SET
การปรับตัวลงของดัชนีต่ำกว่า gap 805 จุด พร้อมด้วยรูปแบบ Bearish Engulfing เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลเชิงลบต่อทิศทางระยะสั้นอย่างมาก เห็นได้ว่าดัชนีปรับลงต่อวานนี้ โดยทำจุดต่ำที่ 790 จุด ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับแนวเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ โดยเมื่อปิดตลาดดัชนีดีดกลับเล็กน้อย เนื่องด้วยสัญญาณ Stochastic เพิ่งเกิดสัญญาณขาย การดีดกลับใดๆระยะนี้คงมีเป้าหมายเพียง 805 จุด อนึ่ง การอ่อนค่ารอบหน้าดัชนีมีโอกาสปรับลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์อีกครั้งหนึ่ง

มุมมองระยะกลาง - PSL
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
โครงสร้างระยะยาวของ PSL มีสถานะขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้การปรับฐานที่เกิดขึ้นภายหลังจากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 41.25 บาท เมื่อ ก.ค. 50 นั้น เป็นผลเนื่องด้วยสถานะซื้อมากเกินไปของสัญญาณระยะสั้น Stochastic ราคาดีดกลับอย่างรวดเร็วเมื่อปรับลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์บริเวณ 26.25 บาท อีกทั้งต่อมาก็ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ในระยะสั้นราคาอาจยังคงพักตัวช่วง 30.00-33.00 บาท คาดว่าเมื่อสะสมกำลังได้เพียงพอแล้วจะสามารถดีดตัวทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในแนวโน้มระยะยาว

หุ้นเด่น เล่นสั้น - TOG
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
การปรากฏขึ้นของรูปแบบ Golden Cross ณ 2.20 บาท มีผลบวกต่อโครงสร้างระยะยาวของ TOG เป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าหลังจากนั้นมาราคาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดใหม่บริเวณ 3.16 บาท เมื่อสัปดาห์ก่อน การดีดตัวนี้ได้อาศัยเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์ เป็นฐาน ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้จังหวะที่หุ้นปรับฐานระยะสั้นเข้าซื้อได้ แนวโน้มขาขึ้นระยะยาว คาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องไปกระทั่งราคาหุ้นทดสอบจุดสูงครั้งใหม่บริเวณ 3.80-4.00 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - THL
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
แนวโน้มขาลงระยะกลางของ THL คาดว่าน่าจะสิ้นสุดลง ณ บริเวณ 1.40 บาทที่ซึ่งสัญญาณแท่งเทียนรายสัปดาห์เกิดรูปแบบ Piercing ทั้งนี้เมื่อเกิดการดีดกลับราคาหุ้นมิได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่องหากแต่เข้าสู่ภาวะการพักฐานช่วง 1.40-1.60 บาท นานหลายสัปดาห์กระทั่ง ณ เวลาปัจจุบันเกิดลักษณะ Golden Cross บริเวณ 1.67 บาท แสดงถึงการพักฐานใกล้เสร็จสิ้น และราคาพร้อมที่จะดีดตัวอีกครั้งหนึ่ง การดีดกลับครั้งหน้าจะมี Tweezers Top ราว 2.50 บาทเป็นแนวต้านหลัก


:lol:

Todays Strategy
คาดวันนี้ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 790 - 800 จุด รอดูพัฒนาการของปัจจัยที่มีผลต่อตลาดสูง ทั้งระดับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบก นักลงทุนระยะสั้นอาจอาศัยจังหวะเล่นรอบซื้อขายในกรอบดังกล่าว เน้นหุ้นในกลุ่มพลังงาน และเดินเรือ

Technical Analysis
ดัชนีดีดกลับอย่างรวดเร็วเมื่อปรับลงทดสอบช่วง 780-790 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ ในระยะสั้นระยะทางการดีดตัวไม่น่าไกลเกินกว่า 805 จุด เนื่องด้วย Stochastic เพิ่งเกิดสัญญาณขาย โอกาสที่ดัชนีจะปรับลงสร้างฐานที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ อีกครั้งมีสูงมาก
หุ้นแนะนำระยะสั้น: TOG, THL
หุ้นแนะนำระยะกลาง: PSL

