*ความหวาดวิกตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบทั้งในตลาดหุ้น และนอกตลาดหุ้นยังคงเป็นตัวกัดกร่อนความมั่นใจในการลงทุนจนยากที่จะเลี่ยงได้ "โมนิก้า" ถึงไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ เพราะบรรยากาศการลงทุนมันครึ่งๆ กลางๆ ชอบกล...ครั้นจะเทขายหุ้นทิ้งก็เกรงจะขายหมู แต่พอจะซื้อก็เกรงจะติดดอย ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหล่ะ!!!..

*ในระหว่างนี้ถึงเห็นนักลงทุนรายย่อยเริ่มถอยออกไปยืนอยู่นอกตลาดหุ้นมากขึ้น เพราะคิดว่าเข้ามาซื้อหุ้นในภายภาคหลังยังทัน พร้อมกันนั้นก็โยกเงินบางส่วนไปเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กฆ่าเวลาไปพลางๆ บรรยากาศการลงทุนถึงไม่ค่อยสู้ดีนักไงเล่า

*เดี๊ยนถึงคิดว่าบรรยากาศการลงทุนจะซบเซาเช่นนี้ไปอีกพักใหญ่ๆ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองดันส่อเค้าว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในปลายนี้ กองทุนในประเทศถึงเทขายหุ้นทิ้งตามประสานกรู้ และน่าจะขนหุ้นออกมาเทขายอีกล็อตใหญ่ หากสถานการณ์ยังอึมครึมเช่นนี้นะจะบอกให้

* "โมนิก้า" ถึงรู้สึกเป็นห่วงนักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปซื้อหุ้นจังหวะนี้เหลือเกิน เพราะอีกนานกว่าหุ้นจะกระชากขึ้นแรงๆ คนที่เข้ามาช้อนซื้อหุ้นถึงต้องเป็นคนที่มีเงินเย็นจริงๆ และไม่หวังจะได้กำไรออกจากตลาดหุ้นเป็นกอบเป็นกำเพียงแค่ช่วงระเวลา 1-2 อาทิตย์นะค่ะ

*เนื่องจากดัชนีต้องแกว่งตัวสร้างฐานรอแรงซื้ออีกพักใหญ่ รวมทั้งต้องรอให้ตลาดหุ้นต่างประเทศพร้อมจะทะยานขึ้นอีกครั้ง ดัชนีถึงจะมีสิทธิ์ไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับที่สูงกว่าระดับ 800 จุด...จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทุ่มซื้อหุ้นสุดตัว และไม่มีความจำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้ากระดานหุ้นตลอดเวลา เพราะหุ้นยังไม่ถึงเวลาขึ้นนะซีตัวเอง

*ที่สำคัญ คือ โอกาสที่หุ้นจะลงต่อมีมากกว่า 50% อย่างแน่นอน ใครที่หลับหู หลับตากระโจนใส่หุ้นแบบไม่ยั้ง งานนี้คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้ และต้องปล่อยไปตามเวร ตามกรรมเพราะถือว่าบอกกล่าวตักเตือนกันแล้วไม่ยอมฟังเองนะจ๊ะ

*ส่วนประเด็นเรื่องกองทุน EFT จะเข้ามาอุ้มหุ้นไม่ให้ตกลงแรงนั้น "โมนิก้า"พูดคุยกับ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กันเรียบร้อยว่า ไม่เป็นความจริงเลย เพราะเม็ดเงินที่มีอยู่ 1 พันล้านบาทนั้นได้ทยอยซื้อหุ้นมาเรื่อยๆ จนครบแล้ว...จึงเป็นเป็นไปไม่ได้ที่หุ้นขึ้นคราวนี้จะเกิดจากเม็ดเงินจากกองทุนดังกล่าว...ทราบแล้วเปลี่ยน

*ไหนๆ พูดถึงเรื่อง ETF ซึ่งกำลังจะเปิดเทรดในวันที่ 6 กันยายน นี้แล้ว ก็ขอร่ายยาวถึงข้อดีของกองทุนประเภทนี้ให้นักลงทุนรายย่อยไว้เป็นวิทยาธาน เพราะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม และในต่างประเทศกองทุนประเภทนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนรายย่อย

*เนื่องจากการลงทุนในหน่วยลงทุนดังกล่าวใช้เงินแค่นิดเดียว แถมค่าคอมมิสชั่นที่คิดจากการเทรดหน่วยลงทุนก็คิดแค่ 0.10% คุณพี่สมจินต์ ถึงมั่นใจว่าในอนาคตมูลค่ากองทุนจะแตะระดับ 5 พันล้านบาทชัวร์ป๊าบ...บบบ

*ที่สำคัญคือ กองทุนETF เพิ่งจัดตั้งขึ้นเป็นกองแรกของประเทศไทย และได้เงินระดมทุนไม่ถึง 5 พันล้านบาท คงไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร เพราะในอนาคตน่าได้รับความนิยมเหมือนกับตลาดอนุพันธ์ TFEX "โมนิก้า" จึงขอเอาใจช่วย และเป็นกำลังใจให้อีกแรงเจ้าค่ะ

*สำหรับหุ้นดาวเด่นของตลาดหุ้นไทยเฟ้นหาไม่ได้เลยสักตัว เพราะแต่ละตัวโดนแรงเทขายโขยกจนหาทางขึ้นไม่เจอ ส่วนที่ผงกหัวขึ้นมาได้ก็ยังไปไหนได้ไม่ไกล "โมนิก้า" จึงขอพูดถึงเฉพาะหุ้นที่เป็นข่าวอย่าง MPT เป็นลำดับแรก เพราะการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่จากสิงค์โปร์เป็นญี่ปุ่นน่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างแหล่ะ!!!

*น่าแปลกตรงที่ราคาหุ้นในกระดานกลับไม่ขานรับข่าวดังกล่าว ทั้งที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังไม่มีนโยบายถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้นน่าจะขยับขึ้นไปสูงกว่า 2.50 บาทนะจ๊ะ

*ผิดกับในรายของ ASCON-W1 ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดขึ้นมาปิดที่ 3.12 บาท บวกไป0.24 บาท หรือขึ้นไปถึง 8 % พร้อมกับขึ้นมาติดในกระดาน Most Active ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 295 ล้านบาท ทั้งที่ตัวแม่ ASCON ย่ำต๊อกต้อยที่ระดับ 6.85 บาท บวกไป 0.20บาท หรือขึ้นไปแค่ 3% และมีมูลค่าการซื้อขายแค่ 9 ล้านบาท "โมนิก้า" ถึงแปลกใจใจเป็นอย่างมากว่าเกิดจากอะไร

*หากจะบอกว่าเป็นการไล่ราคาเพื่อใช้สิทธิ์แปลงเป็นหุ้นก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากเพราะเมื่อคำนวณทุกด้านละเอียดยิบ การใช้สิทธิ์รอบนี้มีแต่ขาดทุนสถานเดียว...ความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่ถึงมีแค่ การเล่นเก็งกำไรสั้นๆ เท่านั้นเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ AKR ไม่รู้ว่ามีดีอะไรซ่อนไว้หรือเปล่า ราคาหุ้นถึงได้วิ่งระเบิดเถิดเทิงสวนกระแสอย่างน่าตกตะลึง เพราะจู่ๆ วอลุ่มก็ไหลมาเทมาจนดันราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.28 บาท บวกไป 0.10 บาท แถมหุ้นเพิ่งขยับออกจาบานแรงๆ ได้เป็นวันที่สองแบบนี้ คุณๆ ท่านๆ ลองรับหุ้นตัวนี้ไว้พิจารณาบ้างคงดีไม่น้อย เพราะยังมีแก๊ปให้ฟันกำไรหลายสตางค์เจ้าค่ะ

*สำหรับรายของ TWZ กลายเป็นหุ้นที่ "โมนิก้า" รู้สึกเป็นห่วงมากกว่าหุ้นตัวไหนๆเพราะราคาหุ้นโค้งลงในลักษณะจานคว่ำ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ วานนี้มีแรงเทขายออกมาเป็นจำนวนมากในรอบหลายเดือน จนราคาหุ้นปิดราคาต่ำสุดของวันที่ 13.10 บาท ลบไป1.10 บาท หรือลงไปเกือบ 8% พร้อมกับเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเหมือนกันแบบนี้...คงอีกนานกว่าจะผงกหัวขึ้นได้นะจ๊ะ


:lol:

ไม่ซื้อวันนี้แล้วจะให้ไปซื้อ ตอนยอดดอยเหรอครับ