May 4, 2024   11:46:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้น : ปรับฐานก่อนถึงจะไปได้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 10/09/2007 @ 09:24:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*ในที่สุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีมุมมองในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยก็ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน หลังดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 801.46 จุด ลบไป 8.36 จุดอย่างรวดเร็วเพราะนั่นเป็นการยืนยันว่า นักลงทุนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ของประเทศ นักลงทุนกลุ่มต่างๆ ถึงสลับกันซื้อๆ ขายๆ กันตลอดเวลา

*โชคดีที่วอลุ่มเทขายไม่หนาแน่นเหมือนก่อนหน้านี้ และดัชนียังยืนเหนือแนวรับ 800จุดได้อย่างแงแกร่ง จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีในสายตา "โมนิก้า" เพราะจุดเริ่มต้นของสิ่งดีเล็กๆ มักก่อให้เกิดเรื่องดีๆ ตามมาทีหลังมากมาย รวมทั้งตัวเดี๊ยนยังเชื่อในทฤษฏีที่ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเลวร้ายจนสุดขั้ว ดัชนีจึงน่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้ง

* "โมนิก้า" ถึงพยายามย้ำเตือนนักลงทุนตลอดเวลาว่า อย่ากลัวอะไรไม่เข้าท่าเพราะหากพิจารณาองค์ประกอบเศรษฐกิจของประเทศรอบด้านต้องยอมรับว่าไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อีกแล้ว ขณะที่การเมืองก็กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มตัวแบบนี้ เดี๊ยนถึงมั่นใจว่าการอ่อนตัวของดัชนีเมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดจากนักลงทุนต่างชาติทุบเอาของจ้าค่ะ

*ส่วนดัชนีจะอ่อนตัวลงไปถึงระดับไหนนั้น อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับแรงช้อนซื้อจะเข้ามาตอนไหน และภาวะโดยรวมรอบด้านเอื้อต่อการลงทุนไหม เพราะตัวแปรทั้ง 2 ตัวจะชี้ขาดว่าดัชนีจะยืนหยัดเหนือ 800 จุดได้อย่างแข็งแกร่งนานเพียงใดนะซี

*เมื่อภาวะการลงทุนไม่เป็นใจให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคา TDEX ที่ทำท่าจะไปได้ดีก้อ่อนตัวลงมาปิดที่ 5.80 บาท ลบไป 0.08 ตามระเบียบ หากว่าหุ้นกองทุนตัวนี้น่าเล่นไหนเดี๊ยนขอตอบว่าน่าเล่นสุดๆ เพราะเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเพิ่งรับรู้เงินปันผลจากหุ้นที่ถืออยู่เข้ามาบางส่วน และในไม่ช้าจะทำการประกาศจ่ายเงินปันผลอีกด้วย...คุณๆคิดว่าน่าสนไหมหล่ะ

*สำหรับรายแรกที่ต้องพูดถึงก่อนใครเพื่อนก็คือ THL เพราะท้ายสุดก็มีผู้รู้ทยอยออกมาคอมเม้นท์เรื่องผลประกอบการอีกคำรบ ทั้งที่ตอนแรกใครๆ ก็คิดว่า คงลอยนวลไปไหนถึงไหนแต่พอมาเจอกระแสแนให้เทขายหุ้นทิ้งแบบไม่ขาดสาย ราคาหุ้นก็เลยร่วงลงมาปิดที่ 1.73บาท ลบไป 0.02 บาทอย่างรวดเร็วแบบนี้ "โมนิก้า" คิดว่ารายการนี้คงไม่จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแน่นอนเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ LIVE "โมนิก้า" เห็นมีวอลุ่มเทขายตั้งรออยู่เป็นจนวนมาก ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นการเทขายหุ้นของเจ้ามือรายใหญ่ เพราะจำนวนหุ้นที่ทิ้งออกมาแต่ละไม้เหมือนเป็นการจงใจจะทุบหุ้นเพื่อไปรับหุ้นที่ราคาถูกกว่าอย่างไรอย่างนั้นเลย...ทราบแล้วช่วยบอกต่อด้วยเจ้าค่ะ