Visit Note
TASCO: (ซื้อ/27.25 บาท/พื้นฐาน 32.00 บาท)
โรงกลั่นที่มาเลเซียจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ 4Q50

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น
รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR
Commodities Move
Warrants

TASCO: โรงกลั่นที่มาเลเซียจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ 4Q50 - ซื้อ

แนวโน้มกำไรปี 51 เติบโต 20%
แนวโน้มตลาดยางมะตอยในประเทศที่คาดว่าจะสดใสขึ้นในปีหน้าหลังมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และการเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นในมาเลเซียในต้น 4Q/50 จะสนับสนุนยอดขายและอัตรากำไรของ TASCO จึงคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานสุทธิปี 51 จะเติบโต 20% เป็น 472 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside อยู่ 17% จากมูลค่าพื้นฐาน 32.00 บาท (DCF, WACC 9.07%) จึงคงคำแนะนำซื้อ

โรงกลั่นมาเลเซียเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ 4Q50 - ความหวังของปี 51
ข้อมูลล่าสุดจากผู้บริหาร TASCO โรงกลั่นที่มาเลเซียยังอยู่ระหว่างทดสอบเดินเครื่องผลิต (เริ่มทดสอบตั้งแต่ ส.ค. 50) และคาดว่าจะรับมอบเครื่องจักรปลาย 3Q50 และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ 4Q50 โดยโรงกลั่นนี้มีกำลังผลิตสูงสุด 1 ล้านตัน/ปี เป็นยางมะตอย AC ประมาณ 70% หรือ 7.0 แสนตัน ที่เหลือเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ ซึ่ง TASCO จะรับซื้อยาง AC ประมาณ 3.5 แสนตัน หรือ 50% ตามสัดส่วนการถือหุ้น (มี Option รับซื้อเพิ่มอีก 30% ในปีที่ 1 และ 2 หากผู้ร่วมทุนให้สิทธิ์นี้) เพื่อการส่งออกในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะตลาดจีนและเวียดนามที่ยังมีความต้องการสูง ดังนั้นโรงกลั่นนี้จะเป็น Key driver ที่สำคัญต่อตลาดส่งออกและการบริหารต้นทุนวัตถุดิบของ TASCO ที่จะสนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการในปี 51 (ปริมาณรับซื้อยาง AC จากโรงกลั่นที่ 3.5 แสนตัน คิดเป็น 58% ของปริมาณขายยาง AC รวม และ 52% ของปริมาณความต้องการใช้ AC ในปี 51 ของ TASCO ที่เราคาดไว้ที่ 6.0 แสนตัน และ 6.75 แสนตัน ตามลำดับ)

ตลาดจีนซบเซาใน 3Q50 แต่จะกลับมาสดใสใน 4Q50-1Q51
ปกติตลาดยางมะตอยในจีนจะเป็น Peak season ช่วงไตรมาส 3 แต่ปีนี้มีน้ำท่วมเกิดขึ้น ทำให้ความต้องการยางมะตอยซบเซาลงไปจากปกติ แต่ปริมาณความต้องการใช้ที่ยังมีอยู่และสูงกว่าปริมาณที่ผลิตได้ (จีนมี Demand ยางมะตอย 10 ล้านตัน/ปี สูงกว่าSupply ที่ 7 ล้านตัน/ปี) ส่งผลให้จีนยังมีความต้องการนำเข้า 3 ล้านตัน/ปี โดยเฉพาะยางมะตอยคุณภาพสูงสำหรับถนนในเมือง (ปี 49 TASCO ขายยางมะตอยในตลาดจีน 2 แสนตัน คิดเป็น 6% ของปริมาณนำเข้า) และคาดว่า Demand ที่ล่าช้าไปจาก 3Q50 จะกลับมาใน 4Q50-1Q51 และมีแนวโน้มที่ความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นเพื่อการซ่อมแซมภายหลังน้ำท่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ปริมาณขายของบริษัทย่อยในจีน (TIL) และปริมาณส่งออกของ TASCO ใน 4Q50-1Q51 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 3Q50 รวมทั้งอัตรากำไรที่มีแนวโน้มจะดีขึ้นตามราคาส่งออกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการซื้อที่กลับมา


Semico

:lol: