May 14, 2024   8:49:48 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เก็บมาให้อ่าน.......ข้อมูลหุ้นที่ไม่เท่าเทียมกัน
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 11/10/2007 @ 11:52:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ท่ามกลางตลาดนัดการเมืองซื้อขายตัวอดีต ส.ส. ที่กำลังคึกคัก นักลงทุนในตลาดหุ้นก็พลอยคึกคักไปด้วย มีการตั้งความหวังเอาไว้ว่า ต้นปีหน้าหลังการเลือกตั้งดัชนีหุ้นไทยจะไปถึงระดับ 1000 จุดอย่างที่ฝันมานานกว่า 2 ปีเสียที

ตลาดหุ้นไทยหงอยเหงามานานแล้ว นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเมืองในยุคปลายรัฐบาลทักษิณ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นประเทศอื่นขึ้นเอาๆ

ประเทศที่เจอวิกฤติต้มยำกุ้งพร้อมไทยอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่อยู่ในกลุ่ม TIP ด้วยกัน วันนี้ดัชนีราคาหุ้นสองประเทศนี้ทิ้งไทยไม่เห็นฝุ่นแล้ว แม้แต่ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ตลาดหุ้นไทยไปช่วยก่อตั้งมากับมือ วันนี้ดัชนีราคาหุ้นเวียดนามก็ขึ้นไปกว่า 1000 จุดแล้ว แซงหน้าดัชนีตลาดหุ้นไทยไปเรียบร้อย

ผมก็ได้แต่หวังว่า หลังการเลือกตั้ง ดัชนีราคาหุ้นไทยจะไปถึง 1000 จุดเสียที เพราะเหลืออีกแค่ 100 กว่าจุดเท่านั้นก็จะถึงพันแล้ว

แต่ปัญหาหนึ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้แก้ไขอย่างจริงจัง ก็คือ ?ความเหลื่อมล้ำของข้อมูล? ที่เปิดช่องให้โบรกเกอร์เอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย

ทุกวันนี้ข้อมูลหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยได้จากเจ้าหน้าที่ตลาดของโบรกเกอร์ก็คือ

เวลาตลาดหุ้นขึ้น เจ้าหน้าที่ตลาดก็จะโทร.ไปบอกให้ลูกค้าซื้อหุ้น บอกว่าดัชนีราคาหุ้นกำลังขึ้น ฝรั่งกำลังเข้ามาซื้อกันใหญ่ กองทุนก็เข้ามาซื้อ แล้วก็แนะนำให้ลูกค้าซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้แบบแห่ตามขาใหญ่ โดยไม่มีข้อมูลที่เป็นเหตุผลอื่นประกอบ ซ้ำร้ายนักลงทุนรายย่อยก็ไม่รู้ว่าฝรั่งและกองทุนเข้ามาซื้อจริงหรือไม่

เวลาตลาดหุ้นลง เจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ก็โทร.ไปบอกให้ลูกค้ารายย่อยขาย โดยให้ข้อมูลว่าฝรั่งกำลังเทขาย กองทุนเทขาย ลูกค้ารายย่อยก็รู้แค่นั้น ใครขี้ตกใจก็รีบขายตามที่โบรกเกอร์บอก ทำให้นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่จะขาดทุนมากกว่าได้กำไร เพราะซื้อแพงขายถูก

นักลงทุนรายย่อยที่อยากซื้อลงทุน แต่เมื่อได้รับคำแนะนำอย่างนี้บ่อยๆ ในแง่จิตวิทยาก็อดไม่ได้ที่จะตัดใจขาย กลัวราคาจะลงมากกว่านี้

ผมจึงเห็นด้วยกับข่าวที่ปรากฏตามสื่อวันก่อน ซึ่งมีนักลงทุนเรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูลให้มากกว่านี้ เพื่อความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงข้อมูล

โดยเฉพาะข้อมูลที่บอกว่า ฝรั่งซื้อ กองทุนซื้อ และฝรั่งขาย กองทุนขาย เป็นฝรั่งหรือกองทุนไหนกันแน่ หรือว่าโบรกเกอร์เองนั่นแหละที่ซื้อและขาย แล้วก็ออกข่าวว่าเป็นฝรั่งและกองทุน เพื่อฟันกำไรจากลูกค้า รายย่อยของตัวเอง

เราต้องยอมรับว่า การซื้อขายหุ้นไทยในปัจจุบัน อำนาจการซื้อขายของต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันประเภทกองทุน มีอิทธิพลต่อดัชนีราคาหุ้นไทยเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีผลทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยด้วย

ผมคิดว่า ตลาดหลักทรัพย์ควรให้ความคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น เพราะนักลงทุนรายย่อยเป็นนักลงทุนที่ทำให้ตลาด หลักทรัพย์มีสีสันและความคึกคัก แม้แต่ตลาดหุ้นยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างวอลสตรีท ก็ยังเน้นความสำคัญในการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย และการเข้าถึงข้อมูลที่เท่าเทียมกัน

ข้อมูลที่นักลงทุนไทยอยากให้ตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยให้ชัดเจน ก็คือ

ข้อมูลแยกประเภท นักลงทุนสถาบันที่ซื้อขายในแต่ละช่วงเวลาซื้อขายทั้งเช้าและบ่าย เพื่อให้รู้ว่าเป็นสถาบันประเภทไหน เป็นกองทุนรวม กองทุนประกันชีวิต-ประกันภัย กองทุน กบข. หรือพอร์ตโบรกเกอร์

และให้ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยตัวเลขการซื้อขายรายกลุ่ม ในช่วงปิดการซื้อขายภาคเช้า หรือก่อนเปิดตลาดในภาคบ่าย เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงข้อมูลการซื้อขายเท่าเทียมกันในช่วงเวลาเดียวกัน

เรื่องแค่นี้ ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหานะครับ ตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วนอยู่แล้ว แค่ทำให้ชัดเจน และเปิดเผยให้เร็วขึ้น นักลงทุนรายย่อยจะได้ไม่ถูกหลอก ก็แค่นั้นเอง.

?ลม เปลี่ยนทิศ?


:lol:

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 14/10/2007 @ 11:29:57 :
เห็นด้วยอย่างยิ่ง...ต้องช่วยกันผลัก และช่วยกันดัน

แล้วรายย่อยจะช่วยผลักดันยังไงบ้าง :roll:

แบบว่าแสดงความคิดเห็นอย่างเดียวแค่นี้ คงจะไม่มีไรเปลี่ยนแปลงนิ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com