April 29, 2024   12:26:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ผ่าพอร์ต "ทวีฉัตร จุฬางกูร" นายน้อย "ซัมมิท
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 06/10/2007 @ 17:58:27
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เจาะเซฟ..มังกรน้อย "ทวีฉัตร จุฬางกูร" ทายาท "ซัมมิทกรุ๊ป" เปิดพอร์ตเล่นหุ้น 5 โบรกฯ เฉพาะ "บล.ไอร่า" แห่งเดียว 1,500 ล้านบาท เจ้าตัวยันไม่ใช่ "นอมินี" นักการเมือง แต่ยอมรับทำหน้าที่เป็น "ผู้จัดการกองทุน" ของตระกูล



----------------------------------------
"พอร์ตการลงทุน ไม่ได้มีเฉพาะของผมคนเดียว แต่มีของครอบครัวรวมอยู่ด้วย ซึ่งผมทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้จัดการกองทุนของครอบครัว"
--------------------------------------

กล่าวกันว่า ใครก็ตามที่ถูกเลื่อนชั้นจากคนในวงการหุ้นถึงขั้น ?เซียน? มักจะต้องเก็บตัว และไม่เปิดเผยตัวเองต่อผู้คนมากนัก เช่นเดียวกับเซียนหุ้นพันล้าน ?ทวีฉัตร จุฬางกูร? หลานชายอดีต รมว.คมนาคม ?สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ? ในฐานะ "นายน้อย" แห่งค่ายซัมมิทกรุ๊ป

เขาเป็นบุคคลที่ทีมงานกรุงเทพธุรกิจ BizWeek เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ตั้งแต่ข่าวการเป็นเจ้าของหุ้นไอพีโอ ปตท. (PTT) ในอันดับต้นๆ เมื่อหลายปีก่อน จนสร้างความฮือฮาในวงการว่า ?เขาเป็นใคร? จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมา ถือได้ว่าเป็นการ ?แจ้งเกิด? ชื่อในวงการครั้งแรกของเซียนหุ้นวัย 35 ปี รายนี้

การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของทวีฉัตร จะเข้าทำนอง ?เหยียบเมฆไร้รอย? แทบไม่มีเลยที่เซียนหุ้นรายนี้จะปรากฏตัวให้เห็น ?ตัวเป็นๆ? เช่นที่ (ตั้งใจ) ไป "เปิดตัว" ในงานแถลงข่าวเปิดออฟฟิศใหม่ บล.ไอร่า ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ ซึ่งวันนั้นคลาคล่ำไปด้วยบุคคลดังๆ ในวงการธุรกิจและนักการเมือง บ่งบอกถึง "คอนเนคชั่น" ของประธานกรรมการ บล.ไอร่า ?ซุปไก่? ศุภชัย พิศิษฐ์วานิช ได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาพร้อมกับ "คุณแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ก็มาแสดงความยินดีด้วย เป็นต้น

แต่นักข่าวกลับไปรุมล้อมชายหนุ่มที่ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน ซึ่งบ่อยครั้งที่รับรู้ได้ถึงอาการ "หงุดหงิด" กับคำถามของสื่อมวลชน และประกาศว่าจะ "ฟ้อง" หากใครถ่ายรูปตัวเขาไปลงหนังสือพิมพ์

?ทวีฉัตร จุฬางกูร? เป็นบุตรคนที่ 2 ของ สรรเสริญ และ หทัยรัตน์ จุฬางกูร เขามีพี่น้องทั้งหมด 6 คน ได้แก่ อภิชาติ พี่ชายคนโต ทวีฉัตร เป็นคนที่สอง ตามมาด้วย กรกรช, วุฒิภูมิ, ณัฐพล (ชอบเล่นหุ้น) และอัครพล

ส่วน สรรเสริญ จุฬางกูร มีน้องชายแท้ๆ คือ ดร.พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ (เสียชีวิตแล้ว-สามีสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ) และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทกรุ๊ป ขณะที่ สรรเสริญ เป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทซัมมิทกรุ๊ป ธุรกิจแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด ขณะที่ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ นักลงทุนรายใหญ่ ก็เป็นน้องชายอีกคนหนึ่งของสรรเสริญ

สำหรับความเคลื่อนไหวของทวีฉัตร ตั้งแต่ปลายปี 2549 มีข่าวร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจเข้าไปเทคโอเวอร์ บล.พรูเด้นท์ สยาม ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อและผู้ถือหุ้นใหม่เป็น บล.ไอร่า จึงไม่แปลกที่ทวีฉัตร จะยึดเอา บล.ไอร่า เป็นหนึ่งในฐานที่มั่น ซึ่งเขาระบุว่าปัจจุบันเปิดพอร์ตเล่นหุ้นกับโบรกเกอร์ทั้งหมด 5 แห่ง และลงทุนกับ บล.ไอร่า มากที่สุด มูลค่าพอร์ตประมาณ 1,500 ล้านบาท

"กลุ่มจุฬางกูรไม่ได้ซื้อขายหุ้นผ่าน บล.ไอร่า เพียงแห่งเดียว เพราะต้องการให้ บล.ไอร่า (ที่ตนเองถือหุ้นใหญ่) สามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่คาดหวังค่าธรรมเนียมจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเพียงกลุ่มเดียว"

นอกจากนี้ ทวีฉัตรยอมรับว่า การลงทุนหลายครั้งเป็นการลงทุนให้กับคนในครอบครัว เนื่องจากตัวเองมีประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นมานาน เริ่มเข้ามาลงทุนตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยการนำหุ้นไอพีโอที่พ่อและแม่ได้มาซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ได้กำไรจากการลงทุนครั้งนั้นไปพอสมควร จึงเริ่มลงทุนอย่างจริงจังในตลาดหุ้นตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันเจ้าตัวบอกว่า พอร์ตหุ้นของครอบครัวที่ดูแลมีมูลค่าอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เห็นจะได้

?พอร์ตการลงทุนไม่ได้มีเฉพาะของผมคนเดียว แต่มีของครอบครัวรวมอยู่ด้วย ซึ่งผมทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้จัดการกองทุนของครอบครัว เพราะถ้ากรณีที่เกิดปัญหาขึ้นมา ผมไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องเสียชื่อเสียงไปด้วย อีกอย่างผมมีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมานาน และคนในครอบครัวก็ไว้ใจกัน?

สำหรับช่วงที่บาดเจ็บจากการลงทุนมากสุด ?ทวีฉัตร? ยอมรับว่าเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ช่วงนั้นเสียหายหนัก เพราะพวกไฟแนนซ์โดนสั่งปิดกิจการไปเยอะ หุ้นบางตัวเหลือค่าเพียงเศษกระดาษ

ส่วนช่วงที่มีกำไรจากการลงทุนมากสุด เป็นช่วงของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา (สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ซึ่งขณะนั้นตัวเองมีการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างมาก เพราะมั่นใจการบริหารงานของรัฐบาลชุดนั้น โดยมองว่าทีมเศรษฐกิจเป็นทีมที่มีความแข็งแกร่ง และผู้ลงทุนก็ให้การยอมรับ ราคาหุ้นในขณะนั้นจึงตอบรับในทิศทางที่ดี

นอกจากนี้ ?ทวีฉัตร? ยังบอกเล่าถึงเทคนิคการลงทุนส่วนตัวให้ฟังว่า ระยะหลังมานี้จะแบ่งพอร์ตการลงทุนเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐาน ลงทุนระยะยาว ขณะที่อีกส่วนเป็นการลงทุนตามเทคนิค และเทคนิคส่วนใหญ่เป็นเทคนิคที่สร้างขึ้นมาเองจากประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นกว่า 16 ปี

ในส่วนพอร์ตการลงทุนหุ้นพื้นฐานนั้น เขาบอกว่า ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง จะทำการบ้านอย่างหนัก โดยขอเข้าพบผู้บริหารบริษัทที่สนใจเข้าลงทุน (Company Visit) แต่การพบผู้บริหารของบริษัทที่จะเข้าลงทุนอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะติดต่อขอพบกับผู้ส่งวัตถุดิบ (ซัพพลายเออร์) ให้กับบริษัทนั้น รวมไปถึงบริษัทคู่แข่งขันด้วย โดยต้องดูให้แน่ชัดว่าธุรกิจที่จะเอาเงินไปลงทุนระยะยาวด้วยนั้น เป็นธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ไม่ใช่อยู่ในช่วงขาลง

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ คือ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการ โรงแรม หรือสนามกอล์ฟ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมนั้น ที่ผ่านมามีการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก

ส่วนหุ้นเก็งกำไรนั้น ทวีฉัตรยอมรับว่ามีบ้าง การลงทุนในตลาดหุ้น ก็ต้องมีบ้างที่ขายหุ้นบางตัวออกจากพอร์ตแล้วซื้อกลับเข้ามาใหม่ ซึ่งวิธีการซื้อขายในบางครั้งหลายคนอาจกล่าวหาว่าเป็นการเขย่าหุ้น แต่ที่จริงวิธีนี้เป็นเพียงการปรับสมดุลของราคาหุ้นเท่านั้น

แต่ถ้าถามว่าชอบหุ้นกลุ่มไหนมากที่สุด เจ้าตัวบอกว่าเป็นกลุ่มไฟแนนซ์ เพราะหุ้นไฟแนนซ์สังเกตง่าย ให้ดูวอลุ่มการซื้อขายในตลาด ถ้าวันไหนตลาดมีปริมาณซื้อขายมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แสดงว่าฝรั่งเข้าแล้ว และหุ้นกลุ่มนี้มักจะไปก่อน

สำหรับคำถามที่ใครๆ ต่างสงสัยกันว่า เซียนหุ้นรายนี้ เป็น ?นอมินี? ให้กับกลุ่มทุนการเมืองหรือไม่

"ยืนยันว่าไม่ได้เป็นนอมินีของใคร อีกทั้งคุณอา (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ก็วางมือทางการเมืองไปแล้ว ไม่น่าจะดึงมาเกี่ยวข้องกันอีก และกลุ่มที่เข้ามาถือหุ้นใน บล.ไอร่า ก็ไม่ใช่กลุ่มทุนการเมืองของใครด้วย?

ก่อนจบการสนทนา ทวีฉัตรยังขอโอกาสลบภาพ ?กลุ่มทุนการเมือง? ออกไปซะที เพราะเครือญาติก็วางมือจากการเมืองไปหมดแล้ว ถ้าเกิดเรื่องเสียชื่อเสียงกับตัวเขา (สุริยะ) ครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย สำหรับตนเองก็เล่นหุ้นอย่างแฟร์ๆ ไม่ได้อาศัย "อินไซเดอร์" จากใครเป็นพิเศษ

จากการสำรวจพอร์ตลงทุนของทวีฉัตร จุฬางกูร ในปี 2550 โดยกรุงเทพธุรกิจ BizWeek พบว่า ทวีฉัตรมีเงินลงทุนในตลาดหุ้นไม่น้อยกว่า 23 บริษัท คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,186 ล้านบาท (ดูจากตาราง) โดย 3 อันดับแรก เป็นหุ้นในกลุ่มสามารถของตระกูลวิไลลักษณ์ ได้แก่ สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) และสามารถเทลคอม (SAMTEL)

ส่วนหุ้นที่ถือ มีมูลค่าเกินหุ้นละ 100 ล้านบาท ยังประกอบไปด้วย อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) แอสคอน คอนสตรัคชั่น (ASCON) ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) และ บล.เอเซีย พลัส (ASP) เป็นต้น

สำหรับหุ้นไฟแนนซ์ที่ทวีฉัตรลงทุน นอกจากหุ้น ASP แล้ว ยังมีหุ้น บง.กรุงเทพธนาทร (BFIT) บล.ไซรัส (SYRUS) และฟินันซ่า (FNS) และก่อนหน้านี้ก็เคยถือหุ้น บล.บีฟิท (BSEC) มาแล้ว 5 ล้านหุ้น

ขณะเดียวกัน ในปี 2550 ที่ผ่านมา ทวีฉัตรยังเข้าเก็บหุ้น ไทยสตีลเคเบิล (TSC) ธุรกิจของครอบครัวจุฬางกูร อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่ราคาต่ำกว่าไอพีโอ เมื่อตอนเข้าตลาดครั้งแรก วันที่ 23 มิถุนายน 2548 ที่หุ้นละ 9.20 บาท

สำหรับมุมมองที่มีต่อตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันนั้น ทวีฉัตรมองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีพื้นฐานที่ดีกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน เพียงแต่มีปัจจัยกดดันเรื่องการเมือง ถ้าผ่านการเลือกตั้งไปได้ และมีการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจค มั่นใจว่าการลงทุนภายในประเทศจะกลับมาอย่างแน่นอน


BizWeek [/color:8046bdd1f5">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com