May 14, 2024   11:38:38 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > +++++ สังคมหุ้นและสัญญาณหุ้น++++++
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 10/10/2007 @ 08:38:44
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

****ขณะที่วานนี้หุ้นปิดบวกอีกวัน 867.59 บวก 4.43 จุด (+0.51%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 22,242 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,658ล้านบาท สลับตัวเล่นพลังงานแทนแบงก์

****วันนี้คงต้องมาลุ้นสนช.เขาเสนอพรบ.หวยเข้าสภาฯ กัน ตอนแรกก็มีคนบอกว่าอาจารย์สังศิตแกอยากให้ผ่าน 3 วาระรวด แต่พอเอาเข้าจริงๆก็แค่ข่าวลือ อ้าวใครจะเล่นหุ้นเล่นหวยก็ขอให้รวยขอให้รวยก็แล้วกัน

*****วันไหนหุ้นไม่ดี แต่ถูกหวยก็ยังพอไหว แต่ถ้าโดนกินเรียบทั้งสองอย่างคงต้องไปหาหมอดูปรึกษาแล้วในเชิงวิชาการแล้ว แทงหุ้น ก็ไม่น่าจะเสี่ยงเท่ากับแทงหวย เพราะเวลาซื้อหวยแล้วไม่ถูกก็จะถูกกินเงินต้นหมด แต่ถ้าเป็นหุ้นแทงผิดก็ไม่ถึงกับหมดตัว แต่ไม่รวมพวกเล่นมาจิ้นหรือกู้เขามาเล่นนะ เพราะเวลาหุ้นไม่ดีมีสิทธิโดนบังคับขายหมดตัวกันไปตามๆกัน

**********หุ้นล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) ดี๊ด๊าหลังจากที่ซึมมานาน เพราะลุ้นว่ากฤษฎีกาจะตีความออกมาอย่างไร ก็พุ่งปรีดรับข่าวดี หลังมีข่าวว่าหวย 2 ตัว 3 ตัว ไม่ว่าจะเป็นแบบเขียนมือ พิมพ์หรือขายผ่านเครื่องสามารถเล่นได้หมด ตามกฎหมายฉบับเดิม แต่ต้องเอามาจัดสรรรายได้ก่อนเท่านั้น 60% ไว้จ่ายรางวัล 28% เข้ารัฐ และอีก 12%

*****ส่วนหุ้นทหารไทย (TMB)หลังจากวิ่งฉิวไปทะลุ 2 บาทก็เริ่มปรับตัวลดลงมาตามแรงเทขายหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินยังไงๆก็จับตาให้ดีหุ้นตัวนี้ในอนาคตคงไม่เห็นราคาแถวๆ 2 บาทอีกแล้ว หลังจากไอเอ็นจีเข้ามาบริหารงาน แม้ว่าตอนนี้ผลประกอบการจะดูขี้เหร่ แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลัง

****วานนี้ครม.อนุมัติถอนร่างพรบ.เงินตราแล้ว แว่วว่าถอนทั้งน้ำตา เพราะไม่อยากขัดใจพระ แต่จำใจต้องทำ หากไม่ทำก็โดนประณาฌจากสังคม ซึ่งเบื้องหลังการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ทุกคนก็ทราบดีว่า เป็นเพราะแบงก์ชาติขาดทุนหนักจากการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท ซึ่งหากไม่มีมาตรา 34/2 34/3 และ 34/4 เข้ามาช่วย ไม่นานธปท.คงถังแตกถึงขั้นล้มละลาย และอาจต้องเพิ่มทุนในที่สุด

****หุ้น UMS ราคาขึ้นแล้วขึ้นอีก หลังรับข่าวดีแจกวอร์แรนต์ฟรี ผลประกอบการเยี่ยมให้ผู้ถือหุ้นเดิม แต่ก็อย่างว่ามีขึ้นก็มีลงนะถ้าบวกลบคูณหารให้ดีแล้วกันแล้วจะหาว่าไม่เตือน

****ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับหุ้นเพิ่มทุนบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้จำกัด (มหาชน) (ZMICO) บริษัทไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MINOR)บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTC) และบริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเพิ่มเติม และให้เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป

****งานไหลมาเทมาไม่ขาด บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) คาดว่างานในมือ(Backlog)นับจากช่วงนี้เป็นต้นไปจะเพิ่มเข้ามามากจากที่มีอยู่ 1 แสนล้านบาททั้งในและต่างประเทศ

****อะไรก็ปรับตัวขึ้นกันหมด แต่เงินเดือนไม่เห็นจะขึ้น ล่าสุดคมนาคมเห็นชอบขึ้นราคาค่าโดยสารรถเมล์ธรรมดา หรือรถร้อน รวมถึงมินิบัส อัตรา 0.50บาท รถปรับอากาศ ระยะละ 1 บาท และ ค่าโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.)ปรับขึ้นอีก 3 สตางค์ต่อกม.

