Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 26/10/2007 @ 16:06:39 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต คุณสมพร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถามถึงการเปิดซื้อขายอย่างเป็นทางการของOptions ในสัปดาห์หน้า เร็วเกินไปหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้กว่าจะทำความเข้าใจเรื่อง Futures ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงอยากรู้ว่าสินค้าทั้งสองตัวมีความแตกต่างกันอย่างไรครับ
ถ้าจะให้ผมอธิบายเรื่อง Options โดยใช้พื้นที่ข่าวแค่ครึ่งหน้ากระดาษ คงไม่สามารถอธิบายให้นักลงทุนมองเห็นภาพดังกล่าวได้ละเอียด จึงขอพูดคร่าวๆ ว่าสินค้าตัวดังกล่าวเป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องดังกล่าว ผมขอแนะนำนักลงทุนที่ติดตามอ่านคอลัมล์ของผมเป็นประจำว่า ควรหาโอกาสศึกษาวิธีลงทุนในสินค้า Futures และ Options เพราะเป็นทางเลือกการลงทุนแบบใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม
เนื่องจากสามารถช่วยสร้างผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน หากนักลงทุนรู้จักวิธีใช้อย่างถูกต้อง
ที่สำคัญ คือ จำกัดความเสี่ยงจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะนักลงทุนสามารถล่วงรู้ว่ามีผลขาดทุนเท่าไหร่นะครับ
ผมถึงพยายามให้นักลงทุนหมั่นไปศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนใหม่ๆ ตลอดเวลาเพราะในไม่ช้าโลกการเงินจะเชื่อมต่อกันทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจะทำให้คนที่มีการเตรียมความพร้อมได้รับประโยชน์สูงสุด
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Futures และ Options มีดังนี้ คือ
"ฟิวเจอร์" เป็น "ข้อตกลง" ผู้ซื้อและผู้ขายมี "ภาระผูกพัน" ต้องทำตามสัญญา
"ออปชั้น" เป็น "สิทธิ" ผู้ซื้อจะ "ใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้" ขณะที่ผู้ขาย "มีภาระ"ต้องปฎิบัติตามสัญญา หากผู้ถือออปชั่น "ใช้สิทธิ"
ในที่นี้ผมจะพูดถึงเฉพาะ "ออปชั่น" เพราะเป็นสินค้าที่กำลังจะเปิดซื้อขายในสัปดาห์หน้า และถ้าว่ากันตามเนื้อหาสาระของการลงทุนใน Options ก็จะมีคนเดี่ยวข้องด้วยกัน 2 ฝ่าย คือ "ผู้ซื้อ" และ "ผู้ขาย"
โดยผู้ขายให้สิทธิกับผู้ซื้อที่จะทำการ "ซื้อ" หรือ "ขาย" สินค้า ตามจำนวนราคาภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งผู้ซื้อสามารถเลือกจะใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้
ทั้งนี้ผู้ซื้อจะต้องจ่ายเงินค่าออปชั้นที่เรียกว่า "ค่าพรีเมี่ยม"(Premium) ให้กับผู้ขายเป็นแลกกับการได้สิทธิตามสัญญานั้น
ในทางปฎิบัติผู้ซื้อและผู้ขายอาจกำหนดให้สินค้าที่จะซื้อหรือขายกันตามสัญญา หรือที่เรนียกว่า "สินค้าอ้างอิง" (Underlying Assets) นั้นเป็น หุ้น ดัชนีราคาหุ้นดอกเบี้ย หรือสินค้าอื่นๆ ก็ได้
สำหรับสินค้าที่จะใช้อ้างอิงในครั้งนี้ยังเป็น SET 50 เหมือนเดิมนะครับ
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยที่เหลือหลังจากนี้ นักลงทุนต้องไปศึกษากันเอาเอง เพราะจะได้รู้ว่า ตัวนักลงทุนเหมาะกับการลงทุนรูปแบบใหม่ขนาดไหน
ข่าวหุ้น[/size:a2af250956">
|
