??? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 410 | วันที่: 15/10/2007 @ 09:53:10 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต หุ้นหลักทรัพย์สัปดาห์นี้มาแรง เหตุวอลุ่มส่อแววคึกคักยาวถึงปีหน้า เฉลี่ย 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน หลังดัชนีมีลุ้นแตะ 1 พันจุด พร้อมได้งานไอบีกลับมาหนุนเต็มตัว แนะซื้อหุ้นขนาดใหญ่ KEST-PHATRA-BLS-ASP ส่วน KGI และ BSEC เข้าข่ายหุ้นเล็กน่าลงทุน
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์สัปดาห์นี้ว่า การเคลื่อนไหวของทั้งกลุ่มจะแกว่งตัวขึ้นได้ตามมูลค่าการซื้อขายของตลาดที่คาดว่าช่วงไตรมาส 4 ปี 50 จะเคลื่อนไหวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากกระแสเงินทุนที่จะเคลื่อนย้ายเข้ามา เพราะหากมีเข้ามาก็จะสร้างความคึกคักได้มาก ในทางกลับกันหากไม่มีกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามามูลค่าการซื้อขายจะทรงตัว
ทั้งนี้ทางฝ่ายประเมินว่าหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในแง่ของวอลุ่มเทรดยกให้ KEST ,PHATRA และ BLS ส่วนหุ้นขนาดเล็กแนะนำ KGI และ BSEC อย่างไรก็ตามหากมูลค่าการซื้อขายของตลาดที่ 1.7 หมื่นล้านบาทมองว่ายังไม่น่าลงทุนเนื่องจากเป็นวอลุ่มการซื้อขายที่ต่ำ แต่ก็ถือเป็นจังหวะที่ดีจะเข้าซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ระบุว่าสัปดาห์นี้ยังเป็นช่วงขาขึ้นของหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์อยู่ โดยประเมินว่าทั้งกลุ่มยังได้รับผลดีจากวอลุ่มการซื้อขายของตลาดหุ้นที่ประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าต้นปีจากการคาดการณ์ว่าปลายปีจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างชาติจึงทำให้มีเม็ดเงินต่างชาติเข้ามา ทำให้คาดว่าทั้งกลุ่มจะมีการซื้อขายเข้ามาอย่างหนาแน่น
ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนทางฝ่ายมองว่า BLS, KEST และ ASP เป็นหุ้นที่น่าจับมามองที่สุดเนื่องจากมีวอลุ่มซื้อขายมากกว่าตัวอื่น ขณะที่ KGI ถือว่าเป็นหุ้นขนาดเล็กที่น่าสนใจเพราะถือหุ้นโดยกลุ่มคูลส์ สัญชาติไต้หวัน ดังนั้นจึงมองว่าจะเป็นตัวที่จะได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
สำหรับแนวโน้มหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ไตรมาส 4 ปีนี้จะยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงปี 51 เพราะทิศทางของภาวะตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้น โดยปีนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากมูลค่าการซื้อขายของตลาดที่เฉลี่ยต่อวันแตะระดับ 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงการคาดการณ์ว่าดัชนีสิ้นปีนี้แตะ 1 พันจุด ขณะที่แนวโน้มปี 2551 คาดว่ากลุ่มหลักทรัพย์จะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมจากการนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดฯ เข้ามา จากแรงสนับสนุนจาก ตลท.และก.ล.ต.ที่ให้มีบจ.เข้ามาซื้อขายมากขึ้น ดังนั้นกลุ่มหลักทรัพย์จะได้รับอานิสงส์ค่าทำดิวส์ไอพีโอและรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์สัปดาห์นี้ว่าน่าจะยังคึกคักตามวอลุ่มการซื้อขายของตลาดที่ช่วงนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าผลประกอบการของยังเติบโตตามคาด
ทั้งนี้ทางฝ่ายมองว่าหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มที่น่าสนใจคือ KEST และ ASP เนื่องจากมีวอลุ่มการซื้อขายเข้ามามาก ส่วนหุ้นที่มีขนาดเล็กในกลุ่มที่น่าสนใจคือ KGI สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2550 พบว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาการซื้อขายเฉลี่ยรวมอยู่ที่หลัก 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงมองว่าน่าจะอยู่ในทิศทางเดียวกันกับไตรมาส 3 เพราะเชื่อว่าปริมาณการซื้อขายน่าจะกระเตื้องขึ้นจากการเลือกตั้งปลายปีนี้ ขณะที่เม็ดเงินจากการลงทุนของต่างชาติมีโอกาสไหลมารองรับการลงทุน
|