April 29, 2024   4:18:57 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฆ่ากันเสียดีกว่า!..
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 04/09/2007 @ 22:51:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"ฆ่าฉัน..ฆ่าฉัน..ซะยังดีกว่า..มาทรมาน"

ขึ้นต้นอาจจะดูน้ำเน่า..และเชยไปสักนิด สำหรับการหยิบยกเพลงเก่า เอามาประกอบข่าวในเว็บไซต์ที่ทันสมัยอย่าง eFinanceThai.com แต่เชื่อเถอะว่านี่เป็นเพลงที่ตรงกับใจของนักลงทุนแฟนหุ้น LIVE มากที่สุดแล้ว หากต้องเจอคำสั่งต่อวีซ่าห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นออกไปอีกเป็นรอบที่ 3 หลังจากที่คำสั่งในรอบที่สองจะสิ้นสุดลงในช่วงเย็นของวันที่ 6 ก.ย.นี้ เพราะเพียงแค่เจอคำสั่งรอบที่สอง (25 กรกฎาคม 2550 ถึง 6 กันยายน 2550) ก็ทำเอานักลงทุนแบบเก็งกำไรหลายรายหัวใจแทบแหลกสลาย จนถึงขั้นจะฟ้องร้อง ตลท.เจ้าของคำสั่งในข้อหา "ดับเบิ้ล สแตนดาร์ด" แต่ทุกอย่างก็คลี่คลายลงได้ในเวลาต่อมา และราคาหุ้น LIVE ก็เคลื่อนไหวอย่างสงบเสงี่ยมจนเกือบจะเจียมตัว เกือบตลอดระยะเวลาที่ ตลท.ออกคำสั่งรอบสอง ทำให้ขาเก็งมั่นใจไม่เจอต่อวีซ่ารอบสามแน่ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง รอบนี้ก็ขอให้ ตลท.ฆ่ากันให้ตายไปเลยดีกว่า เพราะถือว่าจงใจทำร้ายแฟน LIVE กันแบบชัดเจน

ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.50) จะเป็นวันสุดท้ายที่หุ้นของ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE จะซื้อขายภายใต้คำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในรอบที่สอง หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.ได้มีคำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) LIVE ในรอบนี้ เป็นเวลา 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2550 ถึง 6 กันยายน 2550 ซึ่งถือเป็นการออกคำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นฯต่อเนื่องมาจากรอบแรกที่ ตลท. ได้มีคำสั่งในช่วงวันที่ 13 มิถุนายน ถึง 24 กรกฎาคม 2550

โดย ตลท.ได้ให้เหตุผลของการต่ออายุ คำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น รอบที่สองว่า เป็นเพราะในช่วงระยะเวลาที่มีคำสั่งรอบแรก การซื้อขายหลักทรัพย์ LIVE ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณอันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด รวมทั้งมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวในหลักทรัพย์ดังกล่าว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบเสียหายต่อสภาพการซื้อขายโดยรวม อันเนื่องมาจากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือปริมาณการซื้อขายในหลักทรัพย์นั้นอย่างรุนแรงหรือมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวในหลักทรัพย์นั้นเป็นจำนวนมาก

ตลาดหลักทรัพย์จึงสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์ LIVE ชั่วคราวต่อไปอีก 30 วันทำการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2550 ถึง 6 กันยายน 2550 ดังกล่าว

- ราคาหุ้นเคลื่อนไหวต่างกันแบบหนังคนละม้วนในช่วงห้ามเน็ตฯรอบแรก-รอบสอง
อย่างไรก็ตาม การใกล้ครบกำหนดคำสั่งห้ามห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในรอบที่สองนี้ ก็ทำให้นักลงทุนเก็งกำไรบางส่วน อดที่จะกังวลไม่ได้ว่าตลาดฯอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างไปจากสายตานักลงทุนทั่วไป และอาจนำไปสู่การออกเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นรอบที่สามได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่า ตลท.มีมุมมองที่แตกต่างไปจากนักลงทุนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากถ้าเปรียบเทียบความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LIVE ในช่วงที่ขึ้นเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นรอบแรก และ รอบที่สอง จะพบมีความเคลื่อนไหวแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่าในรอบแรกที่มีคำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ราคาหุ้นได้เริ่มเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแบบเห็นได้ชัดมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน โดยหุ้น LIVE ปิดการซื้อขายครั้งก่อนที่ 1.78 บาท และปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 3.48 บาทในวันที่ 12 มิถุนายน 2550 หรือเพิ่มขึ้น 95.50% ภายในเวลาเพียง 8 วันทำการ จึงนำไปสู่การออกคำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น ดังกล่าว และหลังจากนั้นราคาหุ้นกลับปรับเพิ่มขึ้นรุนแรงขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในช่วงห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นก็ตาม โดยราคาหุ้น LIVE ได้เพิ่มขึ้นจาก 3.42 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดในวันที่ 12 มิ.ย. 50 เพิ่มขึ้นมาทำระดับสูงสุดที่ 5.80 บาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 70% และแม้ว่าหลังจากนั้นความร้อนแรงของราคาได้บรรเทาลง โดยลงมาทำระดับต่ำสุดที่ 4.30 บาท ในวันที่ 12 ก.ค. แต่ก็ถือว่าทรงตัวอยู่ในระดับสูง และหลังจากนั้นราคาก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งจนขึ้นมาทำระดับสูงสุดที่ 5.30 บาท ในวันที่ 24 ก.ค.ซึ่งเป็นวันซื้อขายภายใต้คำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น เป็นวันสุดท้าย และอ่อนตัวลงมาปิดการซื้อขายที่ 5 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับระดับราคาสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงที่มีคำสั่งห้ามเน็ตฯ -มาร์จิ้นในครั้งนี้