****ทั้งโบรกเกอร์ นักวิชาการ หมอดูฟันธงวันนี้กนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.25% แน่นอน เล่นอ่านทางออกอย่างนี้คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หุ้นแบงก์ก็เลยปรับลดไปตามๆกัน


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 10/10/2007 @ 08:40:33 :
บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อILINKราคาเป้าหมาย 8.50 บาท
สำหรับงานประมูลอีกโครงการคือ TOT : MSAN นครหลวง 4 มูลค่าโครงการ 256ล้านบาท ปรากฏว่า ทาง ILINK ไม่ได้โครงการนี้ ดังนั้น รวมแล้ว ILINK มีงานในมือปัจจุบันเท่ากับ 468 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้ในไตรมาส 4/50 และ ในไตรมาส 1/51

คาดผลประกอบการไตรมาสสามจะน่าผิดหวังต่อ แต่จะดีขึ้นในไตรมาสสี่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/50 คาดหมายว่าจะกระเตื้องขึ้นจากไตรมาส 2/50 เล็กน้อยแต่ยังเป็นฐานกำไรที่ต่ำ และ น่าผิดหวังต่อจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากมีความล่าช้าในการส่งมอบงานธุรกิจวิศวกรรมวางระบบสายสัญญาณ อย่างไรก็ตามจากงานในมือปัจจุบัน 468ล้านบาท คาดหมายว่าจะรับรู้อย่างเต็มที่มากขึ้นในไตรมาส 4/50 และ ไตรมาส 1/51 ทำให้ผลประกอบการจะกลับมาโดดเด่นใหม่ โดยปัจจุบันงานที่รอการรับรู้รายได้รวมเท่ากับ 468 ล้านบาท แบ่งเป็น (1.) รายได้ค้างรับ (Backlog) 113.7 ล้านบาท และ (2.)งานที่รอเซ็นสัญญา 353.6 ล้านบาท โดยเฉพาะงาน TOT (งานเพิ่ม CFZ) 69 ล้านบาทและ AOT (จ้างวางสายเคเบิล) 36.70 ล้านบาท ได้บันทึกต้นทุนไปแล้ว ทำให้สามารถบันทึกรายได้มาเป็นกำไรได้อย่างเต็มที่

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สแนะนำ ซื้อAPราคาเป้าหมาย 7.26 บาท
วานนี้ทาง Investor Relation (IR) ของบริษัทได้แจ้งการจัดซื้อที่ดินใหม่ใน 3ทำเลคือ ห้วยขวาง, รัตนาธิเบศร์ และสุขุมวิท 113 รายละเอียดคือ ห้วยขวาง จะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม Life @ รัชดา-ห้วยขวาง 2 ใน 4Q50 ส่วนรัตนาธิเบศร์ จะเปิดขายเป็นบ้านเดี่ยว คือ The City ใน 3Q51 และสุขุมวิท 103 เป็นโครงการบ้านกลางเมือง จะเปิดขายเป็นทาวน์เฮ้าส์ และ The City เป็นบ้านเดี่ยว เปิดขายใน 3Q51เช่นกัน รายละเอียด ตามตาราง

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม Life @ รัชดา-ห้วยขวาง 2 น่าจะประสบความสำเร็จในการขายได้ดี เช่นเดียวกับโครงการแรกซึ่งปัจจุบันขายได้แล้ว 81% เนื่องจากเป็นทำเลเดียวกัน แต่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามกับโครงการแรก และอยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินเช่นเดียวกันส่วนโครงการใหม่แนวราบอีก 2 โครงการที่จะเปิดขายปีหน้า บรรยากาศการขายน่าจะดีขึ้น ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะดีขึ้น ภายหลังการเลือกตั้งที่แล้วเสร็จ และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นด้วย

สำหรับยอดขายใน 3Q50 เติบโตดีมากเป็น 117% เทียบกับ y-o-y เป็น 4,657ล้านบาท แต่ลดลงบ้างคือ 15% เทียบกับ q-o-q สาเหตุที่เติบโตดีเทียบกับ y-o-y เพราะมียอดขายจากคอนโดมิเนียมคือ Life เข้ามาสูง แต่ลดลงเทียบกับ q-o-q เพราะยอดขายคอนโดมิเนียมน้อยลง ทั้งนี้ใน 2Q50 และ 3Q50 มีการเปิดขายคอนโดมิเนียม Life เท่ากันคือ 3 โครงการ เป็นที่น่าสังเกตคือ ยอดขายบ้านแนวราบ ทยอยดีขึ้นมาตามลำดับ ใน 3Q50 เป็น 1,500 ล้านบาท รวมยอดขายทั้งหมด 9 เดือนแรกปีนี้สูงมากเป็น 13,667 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ 3Q50 ซึ่งยังไม่หักการรับรู้รายได้ใน 3Q50สูงเป็น 17,637 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2,927 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่รับรู้รายได้ในปีนี้ และอีก 14,710 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมที่จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2H50 ไปจนถึงปี 53

บลจ.บัวหลวงแนะนำขายSCBราคาเป้าหมาย 19.00 บาท
เราประมาณการกำไรไตรมาส 3/50 ของ SCIB ที่ 380 ล้านบาท ลดลง 71% YoYโดยผลกำไรที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรไตรมาส 3/50 จะปรับตัวสูงขึ้น 7% QoQ เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, สินเชื่อที่เติบโตขึ้นและการควบคุมต้นทุนพอร์ตสินเชื่อในไตรมาส 3/50 ของSCIB ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย เราคาดว่าสินเชื่อสุทธิจะปรับตัวสูงขึ้น 1% QoQ และ 2.2% YoY มาอยู่ที่ 2.31 แสนล้านบาท

แม้ว่าธนาคารจะตั้งสำรองหนี้ทั้งหมดตามมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่- IASเต็มจำนวนแล้วในครึ่งปีแรก ผู้บริหาร SCIB คาดว่าธนาคารยังมีแผนที่จะตั้งสำรองนี้ในระดับสูงเพื่อให้ครอบคลุมยอดหนี้เสีย (NPLs) ที่มีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้น ตามประมาณการของแบงค์ชาติ (Reclassification) เราคาดว่าธนาคารจะตั้งสำรอง 1.2 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส 3/50 อัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 4.7% ในไตรมาส 2/50หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 3/50 น่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.93% จาก 2.79% ในไตรมาส 2/50 เนื่องจาก SCIB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงในสัดส่วนที่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ อนึ่ง ธนาคารได้บันทึกเงินปันผลมูลค่า 160 ล้านบาทจากกองทุนวายุภักษ์ 1 ในไตรมาส 3/50

จากการที่ธนาคารมีการเติบโตสินเชื่อและการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จำกัด เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมไตรมาส 3/50 จะปรับตัวลดลง2.2% QoQ และ 3.0% YoY มาอยู่ที่ 586 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ SCIB คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับในไตรมาสก่อนและเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลงเรามองว่าธนาคารไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆสำหรับไตรมาสนี้ และคาดว่าอัตราส่วนต้นทุน/รายได้จะอยู่ที่ 64% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากในไตรมาสก่อน

จากการตั้งสำรองที่ไม่คาดคิดและการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า เราจึงปรับลดประมาณการกำไรในปี 2550-2551 ของ SCIB ลง 32% และ 34% ตามลำดับ มาอยู่ที่ 1.85 พันล้านบาทและ 3.5 พันล้านบาท ธนาคารได้มองหาพันธมิตรใหม่เพื่อเข้ามาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่เรามองว่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนา เราจึงปรับลดคำแนะนำสำหรับ SCIB ลงจาก ถือ มาเป็น ขาย และเปลี่ยนตัวเล่นมายัง SCB แทน

บล.เคจีไอแนะนำซื้อ CP7-11ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท
เราคาดว่า CP7-11 จะประกาศผลประกอบการ ที่ 270 ล้านบาท ในไตรมาส 3/50 คงที่จากไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 268 ล้านบาท แต่ลดลงอย่างมากถึง 35.1% จากปีก่อน เนื่องจากค่าปรับปรุงกิจการที่เริ่มบันทึกตั้งแต่ไตรมาส 4/49 เราคาดว่าค่าปรับปรุงกิจการในไตรมาสนี้จะลดลง เพราะค่าปรับปรุงกิจการสะสมมีมูลค่าสูงถึง 650ล้านบาท ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากการขาดทุนในจีนได้

เราคาดว่า Lotus จะมีผลประกอบการขาดทุนในไตรมาส 3/50 ที่ 1 พันล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 1.1 พันล้านบาท แต่แย่กว่าปีที่ผ่านมาที่ขาดทุน 834ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงกิจการ ตามวัฎจักรของเศรษฐกิจแล้ว ไตรมาส 3 มักจะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการอ่อนตัวทั้งไทยและจีน เนื่องจากมีน้ำท่วมในหน้าฝนและไม่มีเทศกาลใดๆ เราเชื่อว่า Lotus จะยังคงเป็นภาระใหญ่ต่อCP7-11 ต่อไปจนกระทั่งเดือน พ.ค.51

การชะลอตัวทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อยอดขายต่อพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อที่มีผลออกมาไม่น่าพอใจ โดยครึ่งปีแรกเติบโตเพียง 1.6% ตกลงจาก 7.8% เมื่อปี 2549 นอกจากนี้ ฤดูฝนยังกดดันยอดขายต่อพื้นที่ต่อในไตรมาส 3/50 โดยเราคาดว่าในไตรมาส 3/50พื้นที่ต่อการขายของร้านสะดวกซื้อจะเติบโตแค่ 1.7% เท่านั้น สำหรับประเทศจีน Lotusน่าจะรายงานพื้นที่ต่อการขายที่ติดลบอยู่ที่ 9.5% ในไตรมาส 3/50 แต่ได้ปรับตัวขึ้นแล้วจาก-18.7% ในไตรมาสก่อน เราเชื่อว่าแนวโน้มยอดขายต่อพื้นที่น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว และมีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาสถัดๆ ไป


:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com