*ยิ่งการเพิ่มทุนของ TMB ส่อเค้าจะยืดเยื้อไปอีกนาน หลังบอกว่าจะเสร็จในเร็วๆนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็เลื่อนออกไปแล้ว เลื่อนออกไปอีก แถมยังต้องรอรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ หลังเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องขึ้นมากระทันหัน ข่าวที่ออกมาถึงมั่วๆ ซั่วๆ ชอบกลราคาหุ้นถึงโงหัวไม่หัวขึ้น...เดี๊ยนถึงสงสัยว่ามันจะไปรอดไหมหนอ

* ประกอบกับตัวผู้บริหารก็ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จทันตามกำหนดที่พูดไว้ เพราะไม่ต้องการเพิ่มทุนแล้วต้องกลับมาเพิ่มทุนอีกหน เนื่องจากทำให้เงินของกระทรวงการคลังหร่อยหรอไปเป็นจำนวนมาก มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิดหนักไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เพราะหมายหมั้นปั้นมือกันมาหลายยุคว่า ในอนาคต ธ.ทหารไทย จะมีกำไรและมีความยั่งยืน...แต่สุดท้ายก็ยังเจ๊งกะบงทั้งปีทั้งชาติ อิอิอิ

*ถัดจากหุ้นเก็งกำไรก็ลองหันมาดูหุ้นบลูชิพยอดนิยมอย่าง หุ้นกลุ่มพลังงาน กันบ้างจะดีกว่า...เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า กองทุนในประเทศยังฉวยโอกาสเข้ามารับหุ้นตอนร่วงหนักๆ เป็นประจำ "โมนิก้า" ถึงต้องออกมาย้ำว่า คิดจะเล่นหุ้นพื้นฐานดีมีอนาคตไกล ก็อย่ากังวลเรื่องราคาจนเกินเหตุ เพราะคราที่เกิดอาการลังเลมักลงเอยด้วยการเตะหมูเข้าปากหมา เป็นประจำนะตัวเอง

*โดยเฉพาะในรายของ PTTEP "โมนิก้า" ย้ำเตือนเสมอว่า ราคาหุ้นระดับ 100บาทต้นๆ นั้นถูกเกินไปสำหรับ หลุมก๊าซที่มีอยู่ในมือมูลค่าหลายพันล้านบาท และหากเปรียบเทียบกับอนาคตอันโชติช่วง เพราะธุรกิจก๊าซถูกผูกขาดแบบเบ็ดเสร็จมาแต่ไหนแต่ไรเดี๊ยนถึงมั่นใจว่าราคาหุ้นบริเวณ 120 บาท ยังต่ำเกินไปอยู่ดีเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับ PTT และ TOP ในที่สุดก็แสดงให้เห็นว่า ยังเป็นหุ้นที่ต้องตาต้องใจกองทุนต่างๆ เป็นอันดับแรกเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ราคาหุ้นถึงพุ่งขึ้นพร้อมกับวอลุ่มซื้อที่แน่นขนัด ยิ่งได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นกำลังเสริมด้วยแล้ว "โมนิก้า"พุดได้คำเดียวว่า ไม่มีหุ้นติดพอร์ตแล้วจะเสียใจอย่างสุดซึ้งพะยะค่ะ

*ตบท้ายกันที่น้าหลองที่พร่ำพรรณนาโวหารว่า บรรยากาศการลงทุนของประเทศไทยเริ่มดีขึ้น หลังจากได้ชี้แจงให้ทั่วโลกเข้าใจถึงนโยบายของรัฐบาลที่มีต่อต่างชาติอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายหันหลังให้กับโลก หรือไม่สนใจทำการค้ากับต่างประเทศ น่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติไม่มากก็น้อยนะค่ะ

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 10/09/2007 @ 11:26:59 :
Todays Strategy
ความเสี่ยงระยะสั้น ทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศ (ปัญหาซับไพร์มอาจลุกลาม, เหตุการณ์ก่อการร้าย) และปัจจัยภายในประเทศ (กำหนดการเลือกตั้ง, การแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบก) อาจเกิดแรงขายกดดัชนีให้อ่อนตัวลง โดยให้รอซื้อสะสมอีกครั้งที่บริเวณ 780 จุด (PER 11 เท่าปี 50) ในหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี

