May 4, 2024   11:21:55 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > *** 5 กลุ่มหุ้นที่ควรซื้อก่อนและหลังการเลือกตั้ง****
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 10/09/2007 @ 20:22:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ชาวหุ้นลุ้น ผบ.ทบ.คนใหม่ ชิงดำ "พล.อ.อนุพงษ์- พล.อ.มนตรี" มีลุ้น เหตุตรงสเปค พล.อ.สนธิ ที่สุด วงการระบุ ผบ.ทบ.รอบนี้มีนัยสำคัญทางการเมือง หลังสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังมองอาจมีการสืบทอดอำนาจ ชี้หากพล.อ.มนตรี ขึ้นแท่น ผบ.ทบ.นักลงทุนคลายความกังวล เพราะทหารจะลดบาทบาททางการเมืองกลับไปเป็นทหารอาชีพมีสูง หากเป็น พล.อ.อนุพงษ์ อาจเป็นลูกผสมการเมืองและอำนาจต่อรองของทหาร เซียนหุ้น บอกคลอด ผบ.ทบ.ไม่มีผลต่อ SET INDEX เพราะร่วงรับข่าวไปแล้ว เวลานี้ต้องจับตาปัจจัยภายนอกเป็นหลักทั้งปัญหาซับไพร์ม-เยน แครี่เทรด แนะเล่นหุ้น 5 กลุ่มก่อและหลังการเลือกตั้ง

ยิ่งโผผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ใกล้คลอด นอกจาก 3 แคนดิเดท พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร , พล.อ. มนตรี สังขทรัพย์ , พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะลุ้นระทึกว่ารางวัลที่ 1 จะออกที่ใครแล้ว คนไทยทั้งประเทศและชาวหุ้นต่างรอลุ้นตามไปด้วย เพราะศึกชิงดำครั้งนี้นอกจากจะชี้ชะตากองทัพไทยแล้ว ยังเป็นเรื่องความความมั่นคงระดับประเทศด้วย เนื่องจาก ผบ.ทบ.รุ่นนี้มีความพิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่อยู่ในภาวะปกติ การโยกย้ายและแต่งตั้งจึงมีนัยสำคัญทางการเมือง ยิ่งหลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กำลังจะหมดบทบาททางการเมืองลง ภายหลังจากที่การเลือกตั้ง 23 ธ.ค.ปิดฉาก จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาว่าจะมีการสืบทอดอำนาจทางการเมืองหรือไม่

งานนี้ภาคเอกชนหลายแห่งต่างจับตาว่าใครคือผู้คว้าตำแหน่ง ผบ.ทบ.ครั้งนี้ด้วย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า บุคลิกของ 3 แคนดิเดทที่ออกมานั้นแตกต่างกัน ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน หากโผครั้งนี้ไปออกที่ พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร อาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลได้ เพราะด้วยบุคคลิกของชายชาติทหารที่แข็งกร้าว และบทบาทในช่วงที่เข้าไปร่วมในบอร์ดของรัฐวิสาหกิจ เช่น บมจ.การท่าอากาศยานไทย (AOT) , บมจ.ทีโอที (TOT) ส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหาตามมา หากจำกันได้ในช่วงที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร จะเข้ามานั่งเป็นกรรมการใน บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ราคาหุ้นก็สะท้อนข่าวนี้อย่างไม่น่ายินดี สิ่งเหล่านี้จึงเป็นตัวสะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนอย่างดียิ่งหากนายทหารผู้นี้จะก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.

มาดูทางฟาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (2) นั้น เป็นแคนดิเดทอีกคนที่น่าจับตา เพราะคุณสมบัตินั่นตรงตามสเปคของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ทั้งบู๊และบุ๋น เหมาะที่จะเป็นผู้สานต่อภารกิจ ของ คมช.และกองทัพ ซึ่งบทบาทของ ผบ.ทบ.คนใหม่ อาจจะเป็นลักษณะของการผสมผสานทั้งบทบาททางการเมือง และอำนาจต่อรองทางทหาร ซึ่งภาคเอกชนก็ยังพอรับได้

แต่หลังจาก ผบ.ทบ.คนใหม่ พุ่งเป้ามาที่ พล.อ.อนุพงษ์ ทำให้เกิดกระแสข่าวไม่กินเส้น เกิดขึ้นอย่างหนักระหว่าง พล.อ. สพรั่งและพล.อ.อนุพงษ์ รวมทั้งข้อครหาโครงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางของกองทัพบก และความเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้กระแสของ พล.อ.อนุพงษ์ เริ่มแผ่วไป

