นักลงทุนรายใหญ่สุด 4 ประเภทในตลาดการเงินทั่วโลกได้เติบโตในระดับที่ถือว่าเป็นอันตรายมากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าสินทรัพย์ที่คนเหล่านี้ได้บริหาร จะเพิ่มเป็นสองเท่า เป็นเงินถึง 20.7 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2555

นักลงทุนที่รวยมาจากการขายน้ำมัน ธนาคารกลางในเอเชีย กองทุนบริหารความเสี่ยง และบริษัทหุ้นเอกชน ได้รับฉายาทั้งคณะว่าเป็น "โบรกเกอร์อำนาจใหม่"
นักลงทุนเหล่านี้ ได้สร้างผลกระทบในทางบวก คือช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดทุนโลก แต่การได้กุมเงินมากขนาดนั้นก็สร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลกได้มากเช่นกัน

"สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตุมากที่สุดเกี่ยวกับโบรกเกอร์อำนาจใหม่เหล่านี้คือได้ทำให้สภาพคล่องทั่วโลกเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารกลางเอเชียและเงินที่ได้จาการขายน้ำมัน" ไดอาน่า ฟาร์เรลล์ ผู้อำนวยการแมคแคนซีย์ โกลบัล อินสติติว กล่าว

"เราได้เห็นสภาพคล่องเพิ่มขึ้นมากโดยที่ไม่มีความผันผวนเพิ่มขึ้น"
ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เป้าหมายหลักของธนาคารกลางทั่วโลกในฐานะที่เป็นนักลงทุนที่ต่อสู้กับวิกฤติในตลาดสินเชื่อคือ การรักษาตลาดการเงินให้มีสภาพคล่องและมีเสถียรภาพ

รายงานของสถาบันแมคแคนซีย์คาดว่า ผู้สร้างสภาพคล่องใหญ่สุด 4 รายให้กับระบบการเงินโลก จะเติบโตอย่างสมาเสมอในช่วง 5 ปีข้างหน้า

สินทรัพย์ที่โบรกเกอร์ผู้ทรงอำนาจเหล่านี้บริหารอยู่ได้โตรวมกันจากประมาณ 3.2ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2543 เป็นประมาณ 8.4 -8.7 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปลายปีที่ผ่านมาหรือประมาณ 5% ของสินทรัพย์การเงินทั้งหมดทั่วโลก
สินทรัพย์เหล่านี้ได้แก่ ทุนสำรองต่างประเทศของธนาคารกลางจีน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1ล้านล้านดอลลาร์ และการลงทุนที่มาจากเงินที่ได้จาการขายน้ำมันของบริษัทส่งออกน้ำมัน

หากราคาน้ำมันปรับตัวลงจากสถิติสูงสุดในขณะนี้ และกองทุนบริหารความเสี่ยงและบริษัทหุ้นเอกชนมีผลกำไรพอประมาณ แมคคินซีย์คาดว่า สินทรัพย์เหล่านี้อาจจะโตเหลือ15.9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2555 ซึ่งขยายตัวลดลงกว่าในช่วง 6 ปีก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม หาก อัตราการเติบโตยังคงยั่งยืนในช่วง 5 ปีข้างหน้า สินทรัพย์ที่โบรกเกอร์ผู้ทรงอำนาจเหล่านี้ถืออยู่อาจจะโตถึง 20.7 ล้านล้านดอลลาร์

ด้วยเงินที่มากขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยที่โบรกเกอร์ผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้ได้สร้างผลกระทบต่อตลาดทุนอย่างรุนแรง โดยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินและแตกหน่อนักลงทุนออกเป็นหลากหลายประเภท

แต่นักลงทุนหน้าใหม่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน!
นักเศรษฐศาสตร์ำนวนหนึ่งกลัวว่า กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐที่ได้เงินมาจากรายได้ในการส่งออกน้ำมัน หรือ ทุนสำรองของธนาคารกลาง อาจมีแนวโน้มที่จะทำการตัดสินใจลงทุนโดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากแรงจูงใจที่ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจ

"มีความกลัวกันว่า แทนที่จะลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางการค้าอย่างเดียว สายสัมพันธ์ของนักลงทุนเหล่านี้ที่มีกับรัฐ อาจทำให้เกิดองค์ประกอบทางการเมืองหรือการคำนึงถึงลัทธิพาณิชย์นิยมในการลงทุนของพวกเขา" รายงานระบุ

แมคคินซีย์ โกลบัล อินสติติว แนะนำว่า ต้องเพิ่มความโปร่งใสให้กับโบรกเกอร์ผู้ทรงอำนาจทั้ง 4 ประเภทด้วยการให้ธนาคารเข้ามาควบคุมมากขึ้นและปรับปรุงโครงสร้างธรรมาภิบาลให้ดีขึ้น
(เรียบเรียงจากรอยเตอร์)


:lol: