ปิโก ย้ำเป้ายอดขายโต 20% รับผลงานไตรมาส 3 ขาดทุน 5 ล้านบาท เหตุช่วงโลซีซั่น มั่นใจไตรมาส4พีคสุด เผยขณะนี้งานในมือมี

มูลค่า 200 ล้านบาท ขณะที่ยังมั่นใจกลุ่มลูกค้าธุรกิจยานยนต์ยังเหนียวแน่

นายพิเสฐ จึงแย้มปิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) หรือ PICO เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายทั้งปีจะเติบโตเป็น

ไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ปีละ 20% โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายทั้งสิ้น 502 ล้านบาท กำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ซึ่งก็ถือ

ว่าเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้ชะลอการตัดสินใจ แต่ถือเป็นผลกระทบเพียงแค่ระยะสั้น

เท่านั้น

จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ก็เชื่อว่ายอดขายยังเติบโต 20% ได้ เนื่องจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบนั้น

เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าทุกคนยังมีเงินอยู่ นายพิเสฐ กล่าว

อย่างไรก็ดี จากสภาวการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์,

ฟอร์ด,มิตซูบิชิ เป็นต้น มีการชะงักการจัด EVENTไปสักระยะเพื่อเป็นการปรับฐาน แต่เชื่อว่าหลังจากนั้นจะหันกลับมาใช้มากขึ้น เพราะ

เป็นกิจกรรมที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี

นอกจากนี้ ตลาดฯในประเทศถือว่ายังใหญ่อยู่ ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายนั้นจะมีลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมาย จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของ

การแย่งลูกค้าซึ่งกลุ่มลูกค้านอกจากกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว ยังการกระจายไปยังกลุ่มบริษัทประกัน, อสังหาริมทรัพย์, ธนาคาร

หรือพลังงาน ขณะเดียวกัน บริษัทมีจุดแข็งตรงที่มีพันธมิตรเป็นบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งยังมี 26 สาขาที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้

บริษัทมีฐานลูกค้าที่มั่นคง

นางสาวนิธิดา ธรรมสุนทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส

3/48 นั้น บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 95 ล้านบาท ขาดทุน 5 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่ขาดทุนนั้น เนื่องจากเป็นช่วง low season ประกอบกับ

ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้าหยุดการใช้เงินไป แต่ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 4/48 ถือว่าเป็นช่วงพีคของบริษัท เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปีคน

หันมาจัด EVENT เพิ่มมากขึ้นจากการที่เป็นช่วงปิดงบบัญชี อีกทั้งยังเป็นช่วงที่หมดหน้าฝน ซึ่งจะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการจัด EVENT

โดยในไตรมาส 4/48 บริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบอยู่ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้ อีกทั้งยังคงมีงานเข้ามา

อย่างต่อเนื่อง

ที่มา:
กระแสหุ้นรายวัน