และม้าตีนปลายอย่าง พล.อ. มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ก็เริ่มตีตื้นขึ้นมา หลังจากที่ พล.อ.สนธิ ส่งสัญญาณถึง คุณสมบัติของ ผบ.ทบ.คนใหม่ว่า "ต้องเลือกคนดีมาก่อนเก่ง แต่ถ้าดีและเก่งถือว่าสุดยอด" จึงมีการพุ่งเป้าหมายใหม่ไปที่พล.อ.มนตรี เพราะหากเป็นพล.อ.มนตรี ก็น่าจะตัดปัญหาคู่เกาเหลาได้ และมีแนวโน้มว่าทหารจะลดบาทบาททางการเมืองกลับไปเป็นทหารอาชีพนั้นมีสูง อีกทั้ง พล.อ.มนตรีเหลืออายุราชการ 2 ปี ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์เหลืออายุราชการ 3 ปี ทำให้หลายฝ่ายมองว่า พล.อ.สนธิอาจมีสัญญาใจกับ พล.อ.อนุพงษ์ รอก่อนได้

แหล่งข่าวกล่าวว่า ตำแหน่ง ผบ.ทบ.ในขณะนี้ถือเป็นตำแหน่งที่น่าจับตามองและนักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะนักลงทุน รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องมองว่า การแต่งตั้งในครั้งนี้เกี่ยวโยงกับประเด็นการเมือง และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงบรรยากาศการลงทุนในประเทศด้วย หากรายชื่อที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ หรือบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งไม่ถูกใจนักลงทุน โดยเฉพาะ พล.อ.สพรั่ง เพราะที่ผ่านมาหลังจากมีการปฎิรูปการปกครอง พร้อมกับการเข้าไปรับตำแหน่งสำคัญในรัฐวิสาหกิจตขนาดใหญ่ของประเทศ พล.อ.สพรั่ง มักจะมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลา จนทำให้มีภาพลบพอสมควรในสายตานักลงทุนส่วนใหญ่

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวว่า หากไม่รับตำแหน่ง ผบ.ทบ. อาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง จนอาจก่อให้เกิดความไม่สงบและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอีกครั้ง ดังนั้น ในกรณีนี้หาก พล.อ.สพรั่งได้รับการแต่งตั้งจริงก็เชื่อว่า ตลาดคงจะไม่ตอบรับกับ ผบ.ทบ.คนใหม่เท่าที่ควร

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ในขณะนี้ถือได้ว่าเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.ที่มีกองกำลังทหารและกุมอำนาจในการดูแลพระนคร และกองทัพภาคที่ 1 ที่มีการคาดการณ์กันว่า พล.อ.สนธิ ต้องการให้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน เนื่องจากกำลังทหารที่มีอยู่จะช่วยให้สถานภาพทางการเมือง หลังจากที่ประธาน คมช.เกษียณ แล้วอยู่ในความสงบได้ ตลอดจนน่าจะทำให้การลงจากตำแหน่งของพล.อ.สนธิ จะมีความปลอดภัย และยุติกระแสข่าวการปฎิวัติซ้อน อีกทั้งมองว่า พล.อ.อนุพงษ์ น่าจะเข้ามาดูแลความสงบในช่วงการเลือกตั้งได้ดี ท่ามกลางกระแสข่าวของขั้วการเมืองหลายกลุ่ม รวมไปถึงคลื่นใต้น้ำของขั้วอำนาจเก่าที่ยังพร้อมจะก่อความไม่สงบได้

"ตอนนี้ถือว่าพล.อ.อนุพงษ์ มีกำลังทหารในมือค่อนข้างเยอะ และเป็นบุคคลที่พล.อ.สนธิให้ความไว้วางใจในการสืบทอดตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีอายุราชการเหลืออยู่ถึง 3 ปีซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับแคนดิเดทอีก 2 คน เพราะฉะนั้น จึงน่าจะบริหารกองทัพได้ต่อเนื่องกว่า และพล.อ.สนธิคงจะสบายใจ เมื่อต้องลงจากหลังเสือ"แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนพล.อ.มนตรี ซึ่งถือเป็นแคนดิเดทคนล่าสุด และอาจจะกลายเป็นม้ามืดกับตำแหน่งดังกล่าว ก็อาจเป็นตัวเลือกที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งหมดได้ เนื่องจากพล.อ.มนตรี มาจากสายเสนาธิการ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกุมกำลังทหาร และไม่น่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับตำแหน่งนี้แต่อย่างใด ซึ่งหาก พล.อ.มนตรีเข้ามารับตำแหน่งผบ.ทบ.ก็จะถือเป็นตำแหน่งที่มาจากฝ่ายเสนาธิการเป็นคนที่ 2 ที่รับตำแหน่งดังกล่าวต่อจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งตัวเลือกตัวสุดท้ายนี้หากมีการประกาศชื่อออกมาจริงทุกฝ่ายก็น่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง รวมไปถึงกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ส่งผลบวกกับตลาดหุ้นไทยได้ และยุติกระแสข่าวลือปฎิวัติซ้อนได้เช่นกัน


*** พล.อ.สนธิ ยัน ไม่กดดันเรื่องแต่งตั้ง ผบ.ทบ. คนใหม่

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เปิดเผยว่า ไม่มีแรงกดดันใดๆ ต่อกองทัพ ในการพิจารณาแต่งตั้ง ผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. คนใหม่ และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเมือง และมั่นใจว่าประชาชนมีความเข้าใจ และอยู่ข้างกองทัพ

การแต่งตั้ง ผบ.ทบ.นั้น กองทัพต้องใช้หลักการบริหารที่อยู่ในกรอบการบริหารจัดการของกองทัพ และเชื่อว่า การแต่งตั้ง ผบ.ทบ.จะไม่ทำให้เกิปัญหาและส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเมือง และไม่รู้สึกกังวล พล.อ. สนธิ กล่าว
ทั้งนี้มีข่าวว่า ทางสมาชิกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมากกดดันกองทัพให้สนับสนุน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผบ.ทบ.เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่
พล.อ.สนธิ จะเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.ในเดือนก.ย.นี้ และคาดว่าภายในกลางเดือนนี้ จะทราบว่าใครจะมารับตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนใหม่ ซึ่งขณะนี้มี 3 นายทหารที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณา ประกอบด้วย พล.อ.สพรั่ง ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดและมีอายุราชการเหลืออีก 1 ปี , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ซึ่งมีอายุราชการเหลืออีกราว 3 ปี และ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ซึ่งมีอายุราชการเหลืออีก 2 ปี

***ปกรณ์ ระบุ ผบ.ทบ.คนใหม่ไม่มีผลต่อ SET Index ช่วงนี้ร่วงแค่พักฐาน

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการสรรหาผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ เชื่อว่า
ไม่น่าจะมีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นคนละประเด็นกัน อีกทั้งไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุน นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าจะแต่งตั้งบุคคลใดขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเชื่อว่ามีความเหมาะสมทั้งนั้น เนื่องจากผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ซึ่งมั่นใจว่าประชาชนคงจะให้การยอมรับและไว้วางใจ

ส่วนสาเหตุที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เนื่องจากการพักฐานประกอบกับบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งมีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และอยู่ในช่วงขึ้นเครื่องหมาย XD ของ บจ.ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ดังนั้น จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยสดใส
ผบ.ทบ.คงได้รับการคัดสรรและเลือกมาเป็นอย่างดีคงไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทยขณะนี้อยู่ในช่วงปรับฐาน เนื่องจากมีบจ.หลายแห่งจ่ายเงินปันผล ซึ่งยังอยู่ในช่วงขึ้นเครื่องหมาย XD ฉะนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ราคาหุ้นของบริษัทฯ เหล่านี้จะมีการปรับตัวลง นายปกรณ์กล่าว

ในขณะที่การจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส ระหว่าง 12-14 กันยายน 2550 เป็นการเปิดโอกาสให้ฟันด์ เมเนเจอร์รวมทั้งผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนและนักลงทุนได้พูดคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งในขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามีนักลงทุนเข้าร่วมงานกว่า 500 ราย

งานไทยแลนด์โฟกัสเป็นอะไรที่ใหญ่โตมาก ตอนนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมงานและตอบรับเข้ามาเกือบ 500 ราย ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหญ่มากๆ ที่สำคัญท่านนายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญและจะให้เกียรติมากล่าวสุนทรพจน์ด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่มาร่วมงานจะได้เข้าใจพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ภาวะปัจจุบัน แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในอนาคต รวมทั้งนโยบายต่างๆนายปกรณ์ กล่าว

ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากการจัดงานในครั้งนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีมูลค่าเท่าไร แต่เชื่อว่าประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับคือ ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น

***วงการ มองไม่ว่าใครขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ไม่มีผลกับหุ้นไทย

บทวิเคราะห์บล.ซีมิโก้ ระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงที่กดดันดัชนีให้อ่อนตัวลง ทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศ (ปัญหาซับไพร์มอาจลุกลาม, เหตุการณ์ก่อการร้าย) และปัจจัยภายในประเทศ (กำหนดการเลือกตั้ง, โผการโยกย้ายนาย ทหารประจำปี โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่) รอซื้อสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 780 จุด

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า จากกรณีที่จะมีการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. คนใหม่ โดยขณะนี้มี 3 นายทหารที่อยู่ในข่ายอาจได้รับการพิจารณา ซึ่งประกอบด้วยพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาและพล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ไม่ว่าใครจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวประเมินว่าไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไทยโดยตรงรวมทั้งยังอยู่คนละวงการอีกด้วย แต่จะมีผลกระทบทางอ้อมก็ต่อเมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองแล้วทหารขึ้นมามีอำนาจ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนรวมทั้งภาวะเศรษฐกิจด้วยซึ่งจะสะท้อนมาถึงตลาดหุ้นด้วย
" ไม่มีนัยสำคัญ ตลาดหุ้นกับวงการทหารไม่เห็นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย ใครขึ้นมาก็ไม่มีผลกระทบทั้งนั้น อีกอย่างช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยมักจะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศและปัจจัยภายนอกมากกว่าภายในประเทศ " แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเลือกลงทุนในระยะสั้นๆ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน นอกจากนี้ ควรที่จะระมัดระวังในการลงทุนด้วย เนื่องจากช่วงนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ รวมทั้ง ยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนด้วย

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยรับข่าว ผบ.ทบ.คนใหม่ไปแล้ว ไม่ว่าสัปดาห์นี้จะได้ตัว ผบ.ทบ.คนใหม่เป็นใครก็ตาม สิ่งที่ตลาดจับตาตอนนี้คือ พรรคประชาธิปปัตย์ ซึ่งเป็นตัวเก็งว่าจะได้เป็นรัฐบาลใหม่ ว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่ว่าจะไม่ให้ทหารสืบทอดอำนาจ และแม้ได้เสียงข้างมากตัวคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก และยังได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหาซับไพร์ฒ และ Unwing Yen Carry Trade มากกว่า ดดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีสัปดาห์นี้อยู่ที่ 790-815 จุด

****"เสี่ยป๋อง" มองการเมืองเริ่มเห็นแสงสว่าง หลังกำหนดวันเลือกตั้งชัด

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ เสี่ยป๋อง ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยว่า กรณีที่จะมีการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. คนใหม่ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกประเทศ เช่นปัญหาสินเชื่อสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง หรือ ซับไพร์ม จะมีอิทธิพลต่อตลาดฯมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ

" การเลือก ผบ.ทบ.คนใหม่ ผมว่าไม่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นเลย เพราะเป็นคนละส่วนกันเขาเป็นราชการไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับตลาดทุน การทำงานก็ยังอยู่คนละส่วนกันด้วย
โดยส่วนตัวผมและจากการพูดคุยกับนักวิเคราะห์เขาบอกว่าปัจจัยต่างประเทศมีอิทธิพลมากกว่าและช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นลงเพราะกังวลปัจจัยภายนอกมากกว่า " นายวัชระ กล่าว

ทั้งนี้ ไม่ว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาและพล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ จะ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว คงไม่ทำให้นักลงทุนกังวลหรือมีนัยสำคัญต่อตลาดฯ เนื่องจากบุคคลทั้ง 3 เป็นคนดี นอกจากนี้คงจะได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดีจากทางการ คงจะไม่มีปัญหาความขัดแย้งกันเกิดขึ้น จนส่งผลให้เกิดการปฏิวัติรอบใหม่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางการเมืองในปัจจุบันนักลงทุนไม่ได้กังวลมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยภายนอกประเทศ เพราะในช่วงนี้เริ่มมีความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
โดยเฉพาะหลังจากที่มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่อนคือวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากกว่าช่วงที่ผ่านมาด้วย

*** 5 กลุ่มหุ้นที่ควรซื้อก่อนและหลังการเลือกตั้ง

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส แนะนำหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงก่อนเลือกตั้งจนถึงหลังการเลือกตั้งออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่
กลุ่มที่ 1 ลงทุนก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก บริษัท ปตท. (PTT), ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) , ปตท.เคมิคอล (PTTCH) และไทยออยล์ (TOP) ซึ่งราคาผันผวนสูงกว่ากลุ่ม 2 ได้แก่ บ้านปู (BANPU) , ผลิตไฟฟ้า (EGCO) และผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)

กลุ่มที่ 2 การลงทุนเพื่อเก็งกำไรในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ช่วงนี้ คือ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) และเจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) และกลุ่มที่ 3 ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเช่นกัน แต่ต้องรอให้มีปริมาณซื้อขายมากขึ้นก่อน จึงจะเริ่มลงทุนได้คือ อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) และอีสเทิร์นไวร์ (EWC)

กลุ่มที่ 4 สำหรับการลงทุนใกล้การเลือกตั้งได้แก่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) , ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) , จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) , ดราก้อนวัน (D1), เอสวีโอเอ (SVOA) และ (TWP) ไทยไวร์โพรดัคท์

กลุ่มที่ 5 การลงทุนหลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล ได้แก่ บริษัท ซีฟโก้ (SEAFCO) , ช.การช่าง (CK), ซิโนไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) และ อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ (ITD)

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com