May 14, 2024   6:49:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ซับไพรม์ กับ ตลาดหุ้น
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 11/10/2007 @ 09:16:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บรรดานักวิเคราะห์ความเสี่ยงของตลาดหุ้นในวอลล์สตรีท ถูกนักลงทุนก่นด่าไปบานทะโร่ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ ทำสถิตินิวไฮรอบใหม่ล่าสุดในสัปดาห์นี้
เช่นเดียวกัน บรรดานักวิเคราะห์(สมอ้าง)ในตลาดเงินและตลาดหุ้นทั่วโลก ต่างก็รีบหลบหน้าหายตัวอย่างรวดเร็ว และพยายามสงบปากสงบคำ หลังจากที่พบว่า คำทำนาย(ที่อาศัยข้อมูลของนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทอีกทอดหนึ่ง)ของตน ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
คำทำนายนั้น เกี่ยวกับความเสียหายของตลาดเงินเกี่ยวกับวิกฤตซับไพรม์ในอเมริกาซึ่งมีการวาดภาพเอาไว้เสียใหญ่โตน่าเกรงขาม
คิดดูก็แล้วกันว่า แม้กระทั่งบริษัทจัดอันดับอย่าง S&P ยังพลาดไปกับเขาด้วย เพราะประเมินความเสียหายของซับไพรม์เอาไว้เกินความจริง แถมยังพาลฟันธงเพิ่มไปด้วยว่าปัญหาซับไพรม์จะกลายเป็นไฟลามทุ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโลก และตลาดหุ้นมีปัญหาตามไปด้วย
ความผิดพลาดชนิดหน้าแตกยับเยินของบรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลาย อยู่ที่ปัญหากระบวนทัศน์ที่ผิดพลาดเรื่อง?กับดักของพลาโต้? ที่เน้นเอาข้อมูลอดีต มาเป็นกรอบหาแนวโน้มในอนาคต เป็นสำคัญ และมองโลกจากมุมของสมมิตฐานทางด้านสถิติเป็นใหญ่

สิ่งที่เราได้เห็นหลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วยามนี้ก็คือ ภาวะกระทิงที่ไม่คาดคิดมาก่อน และทำให้นักวิเคราะห์กลายเป็นตัวตลกที่ไม่น่าเชื่อถือชั่วขณะได้กลายเป็นเครื่องตอกย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จของกระบวนทัศน์ใหม่ที่ว่าด้วยทฤษฎีหงส์ดำ ของนัสซิม ทาเล็บ และ ทฤษฎี fractal finance ของเบนวา แมนเดลโบรท นักคิดยุคใหม่ ที่มองเห็นว่า การลองผิดลองถูก เป็นกระบวนการคิดใหม่ที่ควรยึดถือมากกว่า กรอบวิธีคิดแบบเก่าภายใต้?กับดักของพลาโต้?

การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นในยามที่เกิดวิกฤตเรื่องซับไพรม์ ทำให้คำอธิบายเก่าๆของนักเศรษฐศาสตร์ และนักการเงินหัวโบราณกลายเป็นเรื่องไร้สาระที่ควรโยนทิ้งถังขยะได้แล้ว เพื่อเปิดทางให้กับแนวคิดใหม่ๆที่สามารถคาดเดาอนาคตได้แม่นยำกว่าแทน
คำอธิบายสำคัญอยู่ที่ ความแตกต่างระหว่าง ความเสี่ยง กับความไม่แน่นอนที่แม้จะเหลื่อมซ้อนกันอยู่ แต่ก็มีธรรมชาติต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ในอดีต ความเสี่ยงและความไม่แน่นนอน อาจจะพออนุโลมได้ว่า เป็นเรื่องเดียวกันแต่ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และการไหลเวียนของทุนเก็งกำไรในตลาดโลกวันละประมาณ1.4 ล้านล้านดอลลาณ์สหรัฐฯในปัจจุบัน มีส่วนทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยง กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดเสียไม่ได้เลย

