อนาถใจหุ้นกลุ่มเหล็กเทรดต่ำกว่า BV อื้อ งานนี้ GSTEEL ต่ำเตี้ยสุดๆ จับตาน้องใหม่ MILL ตามรอยรุ่นพี่หรือไม่ หลังพบราคาไอพีโอ 2.90 บาท สูงกว่า BV ที่อยู่ที่ 1.18 บ. เท่านั้น เซียนหุ้นชี้มีดีที่เป็นของใหม่ แถมสังกัด mai ที่กำลังฮ็อต ส่วนหุ้นเหล็กในกระดานยังมีเสน่ห์ แนะซื้อ TSTH รับงบ Q3

วันที่ 6 พ.ย. นี้คงได้เห็นหุ้นเหล็กน้องใหม่ บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) ที่ถือว่าจะเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปมากที่สุดในตลาดหุ้น mai เข้าเทรดวาดลวดลาย หลังจากที่ TNDT ร้อนฉ่าไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งหากดูหุ้นเหล็กที่เข้าเทรดวันแรก ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีในวันแรกที่เข้าซื้อขาย แต่หลังจากนั้นแต่ละตัวก็มีชะตากรรมที่แตกต่างกันออกในส่วนของ MILL ถือว่ามีจุดเด่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมาร์เก็ตแคป หลังจากเข้าเทรดที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาท เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ใน mai ทีเดียว ประกอบกับการเข้าเทรดในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังไปได้สวย เพราะเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้ง และล่าสุดมีข่าวว่านักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศแห่จองหุ้นจนความต้องการล้นถึง 3 เท่า รวมทั้งยังมีข่าวนักลงทุนรายใหญ่อย่างเสี่ยปู่ หรือ นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ที่ประกาศว่าได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอถึง 2 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นที่ขายทั้งหมด 100 ล้านหุ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นหุ้นที่มีอนาคตดี ตามราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งส่งซิกว่าจะเข้าซื้อเพิ่มอีกหลายล้านหุ้นหลังจากเข้าเทรดในตลาดหุ้น mai

อย่างไรก็ตามหากประเมินราคาหุ้นเหล็กที่มีอยู่เกลื่อนกราดในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าส่วนใหญ่จะซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (BV) กันแทบทั้งสิ้น โดย บมจ.จีสตีล (GSTEEL) เป็นหุ้นที่เทรดต่ำกว่า BV มากที่สุด ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 0.80 บาท ขณะที่ BV อยู่ที่ 1.80 บาท ดังนั้นจึงน่าขบคิดว่าหากซื้อหุ้นเหล็กถูกๆ ที่มีอยู่ดาษดื่น กับหุ้นใหม่ที่บวกราคาพรีเมี่ยมไปแล้วอย่าง MILL อย่างไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน และที่สำคัญ MILL จะเดินตามรอยรุ่นพี่หรือไม่...

**ชำแหละฐานะ MILL

MILL ระบุในหนังสือชี้ชวนถึงฐานะและผลการดำเนินงาน ดังนี้

การวิเคราะห์ฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท (หน่วย : ล้านบาท)
2547 2548 2549 งวด 6 เดือน ปี 2550
ผลการดำเนินงาน
รายได้จากการขาย 591.17 626.10 2,666.31 1,582.65
รายได้รวม 591.51 624.35 2,695.62 1,593.02
กำไรขั้นต้น 51.16 (36.37) 136.54 118.85
อัตรากำไรขั้นต้น 8.65% (5.81%) 5.12% 7.51%
กำไรสุทธิ 19.24 (83.70) 66.18 48.47
อัตรากำไรสุทธิ 3.25% (13.41%) 2.46% 3.04%

ฐานะทางการเงิน
สินทรัพย์รวม 562.81 1,026.08 1,263.52 1,553.91
หนี้สินรวม 339.54 811.52 977.77 1,199.69
ส่วนของผู้ถือหุ้น 223.27 214.57 285.75 354.22

ที่มา : สำนักงาน ก.ล.ต.

**ไอพีโอ 2.90 บ. P/E 11 เท่า
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ ใช้วิธีการเปรียบเทียบราคาตลาดที่สามารถอ้างอิงได้ (Market Comparable) โดยพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earning per share Approach) ของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ทั้งหมด ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2550 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 11 เท่า ในขณะที่ราคาที่จะเสนอขายเท่ากับ 2.90 บาทต่อหุ้น โดยมูลค่ากำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทคำนวณจากกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก ปี 2550 และประมาณการกำไรสุทธิในครึ่งปีหลัง ปี 2550 ซึ่งกำหนดให้เท่ากับในครึ่งปีแรก ซึ่งรวมแล้วประมาณ 100 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (Fully Diluted) จำนวน 400 ล้านหุ้น จะได้ค่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 11 เท่า ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นดังกล่าวคำนวณจากผลการดำเนินงานในอดีต โดยที่ยังไม่ได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานและโครงการในอนาคตของบริษัท ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน

**เปิดโผหุ้นเหล็กเทรดต่ำกว่า BV

หลักทรัพย์ ราคาปิด BV(บ.) กำไรสุทธิ 6 เดือนแรก 2550 (ลบ.)กำไรสุทธิ 2549 (ลบ.)
AMC 2.34 2.47 -38.38 172.19
BSBM 1.19 1.82 109.64 258.74
CITY 2.46 2.39 116.94 126.94
CSP 2.00 1.71 25.38 57.59
GSTEEL 0.80 2.43 675.10 1,678.06
MCS 3.78 2.37 120.97 342.63
NSM 0.33 0.8 -170.21 -3,495.08
PERM 1.00 1.72 2.28 29.54
RICH 11.40 1.10 -142.00 81.62
SAM 8.25 2.29 -38.97 20.74
SMIT 2.20 2.36 94.27 161.14
SSI 0.95 1.47 483.74 2,690.14
TSTH 1.73 1.73 593.08 392.02
TYM 2.90 N/A 55.18 63.35

