May 4, 2024   12:32:08 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > Q4หุ้นไทย 900 จุด ฝรั่งลุยก่อนเลือกตั้ง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 13/09/2007 @ 08:56:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สรยุทธ์? ลั่น ม.ค.ปีหน้าได้รัฐบาลใหม่บริหารประเทศ คลี่คลายปัญหาการเมือง พร้อมอัดฉีดเศรษฐกิจเต็มที่ ทั้งการลงทุนเมกะโปรเจกต์และเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ ประเมินจีดีพีโตได้ถึง 4.5% มั่นใจต่างชาติเชื่อมั่นกลับมาลงทุน ด้านโบรกเกอร์มองตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ ฝรั่งรอจังหวะเข้าซื้อ หลังพายุซับไพร์มอ่อนแรง เชื่อไตรมาส 4 ได้เห็นดัชนี 900 จุด กลางปีหน้า 1,000 จุด
ม.ค.51 ได้รัฐบาลใหม่
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ?This Government?s Legacy for Thailand? ในงานไทยแลนด์โฟกัส 2007 (Thailand Focus 2007)ว่า รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะร่วมกันดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม เพื่อนำประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศได้ในเดือน มกราคม 51
?ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการพัฒนาทางการเมืองในอนาคตของประเทศไทย ผมเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นในทุกด้าน? นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นเพียงพอจะรองรับผลกระทบทั้งจากภายในและภายนอกได้ดี และคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ในระดับ 4.-4.5% ซึ่งช่วงครึ่งแรกของปีนี้เติบโตไปแล้ว 4.3% โดยมีการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ขณะที่รัฐบาลพยายามเร่งรัดการใช้จ่ายเพื่อช่วยกระตุ้นอีกแรงหนึ่ง
สำหรับปัจจัยเศรษฐกิจอื่นๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นที่จะช่วยให้การบริโภคพลิกฟื้นขึ้นมา อาทิ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เงินเดือนที่สูงขึ้นของภาครัฐ อัตราการชำระหนี้จากงบประมาณสาธารณะที่สูงขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ อัตราการจ้างงานที่ต่ำลง
ขณะเดียวกัน ภาคการลงทุนก็เริ่มพลิกผัน โดยการนำเข้าสินค้าทุน การลงทุนในโครงการต่างๆ ของ BOI หรือยอดขายรถยนต์ในช่วง 2-3 เดือนหลังที่เริ่มดีขึ้น ทำให้เห็นว่าการลงทุนได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสแรกของปีมาแล้ว โดยในช่วงไตรมาส 2 ขยายตัว 0.2% จากที่หดตัวลง 2.3% ในช่วงไตรมาสแรก
ขณะเดียวกันมองว่าการลงทุนในสาธารณูปโภคจะช่วยสร้างโอกาสให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ซึ่งจะถูกผลักดันให้เริ่มขึ้นภายในปีนี้ โดยโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินจะเร่งการประมูลสำหรับ 2 เส้นทางในกรุงเทพฯ และชานเมือง รวมถึงการลงทุนด้านท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการรออนุมัติของ BOI และ EIA สำหรับโครงการด้านปิโตรเคมีในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อกระบวนการเหล่านี้เสร็จสิ้นจะช่วยกระตุ้นความมั่นใจทางเศรษฐกิจและสร้างบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
?รัฐบาลได้วางพื้นฐานต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันในระยะยาว ทั้งการพัฒนาความสามารถและประสิทธิภาพเชิงการผลิต เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้แก่ การวางแผนพัฒนายุทธศาสตร์การขนส่ง, แผนส่งเสริมการผลิตสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในภาคโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิต, แผนปรับโครงสร้างทางสินทรัพย์ทางปัญญา, การพัฒนากลไกการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก และการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการแข่งขัน?นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้มั่นใจว่าด้วยความพยายามในการเสริมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ประเทศไทยจะพัฒนาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ การดำเนินการในปี 50 ของรัฐบาล จะส่งผลให้ไทยเป็นแหล่งลงทุนและดำเนินธุรกิจที่น่าสนใจยิ่งขึ้น และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่รัฐบาลสร้างไว้จะทำให้ประเทศไทยมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพประสิทธิผล เท่าเทียมและยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ทุกประเทศต่างคาดหวัง
ไตรมาส 4 หุ้นไทย 900 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวในงานไทยแลนด์โฟกัส ว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศ ยังสนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงหุ้นแถบประเทศเอเชียเพียงแต่รอจังหวะเข้าซื้อ จากปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกไม่ค่อยดีนักจากผลกระทบปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯ รวมถึงปัจจัยภายในประเทศในเรื่องการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนว่าแนวโน้มพรรคใดจะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่