เหตุผลหลักก็อยู่ที่ว่า หากไม่สามารถแยกแยะออกจากกันได้ การคาดเดาอนาคต จะมีโอกาสผิดพลาดแบบที่นักวิเคราะห์วิอลล์สตรีทปและทั่วโลกพากันหัวคะมำมาแล้วนั่นเองการย้อนกลับไปหาคำนิยามของนักเศรษฐศาสตร์อย่าง แฟรงก์ ไนท์ ต้นกำเนิดเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิกสำนักชิคาโก ในหนังสือชื่อ Risk, Uncertainty, and Profitsจึงมีความหมายมากกว่าปกติ โดยเฉพาะนิยามสำคัญที่ชัดเจนว่า

- ความไม่แน่นอน หมายถึงสภาวะซึ่งยากจะทราบชัดถึงความเป็นไปได้
ของปรากฏการในอนาคตเกี่ยวกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
- เกณฑ์วัดความไม่แน่นอน ได้แก่ชุดของความเป็นไปได้ที่ไม่รู้ค่าที่เลื่อน
ไหลไปมาจนยากจะคาดคะเนได้
- ความเสี่ยง หมายถึงสภาวะซึ่งสามารถทราบบางส่วนถึงความเป็นไปได้
ของปรากฏการในอนาคตว่า ภายใต้เงื่อนไขใดบ้างจะเกิดความเสียหาย
- เกณฑ์วัดความเสี่ยง ได้แก่ชุดความเป็นไปได้ภายใต้เงื่อนไขที่ชัดเจน
พร้อมกับระดับของความเสียหายที่พึงประเมินได้ที่เป็นผลพวงของปรากฏการ

คำอธิบายของไนท์ สามารถอธิบายปรากฏการณ์ในเรื่องการทะยานขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ได้ชัดเจนว่า การที่สถาบันการเงินใหญ่ที่เคยเล่นเกมซับไพรม์มายาวนาน พากันออกมารับสารภาพ พร้อมกับประกาศว่า จะตั้งสำรองทางการเงินเผื่อความเสียหาย(ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริอง แต่เป็นทางบัญชี ที่เรียกว่า unrealized loss) ก็เท่ากับว่า ตลาดสามารถที่จะรับทราบความเสี่ยงของผู้ที่เกี่ยวข้องได้ชัดเจน ไม่ต้องคาดเดากันอีกต่อไปความเสียหายและการตั้งสำรองเพื่อแบกรับความเสียหายของสถาบันการเงินทั้งหลาย แม้จะเป็นความเสี่ยงของแต่ละบริษัท แต่ไม่ไม่ใช่ความ้สี่ยงของตลาดโดยรวม และที่สำคัญกว่านั้น มันบอกให้ทราบว่า ความคลุมเครือจากความไม่แน่นอนนั้น ได้จบสิ้นลงไปแล้วปัญหาซับไพรม์ มีคนรับผิดชอบแล้ว จากนี้ไป ตลาดก็พร้อมที่จะลืมเรื่องราวของซับไพรม์ได้ๆไม่ยากเย็นนัก

ความเสี่ยง เป็นปัจจัยภายในของธุรกิจที่สามารถคาดเดาและควบคุมได้ แต่ความไม่แน่นอนเป็นปัจจัยภายนอกที่
กระบวนการตัดสินใจไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อใดก็ตามที่ความไม่แน่นอนถูกสลายไป ตลาดก็พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ เพราะความไร้เหตุผล จะมลายไปตลาดจึงเมินเฉยต่อนักวิเคราะห์ระดับพ่อมดและเซียน ทั้งหลายอย่างไม่ใยดี และผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นคือ ภาวะกระทิงรอบใหม่เกิดขึ้นกับตลาดทั่วโลกกลายเป็นเทพนิยายขนาดสั้นชั่วขณะของนักลงทุนเก็งกำไร

ข่าวหุ้น[/size:c6d910f2ad">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com