ที่มา : eFinanceThai.com รวบรวม

**บิ๊ก MILL เซอร์ไพรส์ นลท.ไทย-เทศแห่จองหุ้นล้นกว่า 3 เท่า

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าบริษัทฯได้มีการ
เปิดจองซื้อหุ้น MILL เสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 25-26และ29 ตุลาคม 2550 โดยการเปิดจองซื้อหุ้นดังกล่าวได้รับการ
ตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุน เนื่องจากเพียงระยะเวลา 2 วันหุ้นที่เปิดจองก็หมด และมีนักลงทุนสนใจจองซื้อหุ้นล้นกว่า 3 เท่า ซึ่งนักลงทุนที่จองซื้อมีทั้งนักลงทุนใน
ประเทศ รวมถึงกองทุนจากต่างประเทศ

กระแสตอบรับดีมาก ทุกอย่างดูดี นักลงทุนให้ความสนใจเยอะ สอบถามมาที่บริษัทฯตลอด ซึ่งเท่าที่สอบถามอันเดอร์ไรท์เตอร์มียอดจองล้นแล้วกว่า 3 เท่า เรา
ก็เซอร์ไพรส์มากที่นักลงทุนให้การตอบรับเยอะนายสิทธิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกในวันที่ 6 พฤจิกายน 2550 ราคาหุ้นเปิดเทรดจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นยืนเหนือราคาจองที่ 2.90
บาท/หุ้นได้ เนื่องจากบริษัทฯมีพื้นฐานธุรกิจที่ดี และภาพรวมธุรกิจเหล็กก็ขยายตัว โดยราคาเหล็กมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ซึ่งถือเป็นผลบวกต่อบริษัทฯอย่างมาก

ทั้งนี้ ราคาเหล็กที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้าง ส่งผลดีต่อบริษัทฯ โดยราคาปัจจุบันเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23 บาท/กิโลกรัม จากเดิมราคาอยู่ที่ 21.50 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 4/2550 ปรับเพิ่มขึ้นโดดเด่น และคาดการณ์รายได้ทั้งปีอาจสูงกว้าเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 25% จาก 2.6 พันล้านบาทปีก่อน

นายสิทธิชัย กล่าวด้วยว่า บริษัทฯยังไม่มีแผนควบรวมกิจการกับ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL รวมถึงบริษัทฯอื่นๆในธุรกิจเหล็ก โดยแม้ในส่วน
ของ GSTEEL จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เนื่องจากเป็นธุรกิจของเครือญาติ แต่ก็ยังไม่มีแนวคิดควบรวม เนื่องจากธุรกิจของบริษัทฯยังเติบโตได้ด้วยตัวเอง

ยังไม่เคยคิดเลย เพราะตอนนี้ต่างคนก็ต่างโต โดยแม้เทรนด์ของโลกจะควบรวมกัน แต่สำหรับเรายังไม่มีแนวคิดจริงๆนายสิทธิชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทฯเตรียมเข้าซื้อขายใน mai วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ โดยบริษัทฯยังแผนย้ายไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในอนาคต ซึ่งอาจได้เห็นความชัดเจนในปีหน้า เนื่องจากทุนจดทะเบียนเข้าเกณฑ์ที่กำหนด แต่ทั้งนี้ต้องขอดูจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมก่อน

**เซียนหุ้นชี้หุ้นเหล็กยังมีเสน่ห์ TSTH เด่นสุด

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ภาพการลงทุนหุ้นกลุ่มเหล็กถือว่ายังขยายตัวดีจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยผู้ประกอบการธุรกิจเหล็กน่าจะได้ประโยชน์จากต้นทุนการดำเนินงานที่ดีขึ้น ขณะเดียวกับที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ก็น่าจะขยายตัวทิศทางเดียวกัน

แต่ทั้งนี้ แม้ผู้ประกอบการเหล็กจะได้ผลดีจากราคาเหล็กทรงตัวระดับสูง แต่จากความต้องการบริโภคเหล็กในประเทศที่อยู่ระดับต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจประเทศจีนชะลอตัว ก็ถือเป็นความเสี่ยงของธุรกิจเหล็ก และทำให้ความน่าสนใจในธุรกิจเหล็กไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหุ้น บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH โดดเด่นที่สุดในกลุ่มเหล็ก เนื่องจากมีโรงเหล็กหลอม ทำให้ต้นทุนการบริหารลดลงส่งผลยอดขายเพิ่ม ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2550 ขยายตัวดี หลังได้ประโยชน์ราคาเหล็กมีการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 4% จากก่อนหน้านี้ โดยแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว ประเมินแนวต้านตามสัญญาณเทคนิคไว้ที่ 1.95 บาท

สำหรับหุ้น บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ถือว่าน่าสนใจเข้าลงทุนเช่นกันเนื่องจากเป็นหุ้นใหม่ (IPO) ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ โดยจากการที่เข้าซื้อขายใน mai และอยู่ในธุรกิจเหล็ก ก็เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร

"TSTH เป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มเหล็ก มีโรงเหล็กหลอมเป็นของตัวเอง ช่วยประหยัดต้นทุน และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส3/2550 ขยายตัวดี โดยแนะนำซื้อได้เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งใน 2 สัปดาห์นี้เห็นราคาขึ้นไปที่แนวต้าน 1.95บาท"นายรณกฤต กล่าว

:lol: