May 3, 2024   11:41:36 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จัดสำรับหุ้นน่าสะสม
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 18/10/2007 @ 10:36:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทันหุ้น-ตลาดร่วงอย่านั่งเหงา จับจังหวะเก็บของดีช่วงปลายสัปดาห์ หลังตลาดหุ้นไทยปรับฐานต่อเนื่อง ต่างชาติ-สถาบันผสมโรงขายสุทธิกว่า 3 พันล้านบาท แต่รายย่อยไม่ยอมถอยแอ่นอกรับเต็มที่ โบรกมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เลือดหยุดไหล พร้อมตั้งหลักก่อนปรับตัวขึ้นต่อสัปดาห์หน้า จังหวะเหมาะสุดจัดสำรับเลือกลงทุนตามสไตล์ ชูหุ้นใหญ่แข็งแกร่งที่ราคาลดลงแล้ว 3-5% หุ้นขนาดกลางและเล็กรับผลประกอบการไตรมาส 3/2550 โตโดดเด่น พร้อมหุ้นเด่นจับประเด็นไอซีซั่น และหุ้นคุณภาพสินทรัพย์ดี มีศักยภาพดันราคาหุ้นวิ่งแรง

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะกินระยะเวลาไม่เกินสัปดาห์นี้ หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา และในเรื่องของฟันโฟลว์ที่ยังไหลเข้าต่อเนื่องจะเป็นตัวซับพอร์ตทำให้หุ้นลงไม่แรง

?ตลาดหุ้นคงมีแรงขายทำกำไรอย่างเต็มที่ออกมาและคงจะจบภายในสัปดาห์นี้เท่านั้น เพราะสัปดาห์หน้ามองว่ากระแสเรื่องเฟดและดอกเบี้ยที่อาจจะลดลง จะทำให้ฟันโฟลว์ยังคงไหลเข้าในตลาดเอเชียจากผลประกอบการและอัตราการเติบโตของกำไรที่ยังคาดว่าจะดีต่อเนื่อง?นายสุกิจกล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงการปรับฐานของตลาดหุ้น แนะนักลงทุนรอรับซื้อในช่วงปลายสัปดาห์หลังราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลง ซึ่งอาจจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ เช่น หุ้นใหญ่ที่ราคาปรับตัวลงมา 3-5% โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เช่น PTT โดยให้ราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 400 บาท
รวมถึงหุ้น PTTEP , TOP , RRC , BANPU , TTA และกลุ่มธนาคารพาณิชย์บางตัว เช่น KBANK และ BBL โดยให้กรอบดัชนีสัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 875 จุด ส่วนแนวต้านที่ 900 จุด

ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2550 จะออกมาโดดเด่น และแนะนำทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว เช่นหุ้น SEAFCO , BEC , CCET , HANA , DELTA , SAT , ROJANA และ ATC , RRC ซึ่งมีอัพไซด์เพิ่มจากการควบรวมเป็นบริษัทใหม่

นอกจากนี้การลงทุนในประเด็นของไฮซีซั่นก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนในการลงทุน โดยแนะนำให้เป็นอีกทางเลือกของการทยอยสะสมหุ้นกลุ่มนี้ ภายใต้ภาวการณ์การลงทุนที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ เช่นหุ้น MINT , CCET , RCL , RRC และ SAT
ฉวยโอกาสตุนกำไร
นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในระหว่างการปรับฐานของตลาดหุ้นช่วงนี้ แนะนำนักลงทุนให้ปรับสัดส่วนการลงทุนไปสู่หุ้นที่มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น และได้รับผลบวกจากแนวโน้มหลัก ๆ ในปัจจุบัน เช่น ลงทุนในหุ้นที่ยังไม่ขึ้นที่มีคุณภาพสินทรัพย์ดี อาทิ SCC, EGCO และ CPF ซึ่งยังมีศักยภาพที่ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นต่อได้
?เรามองว่าหุ้นที่ยังมีคุณภาพสินทรัพย์ดีและที่สำคัญราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ ถือเป็นอีกหนึ่งช้อยส์ที่น่าสนใจในการปรับสัดส่วนการลงทุนไปในหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า?นายพงศ์พันธุ์กล่าว

สำหรับหุ้น SCC ถือว่ามีศักยภาพในการทำกำไร และสินทรัพย์ทางธุรกิจก็มีความหลากหลาย ทั้งในกลุ่มปิโตรเคมี ซีเมนต์ กระดาษ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้หากพิจารณาพีอีในปี 2550-2551 ก็อยู่ในระดับต่ำเพียง 10 เท่าเมื่อเทียบกับตลาดที่อยู่ในระดับ 12-13 เท่า และกระแสเงินสดก็มีเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลในปีนี้ที่ 15 บาทหรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.6% โดยราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังมีอัพไซต์จากราคาเหมาะสมที่ 300 บาท

ขณะที่หุ้น EGCO เองยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้ในโครงการโรงไฟฟ้า BLCP และแก่งคอย 2 ที่จะผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2550 เพิ่มขึ้นกว่า 26% ประกอบกับราคาหุ้นก็ยังถือว่าค่อนข้างถูก โดยมีการซื้อขายต่ำกว่าระดับพีอีที่ 8 เท่า และกระแสเงินสดก็ยังแข็งแกร่ง โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 140 บาท

ส่วน CPF ก็มีความโดดเด่นจากการฟื้นตัวของธุรกิจการเกษตรที่แข็งแกร่ง จากผลขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกที่ 180 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะสามารถพลิกฟื้นมามีกำไรที่ 1.92 พันล้านบาท โดยการฟื้นตัวของธุรกิจมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมการซื้อขายหุ้น โดยให้ราคาเหมาะสมของ CPF อยู่ที่ 5.50 บาท
ฟันด์
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 ต.ค.2550) ปิดที่ราคา 884.53 จุด ลดลง 10 จุด หรือ 1.12% มูลค่าการซื้อขาย 25,402.05 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,690 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,426 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 3,177 ล้านบาท[/size:e1b08b5f25">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com