการปรับแผนเพื่อเร่งขยายสาขาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 9% แม้อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายบริโภคที่ลดลง โดยอัตราการเติบโตของกำไรที่ระดับ 13% ช่วงปี 2550-2551
โดยความเสี่ยงอยู่ที่พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายสาขา และการขยายตัวของยอดขายระยะยาว อย่างไรก็ดีการขยายตัวเพิ่มขึ้นของยอดขายสาขาเดิม ที่ฟื้นตัวของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
:MINTยังเด่นเล่นได้ยาว
หุ้น MINT ยังเป็นตัวที่แนะนำลงทุน ด้วยราคาเป้าหมาย 13 บาท มีแนวโน้มปรับทั้งประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น ปัจจุบันถูกคำนวณราคาเป้าหมาย MINTโดยอิงกับ P/E ปี 2551 ที่ระดับ 22 เท่า
ปัจจัยระยะสั้น ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นช่วงครึ่งหลังและช่วยให้กำไรทั้งปี2550 มีอัตราการเติบโตสูง ดังนั้นประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรอยู่ที่ 22% แม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไร จากธุรกิจหลักงวดครึ่งแรกอยู่ที่ 6%
ส่วนปัจจัยระยะยาว มาจากโรงแรมใหม่และโครงการที่อยู่อาศัยจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตปี 2551 ทำให้มีแนวโน้มปรับราคาเป้าหมาย MINT เพิ่มขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้จากแบรนด์ใหม่ธุรกิจอาหาร
:TRUEปีนี้ขาดทุน3.8พันล้าน
หุ้น TRUE ฐานะการเงินยังอ่อนแอ โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูงถึง 16 เท่า นอกจากนี้คาดว่าผลประกอบการยังคงขาดทุนต่อเนื่องต่อไปอีกหลายปี ทั้งจากธุรกิจหลักยังคงขาดทุนรวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูง ส่งผลให้ฐานะการเงินอนาคตอ่อนแอดังกล่าว
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานปี 50 คาดว่ามีแนวโน้มขาดทุนสูง มากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมแม้จะเปลี่ยนมาบันทึก IC แล้วก็ตาม นอกจากนี้คาดว่าจะยังคงขาดทุนต่ออีกหลายปี จากภาวะต้องจ่ายดอกเบี้ยจ่ายสูง
โดยนักวิเคราะห์ ได้ปรับประมาณการผลประกอบการปกติปี 2550 ขาดทุนมากขึ้นแม้ True Move จะหยุดจ่าย AC และเปลี่ยนมาใช้ IC แทนตั้งแต่ก.พ.50 ก็ตาม โดยช่วง Q2 มีรายได้จาก IC ราว 34 ล้านบาท แต่ True Move ขาดทุนอยู่ ทำให้ปี 50คาดว่าจะขาดทุน 3,800 ล้านบาท มากกว่าเดิมประมาณการเดิม 3,166 ล้านบาท
ดังนั้นจึงมีคำแนะนำ"ขาย"ด้วยราคาเหมาะสม 6.20 บาท

ข่าวหุ้น[/size:825073c2a0">