?ผมคิดว่าเรื่องการเลือกตั้ง ในเดือนตุลาคมน่าจะชัดเจนมากขึ้นว่า กลุ่มไหนจับขั้วกับใคร ก็จะทำให้ภาพการเมืองชัดเจนมากขึ้น คิดว่าช่วง ต.ค. หรือในไตรมาส 4 กองทุนเฮดฟันด์จะกลับเข้ามา ตอนนี้เข้ารอจังหวะเข้ามาเท่านั้น และต้องถือว่าตลาดหุ้นบ้านเราถูกสุดในแถบนี้?นายไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ดี คาดว่าภายในไตรมาส 4 สถานการณ์ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกจะเริ่มดีขึ้นจากปัญหาซับไพร์มคลี่คลาย และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ 0.25-0.50% ดังนั้น จึงมองว่าภายในสิ้นปีมีโอกาสเห็นดัชนีตลาดหุ้น แตะ 900 จุดได้ และราวกลางปีหน้าจะไต่ไปถึง 1,000 จุด
ขณะที่นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บล.ภัทร จำกัด (มหาชน) มองว่า ปัญหาซับไพร์มและ CDO ในสหรัฐ มีแนวโน้มจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่เห็น ฉะนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยรอบนี้จะปรับลง 0.25-0.50% ก็ไม่น่าช่วยแก้ปัญหาเรื่องซับไพร์มและ CDO แต่คาดว่าจะเกิดความชัดเจนได้ประมาณปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย
ดังนั้น เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังถูกกระทบทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ รวมถึงนโยบายรัฐบาลที่เข้ามาใหม่ด้วย
ด้าน บล.เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภายหลังจากการเลือกตั้งช่วงปลายปีนี้ ไม่ว่าพรรคการเมืองพรรคไหนจะได้รับเลือกตั้ง นโยบายเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการต่อคือโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งเรื่องรถไฟฟ้าและการประมูลโรงไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP) และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ซึ่งแนวนโยบายดังกล่าวจะทำให้อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย พลังงาน และค้าปลีก เป็นที่จับตามอง โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ คือ ITD STEC PS AP LPN QH RATCH EGCO TOP HMPRO BIGC MAKRO
ต่างชาติจ่อกลับมาลงทุน
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจนในช่งไตรมาสแรก ปี 51 หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่งงบการเงินแล้ว และเชื่อว่าการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสจะทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นประเทศไทยมากขึ้น
?หลังจากต่างชาติพบบจ.ในงานไทยแลนด์โฟกัสแล้ว ต่างชาติก็คงต้องกลับไปวิเคราะห์ข้อมูลและรองบไตรมาส 3 ออกมา และรอผลการเลือกตั้งในช่วงไตรมาส 4 ออกมาชัดเจนแล้ว และเมื่อความชัดเจนเกิดขึ้น การลงทุนจะกลับมาชัดเจนได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า? นายปกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมงานราว 620 คน ซึ่งเป็นกองทุนต่างชาติราว 80 ราย โดยถือว่าการจัดงานครั้งนี้มีกองทุนต่างชาติเข้าร่วมงานมากที่สุด นับตั้งแต่มีการจัดงาน Thailand Focus ในไทย 2 ครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกองทุนในประเทศเข้าร่วมงานอีก155 ราย ขณะที่มีบริษัทจดทะเบียนมานำเสนอข้อมูล 63 บริษัท
นายปกรณ์ กล่าวด้วยว่า การนำเสนอข้อมูลของนายกรัฐมนตรีในช่วงเปิดงาน ถือเป็นการให้สัญญาณในทางบวกแก่นักลงทุน ทั้งเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นภายในสิ้นปีนี้ ส่วนการจัดให้นักลงทุนต่างชาติได้พบกับบจ.แบบตัวต่อตัวจะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ประเมินการจัดงาน Thailand Focus 2007 วันแรก ว่า การที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงสถานการณ์ ข้อเท็จจริงทุกด้าน แก่นักลงทุนด้วยตนเอง เป็นการส่งสัญญาณให้นักลงทุนเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งจากการสอบถามนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่า ข้อมูลที่ได้รับเป็นประโยชน์มาก และจะนำกลับไปประเมินสถานการณ์โดยรวม ก่อนตัดสินใจกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง ดังนั้น จึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่าหลังจากงานนี้แล้วเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนมากแค่ไหน แต่เชื่อว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับ จะทำให้นักลงทุนสามารถนำไปวางแผนการลงทุนระยะยาวในไทยได้อย่างแน่นอน

กระแสหุ้น[/size:954248027f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com