*ทุกครั้งที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้น ดัชนีมักปรับตัวขึ้นแรงอย่างหวือหวา จนอาจารย์สำหนักต่างๆ ปรับเปลี่ยนคำแนะนำไม่ทัน...ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หุ้นบลูชิพที่ใครต่อใครว่ากันว่า overvalued ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ที่คุณๆ ท่านๆ คิดนั่น ผิดมหันต์ เพราะราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถทะยานขึ้นปิดบวกกันหน้าสล่อนนะซี

*"โมนิก้า" ถึงไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีวิ่งทะลุแนวต้าน 800 จุดอย่างง่ายดาย เพราะปัญหาเรื่องซับไพร์มที่ผู้หลักผู้ใหญ่(บ้องตื้น)พยายามพูดกรอกหูเป็นประจำ เป็นเพียงคำแก้ตัวที่ไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาอธิบาย เดี๊ยนรู้สึกเซ็งและเบื่อหน่ายที่ได้ยินคำอธิบายเหล่านี้ในยามที่หุ้นตก

*เนื่องจากเป็นเพียงมายาคติที่คนส่วนใหญ่ปักใจเชื่ออย่างไร้เหตุผล รวมทั้งการล่มสลายของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้ทำให้ประเทศมหาอำนาจเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดียมีปัญหาแบบนี้...เดี๊ยนเชื่อว่าการอ่อนตัวของดัชนีก่อนหน้านี้ เป็นการทุบหุ้นเอาของร้อยเปอร์เซ็นต์ "โมนิก้า" ถึงต้องการให้นักลงทุนตั้งสติให้ดี แล้วทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดีให้ได้มากสุด หลังหุ้นเหล่านั่นยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกเพียบ

*เห็นได้จากการทะยานขึ้นของดัชนีสัปดาห์ที่แล้วเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ถึงสัญญาณของการลดอัตราดอกเบี้ยในสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และการประกาศร่างแผนการปฏิรูปเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในตลาดซับไพรม์ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช

*ปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้กูรูสำนักต่างๆ มั่นใจว่า การประกาศร่างแผนการปฏิรูปเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในตลาดซับไพรม์ของประธานาธิบดีสหรัฐจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเพราะคำแถลงการณ์เชิงบวกจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น และจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเต็มตัวอีกครั้งในสัปดาห์นี้พะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ PTT สร้างปรากฎการ์ความหวือหวาได้อย่างน่าปลาบปลื้มใจสำหรับคนที่มีหุ้นตัวนี้อยู่ในพอร์ต แต่สำหรับคนที่เพิ่งเข้าไปไล่ซื้อเก็บหุ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรเสียหาย หรือต้องตื่นตะลึงกับการกระชากขึ้นราคาสูงสุดของวันที่ 306 บาท บวกไป 14 บาท เพราะหุ้นมีโอกาสสร้างสถิติราคาสูงสุดใหม่ๆ ตลอดเวลาเจ้าค่ะ

*น่าสนใจตรงที่ 4 อันดับแรกของกระดาน Most Active ล้วนเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานทั้งสิ้น โดยหลังจากพี่พานทองแท้(ปตท.) กระชากขึ้นปิดราคาสูงสุดของวัน แรงซื้อก็กระจายมายังหุ้นลูกอย่าง RRC PTTEP และ TOP ไม่ขาดสาย จนสลัดคราบหุ้นอืดถึดทือเป็นปริดทิ้ง พร้อมกันนั้นก็แสดงให้เห็นว่า หุ้นมีแนวโน้มไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้ในไม่ช้าแบบนี้...เดี๊ยนถึงเชียร์ให้วื้อสุดใจขาดดิ้นไงหล่ะตัวเอง