เห็นได้ว่าในช่วงที่ LIVE ถูกคำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในรอบนี้ ราคาหุ้นไม่ได้ลดความร้อนแรงลงทันที แต่กลับเพิ่มความร้อนแรงขึ้นระยะหนึ่ง และหลังจากนั้น ความร้อนแรงของราคาหุ้นได้บรรเทาลง และมูลค่าการซื้อขายไม่หนาแน่นนัก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น

ในขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LIVE หลังถูกสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในรอบที่สองนี้ ความเคลื่อนไหวได้แตกต่างจากในรอบแรกอย่างสิ้นเชิง โดยพบว่าในช่วงเกือบ 30 วันทำการ(25 ก.ค.-4 ก.ย.) ที่ ตลท.มีคำสั่งดังกล่าวราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 10% เศษเท่านั้น ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าคงจะไม่มีการออกคำสั่ง ออกมาเป็นรอบที่สามดังกล่าว

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 04/09/2007 @ 22:53:01 :
- ขาเก็งครวญ..ฆ่ากันเสียดีกว่า!..หากต่อวีซ่ารอบ 3
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LIVE ที่ดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นอย่างชัดเจน ในช่วงที่ถูกคำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น ทำให้นักลงทุนแบบเก็งกำไรออกมาแสดงความมั่นใจว่า LIVE น่าจะไม่ถูกต่ออายุคำสั่งดังกล่าวเป็นรอบที่สาม แต่ถ้าหากเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็ฆ่ากันเลยเสียดีกว่า เพราะถือว่า ตลท.จงใจทำร้ายนักลงทุนแบบเก็งกำไรในหุ้น LIVE จนออกนอกหน้าเกินไปแล้ว
โดยแหล่งข่าวนักลงทุนรายหนึ่งกล่าวว่า ถ้าดูจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น LIVE ในช่วงที่ถูกคำสั่งรอบที่สองนี้จะพบว่า ราคาหุ้นได้ลดความร้อนแรงลงมาก นักลงทุนก็เข้าซื้อขายน้อยลง ดังนั้น ตลท.คงจะไม่ต่ออายุคำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นเป็ฯรอบที่สามแน่ เพราะถ้าเปรียบเทียบกับราคาหุ้นอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวค่อนข้างร้อนแรงในช่วงเวลาใกล้เคียงกันแล้วไม่ถูกออกคำสั่งใดๆ มาสกัดความร้อนแรง ราคาหุ้น LIVE ก็ดูจะเคลื่อนไหวหวือหวาน้อยกว่ามาก

"ถ้าราคาหุ้นเป็นแบบนี้แล้วยังสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นต่ออีกก็มาฆ่ากันให้มันชัดๆ ไปเลยมั้ย เพราะถือว่าจงใจทำร้ายนักลงทุนเก็งกำไรในหุ้นตัวนี้กันจริงๆ แล้ว ทีหุ้นตัวอื่นๆ ร้อนกว่านี้ตั้งเยอะไม่เห็นจะออกคำสั่งมาขัดขาให้เสียอารมณ์เลย ไม่เชื่อไปดู S2Y (บริษัท สยามทูยู จำกัด (มหาชน)) หรือ MDX (บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน)) ก็ได้ " แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวนักลงทุนอีกรายกล่าวว่า การออกคำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นของ ตลท.ในรอบที่สองก็ถือว่าค้านกับสายตานักลงทุนมากพออยู่แล้ว เพราะถ้าเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่นอย่าง PSAP (บริษัท ป่องทรัพย์ จำกัด (มหาชน)) หุ้น LIVE ยังเคลื่อนไหวหวือหวาน้อยกว่า แต่ก็ยังถูกสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นต่อ ขณะที่ PSAP ไม่โดน ดังนั้นถ้ารอบนี้ LIVE ถูกต่ออายุคำสั่งนี้เป็นรอบที่สามก็ถือว่า ตลท.จงใจกลั่นแกล้งแน่นอ เพราะถือว่าราคาหุ้นเคลื่อนไหวน้อยมาก

อย่างไรก็ดีจากการสำรวจของผู้สือข่าวพบว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยังมีหุ้นอีกหลายตัวที่เคลื่อนไหวหวือหวากว่าแต่ไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมาจาก ตลท.

- S2Y ดีกรีเดือด! แต่ไม่ถูกกระทบแม้ปลายขุมขน
จากการสำรวจราคาหุ้น บริษัท สยามทูยู จำกัด (มหาชน) หรือ S2Y บนกระดานพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-4 ก.ค.ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ถึง 281% ภายในเวลาเพียง 8 วันทำการจากราคา (0.95 บาท มาทำระดับสูงสุดที่ 3.62 บาท ) โดยอาศัยข่าวไล่ราคาเพื่อรอซื้อหุ้นเพิ่มทุน ที่คณะกรรมการบริษัทฯมีมติเพิ่มทุนจำนวน 368,383,590 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จัดสรรตามสัดส่วนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วนการจองซื้อ 1 หุ้นเดิมต่อ 9 หุ้นสามัญใหม่ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท

- PSAP อาศัยข่าวได้พันธมิตรหนุนเด้ง 100%
จากการสำรวจราคาหุ้น บริษัท ป่องทรัพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSAP พบว่า ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.-31 ก.ค. โดยราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 100% (จากราคา 0.92 บาท มาทำระดับสูงสุดที่ 1.82 บาท ) ภายในเวลาเพียง 10 วันทำการ ซึ่งในช่วงดังกล่าวได้มีข่าวเรื่องกระแสพันธมิตรเข้ามาหนุน โดยแหล่งข่าวจากวงการค้าหลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ในช่วงดังกล่าว PSAP อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจรายหนึ่ง ซึ่งเบื้องต้นได้มีการศึกษาความเป็นไปในการทำธุรกิจร่วมกัน โดยคาดว่าจะได้เห็นข้อสรุปในไม่ช้า แต่ในที่สุดแล้วข่าวดังกล่าวก็ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด แต่ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นจริงๆ โดยไม่มีใครมาออกคำสั่งขัดขาให้ระคายเคือง

- จับตา MDX เคลื่อนไหวแบบมีชั้นเชิงอาจรอดป้ายอาญาสิทธิได้
จากการสำรวจความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MDX พบว่า ราคาหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวค่อนข้าวหวือหวาตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. โดยใช้สูตรขึ้น 2 วัน พักฐาน 1 วันต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 4 ก.ย.ที่ราคาหุ้นขึ้นมาทำระดับสูงสุดที่ 5.30 บาท จากราคาฐานที่ 2.82 บาท เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้น MDX เพิ่มขึ้นแล้ว 87.94% โดยการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นดังกล่าวเป็นเพราะมีข่าวลือในห้องค้าว่า บริษัทฯอาจมีการแตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ในขณะที่หุ้น MDX ยังเทรดต่ำกว่า Book value ที่ 5 บาท

จึงทำให้มีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้นกันอย่างคึกคัก แต่หลังจากนั้น แม้ว่าผู้บริหารจะออกมาปฏิเสธกระแสข่าวลือเรื่องการแตกพาร์ พร้อมระบุว่าในระยะนี้บริษัทยังไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ราคาหุ้นก็ไม่ได้ลดความร้อนแรงลงแต่อย่างใด นอกจากนั้น หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ขึ้นสลับพักฐานก็อาจทำให้ MDX หลุดรอดจากคำสั่งห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นได้ง่ายๆ ก็เป็นได้ เพราะประวัติความเคลื่อนไหวหวือหวาของหุ้นตัวนี้ยังไม่โชกโชนนักนั่นเอง

- เจอห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นรอบสองก็เกือบหัวใจสลาย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ ตลท.ได้ออกคำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) หุ้น LIVE ในรอบที่สอง กลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่แล้วกลับไม่เห็นด้วยกับตลาดฯ จนทำให้มีข่าวออกมาว่า กลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์กำลังเตรียมการที่จะร้องขอความเป็นธรรมและฟ้องศาลปกครองให้ดำเนินการกับตลาดหลักทรัพย์และผู้บริหารตลาดที่ใช้อำนาจหน้าที่ในการมิชอบ โดยเฉพาะการเลือกปฎิบัติกับหุ้นบางตัว เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเก็งกำไร ที่มีราคาขึ้นลงและเคลื่อนไหวผิดปกตินั้น ไม่ได้มีเพียง LIVE ตัวเดียว เพราะในขณะที่ตลาดฯ ใช้มาตรการห้ามเน็ตฯ มาร์จิ้น กับ LIVE ถึง 2 ครั้งติดกัน แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็พบว่าหุ้นเก็งกำไรหลายตัวราคาปรับขึ้น และเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติไม่น้อยไปกว่า LIVE แต่ตลท.ก็ไม่ออกมาอธิบายให้เห็นถึงความแตกต่าง ในการออกคำสั่ง ซึ่งนักลงทุนบางส่วนยังต้องการเรียกร้องให้ ตลท.ออกมาอธิบายถึงมาตรฐานของกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าใช้ ดับเบิ้ล สแตนดาร์ด ดูแลหุ้นเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นหาก ครั้งนี้ มีคำสั่งออกมาอีกครั้ง ตลท.คงต้องหาคำตอบที่สวยงามและรับฟังได้มาอธิบายให้นักลงทุนได้เข้าใจ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น ความวุ่นวายในเรื่องเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็จะกลับมาอีกครั้ง และเชื่อว่าครั้งนี้คงไม่จบแบบอะลุ้มอล่วยอย่างรอบที่แล้วแน่นอน


:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com