Technical Analysis
การปรากฏขึ้นของสัญญาณขายจาก Stochastic นั้น อาจส่งผลลบต่อทิศทางของดัชนีช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ โดยอาจกดดันให้ดัชนีปรับลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ บริเวณ 780 จุด อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นเพียง พักฐานระยะสั้นมากกว่าการเปลี่ยนแนวโน้มเข้าสู่ขาลง

Company Update
VNG: (ซื้อ/4.64 บาท/พื้นฐาน 5.55 บาท)
รับปันผลปี 50-51 รอการเติบโตในปี 52

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น
รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR
Commodities Move
Warrants


VNG: รับปันผลปี 50-51 รอการเติบโตในปี 52 - ซื้อ

ปี 50-51 รับเงินปันผลตอบแทน รอการเติบโตของกำไรในปี 52
แม้แนวโน้มกำไรปี 50-51 จะทรงตัว แต่ฐานะการเงินที่แข็งแรง เราคาดว่าบริษัทจะให้อัตราเงินปันผลตอบแทน 5-5.5% ต่อปี และคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตในปี 52 จากการขยายการผลิต MDF นอกจากนี้มูลค่าพื้นฐานใหม่ (หลังการปรับลด) 5.55 บาท ยังให้ Upside 20% จากราคาหุ้นปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำซื้อ

คาดกำไรปี 50- 51 ทรงตัว แต่จะกลับมาเติบโตในปี 52
ตลาดในประเทศที่ซบเซาและกลยุทธ์การส่งออกเพิ่มขึ้น เราจึงปรับประมาณการกำไรจากการดำเนินงานสุทธิปี 50-52 ลดจากเดิม 9-15% เป็น 721 ล้านบาทในปี 50 (+1% YoY) และ 757 ล้านบาท (+5% YoY) ในปี 51 และจะกลับมาเติบโต 32% ในปี 52 เป็น 996 ล้านบาท จากโครงการขยายกำลังผลิตไม้เอ็ม ดีเอฟเพิ่ม

กระแสเงินสดแข็งแรง จ่ายปันผลได้และพร้อมลงทุนเพิ่ม
แม้กำไรในปี 50-51 จะทรงตัว แต่บริษัทจะรักษาอัตราเงินปันผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นไว้ในอัตรา 5.1% และด้วยฐานะการเงินที่แข็งแรง และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานภายหลังการลงทุนที่แข็งแกร่ง เราคาดว่าบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการจ่ายคืนหนี้และดอกเบี้ย และมีเงินสดเหลือไว้รองรับความไม่แน่นอนทางธุรกิจรวมทั้งการซื้อสินทรัพย์ของคู่แข่งหากเกิดการ Consolidation ในธุรกิจนี้ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในปี 51-52

ตลาดในประเทศซบ ไม่เห็นการฟื้นตัว บริษัทจะเน้นส่งออก
ตลาดแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติในประเทศที่ซบเซามากในปีนี้ตามอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศและการส่งออกที่เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท และยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวจนถึงปีหน้า บริษัทจึงมุ่งเน้นการส่งออกเพื่อชดเชยตลาดในประเทศและคงระดับปริมาณขายรวมไว้ให้โรงงานมีอัตราใช้กำลังผลิตสูงที่สุดเพื่อลดต้นทุนคงที่ต่อหน่วย โดยยอมรับอัตรากำไรที่มีแนวโน้มลดลง

แนวโน้มราคาไม้ MDF ลด ส่วนไม้ปาร์ติเกิ้ลทรงตัว
ราคาไม้เอ็มดีเอฟลดลง 5% QoQ เป็น 255 เหรียญ/ลบ.ม.ใน 3Q50 หลังจากปรับขึ้นมากในไตรมาสก่อน และมีแนวโน้มจะลดลงอีกเล็กน้อยใน 4Q50 จากการเริ่มผลิตของเมโทรฯ ส่วนราคาไม้ปาร์ติเกิ้ลยังทรงตัวที่ 125 เหรียญและมีแนวโน้มจะทรงตัวถึงปลายปีเพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 10/09/2007 @ 11:27:30 :
RATCH: รัฐบาลเตรียมซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากลาว - ซื้อ

" วางแผนซื้อไฟฟ้าจากลาว อีก 2,000 MW จำนวนไฟฟ้าที่จะซื้อเพิ่มสูงกว่าคาดการณ์ที่ 5,000 MW (ให้มีการทำสัญญาจากโครงการปัจจุบันกับลาว จำนวน 5,000 MW เสร็จก่อน)
" อยู่ภายใต้แผนพัฒนากำลังไฟฟ้า ปี 50 (กำลังผลิตไฟฟ้า 5,091 ถึง 13,490MW) เนื่องจากเกรงว่า LNG จะขาดแคลน และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอาจจะล่าช้า จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะซื้อไฟฟ้าจากลาวและพม่า เนื่องจากผลิตจากโรงไฟฟ้า พลังน้ำที่มีต้นทุนต่ำ และเป็นการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลในการกระจายแหล่งผลิตไฟฟ้า
" ข่าวนี้น่าจะส่งผลบวกต่อ RATCH มากที่สุด เพราะจะเป็นการเร่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว (RATCH ถือหุ้น 25%) ที่กำลังการผลิต 1,090 MW ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่มูลค่าพื้นฐาน 53.00 บาท (DCF, คาดการณ์ EV/MW ที่ 800 MW จากการประมูล IPP รอบใหม่)

ธีรภัทร เมธานุเคราะห์

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 10/09/2007 @ 11:27:55 :
กลุ่มเหล็ก: ราคาเหล็กในภูมิภาคกำลังปรับตัวสูงขึ้น - เท่าตลาด

" ราคาเหล็กในภูมิภาคปรับตัวสูงขึ้น เพราะราคาแร่เหล็กในจีนเพิ่มขึ้น 15-16% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากระบบคิดค่าธรรมเนียมถนนใหม่สำหรับรถบรรทุก และอุปทานที่จำกัดจากการเพิ่มสต๊อกสินค้าของเหมือง เพื่อรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้ มีการคาดหมายว่าราคาแร่เหล็กในตลาดโลกสำหรับปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 30-35% (เพราะอุปทานที่จำกัดและต้นทุนผลิตที่สูงขึ้นตามราคาถ่านหินและค่าระวางเรือ) มากกว่าเดิมที่คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่ม 9% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในตลาดโลกปรับสูงขึ้นตาม
" โครงสร้างภาษีส่งออกเหล็กของจีนทำให้ราคาเหล็กขั้นกลางสูงขึ้น นโยบายของจีนที่ต้องการให้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศส่งออกเหล็กขั้นปลาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เหล็กขั้นกลาง (Slab, Billet) โดยการกำหนดภาษีส่งออกเหล็กขั้นกลาง 15% และภาษีส่งออกเหล็กขั้นปลาย 5% ทำให้ปริมาณเหล็กขั้นกลางจากจีนเข้ามาในตลาดโลกลดลง และเกิดภาวะขาดแคลนส่งผลให้ราคาปรับขึ้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อ BSBM และ SSI ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเหล็กขั้นกลางมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต
" เป็นผลดีต่อ TSTH มากที่สุด (ซื้อ/มูลค่าพื้นฐาน 2.24 บาท) ตลาดในประเทศที่ซบเซา ทำให้ผู้ผลิตในประเทศไม่ได้รับประโยชน์จากราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น เพราะราคาในประเทศไม่สามารถปรับขึ้นตามได้ ยกเว้นผู้ผลิตที่มีศักยภาพการส่งออกอย่าง TSTH ทีมีเครือข่ายการตลาดของกลุ่มทาทาสตีล (อินเดีย) ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และการที่ TSTH สามารถหลอมบิลเล็ตใช้เองทำให้มีอัตรากำไรที่ดีกว่าและไม่ผันผวน เมื่อเทียบกับผู้ผลิตทีต้องนำเข้าสแลปและบิลเล็ตมาใช้ในการผลิตอย่าง SSI (ขาย/มูลค่าพื้นฐาน 1.04 บาท) และ BSBM (ขาย/มูลค่าพื้นฐาน 1.18 บาท) ตามลำดับที่ต้องเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและกดดันอัตรากำไรให้ลดลง

พรศรี ลายสนิทเสรีกุล,

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com