*ส่วนเรือเทกอง TTA เป็นอีกรายที่ดันดัชนีให้ยืนในแดนบวกได้อย่างสวยงาม ขณะที่ตัวเองก็พยายามสร้างสถิติทะยานขึ้นทะลุแนวต้านใหม่ๆ ตลอดเวลา แถมวอลุ่มก็ยังหนาแน่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา งานนี้ถึงไม่ต้องสงสัยว่าเป็นแรงซื้อจากกองทุนในประเทศหรือกองต่างประเทศให้ปวดสมอง เพราะรู้แค่ว่ามีหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตไว้ก็พอ...เนื่องจากราคาปิดที่ 52.50 บาท บวกไป 4 บาท ยังต่ำกว่าราคาเหมาะสมที่กูรุสำนักต่างๆ ให้ไว้เจ้าค่ะ

*เหมือนกับหุ้นกลุ่มแบงก์ BBL KBANK SCB และ BAY "โมนิก้า" เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ว่ามีข่าวดีรอรับอยู่เต็มประตูหน้าต่าง แถมไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุนสำรองไว้ใช้สำหรับการปล่อยสินเชื่อแบบนี้ไงเล่า ราคาหุ้นถึงได้ยืนแข็งบวกสวนภาวะตลาดได้อย่างน่าทึ่ง ตอนนี้ไม่ต้องถามหาเป้าหมายให้เมื่อยปาก เพราะแรงซื้อที่มีเข้ามาเป็นการเก็งกำไรที่คาดหวังถึงอนาคตอันสดใส หากข่าวดีที่เก็บซุกไว้ยังไม่หมดสต๊อก หุ้นต้องไปต่ออย่างแน่นอน
*ส่วนปูนใหญ่ SCC รีบาวนด์ตามประสาหุ้นยอดนิยมที่ลงมาถึงฐานก่อนใครเพื่อนเวลาหุ้นเริ่มขยับขึ้นในแต่ละครั้งจึงมีแรงซื้อไหลบ่าเข้ามาไม่ขาดสาย และหากสามารถกระชากขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ขวางกั้นได้หล่ะก้อ ถือว่าสวยงามไม่เบา และหากยังรักษาฐานนี้ไว้ได้อย่างเหนี่ยวแน่น ก็สมควรแก่เวลาในการเข้าเก็บแล้วนะคะ

*KEST หุ้นยอดนิยมของการเล่นสั้น และเป็นนักฉวยโอกาสที่หลายฝ่ายมองว่าจะตัวปลุกกระแสการเก็งกำไรกลับมาคึกคัก ทำท่าจะไปได้สวยอีกครั้งในยามนี้ เพราะราคาหุ้นเริ่มไต่ระดับและแรงซื้อเริ่มไหลกลับเข้ามาให้เป็นประปราย ราคาหุ้นถึงวิ่งพรวดพราดขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่ 23.40 บาท บวกไป 1.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 472 ล้านบาท ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ...โดยเฉพาะยามที่ข่าวสารไม่เป็นมงคลต่อการลงทุนเริ่มจางหาย และคนเริ่มมีความคาดหวังต่อเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวดีขึ้น?หุ้นโบรกเกอร์มักฉวยโอกาสขึ้นเป็นประจำนะจะบอกให้

*พิลึก พิลั่นที่สุดคงเป็นหุ้นประเภทผีลืมหลุมอย่าง ASL IEC LIVE S2Y และAPURE เพราะก่อนหน้านี้ก็ฝ่าไฟแดงขึ้นมาปิดบวกอย่างไร้เหตุผล หากมีใครฟันธงว่าเป็นการรีบาวนด็เพื่อลงต่อก็พอจะฟังได้...แต่กลับมีพวกอวดรู้ อวดเก่ง ออกมาฟันธงสวนกระแสอย่างน่าเขกกะบาลว่า ขึ้นด้วพื้นฐาน "โมนิก้า" จึงต้องออกมาค้านแบบหัวชนฝา และขอแนะให้ทิ้งหุ้นสถานเดียวก่อนที่จะสายเกินแก้ เพราะมันรู้ออยู่แก่ใจว่าหุ้นขึ้นรอบนี้เกิดจากกำลังภายใน...อิอิอิ


:lol: