*ทันทีที่มีข่าวปรับขึ้นราคาน้ำมันอีก 40 สตางค์ ก็ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆท่านๆ เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาในทันที เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคเตรียมปรับขึ้นราคากันเป็นทิวแถว ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศก็ยังไม่มีวี่แววจะกระเตื้องขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแบบนี้...ตายหยังเขียด แน่นอนเจ้าค่ะ

*แม้ตลาดหุ้นวานนี้จะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 906.66 จุด ลบไป 8.37 จุด ทั้งที่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาไม่ขาดสาย "โมนิก้า" มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง จึงมีแรงเทขายทำกำไรออกมาหยั่งเชิงดูว่ามีคนเข้ามารับหุ้นที่ขายออกมาหรือเปล่าเท่านั้นเอง

*เมื่อเห็นว่ามีแรงช้อนซื้อเข้ามาในช่วงที่หุ้นอ่อนตัวลงมาแรงๆ แรงเทขายก็เลยปรับเปลี่ยนมาเป็นแรงช้อนซื้อแทน เพราะขืนทุ่มเทขายหุ้นออกมามากเท่าไหร่ ก็คงไม่แคล้วคลาดเป็นการขายหมูอีกตามเคย...ดัชนีถึงยืนปิดเหนือแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 900 จุดได้เป็นวันที่ 2 ไงหล่ะค่ะ

*น่าเป็นห่วงตรงที่มุมมองของกูรูหัวทองทางด้านตลาดหุ้นดันมองว่า ต่างประเทศให้น้ำหนักประเทศไทยน่าลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่ อาจทำให้นักลงทุนทั่วไปตื่นตกใจเทขายหุ้นทิ้งก่อนเวลาอันควร ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นที่รับรู้กันมาตั้งนานแล้วเดี๊ยนถือว่ากระทบกระเทือนความมั่นใจการลงทุนมากทีเดียวนะจ๊ะ

*โชคดีที่นักลงทุนไม่ได้ตื่นตกใจไปตามกระแสคอมเม้นท์ดังกล่าวทั้งหมด ภาพโดยรวมของตลาดหุ้นถึงไม่ย่ำแย่เสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็มีหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กขึ้นมาให้เห็นประปราย และพอจะเป็นทางเลือกของนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นเป็นหลักนะซี

*สำหรับสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น PTT และ PTTEP ลงหนักกว่าครั้งก่อนๆ นั้นคงเกิดจากก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปมาก จึงมีการเทขายทำกำไรออกมาบ้างตามประสาหุ้นที่ขาดคนดูแล ส่งผลให้การเคลื่อนไหวแต่ละสเต็ปเป็นไปตามแรงซื้อแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติเป็นสำคัญ "โมนิก้า" ถึงกล้าเอาหัวเป็นประกันว่า ราคาหุ้นตอนนี้ไม่ได้overvalue อย่างที่เข้าใจกันนะค่ะ

*ส่วนตัวที่โอเว่อร์จนน่าหมั่นไส้ก็มีเพียง BANPU ตัวเดียวเท่านั้น...เพราะหุ้นพลังงานส่วนใหญ่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า แต่พี่ท่านกลับทะยานสวนกระแสขึ้นมาปิดที่ 468 บาทบวกไป 8 บาทอย่างน่าเกลียดแบบนี้ ต่อให้อมพระมาพูด ก็ไม่เชื่อว่าไม่มีคนคอยทำราคาหุ้นหรอกค่ะ

*ร้อนแรงสุดๆ จนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วห้องค้าหลักทรัพย์ต้องยกให้แบงก์ตราใบโพธิ์SCB เพราะทำไปทำมาราคาหุ้นในกระดานเริ่มทิ้งห่าง KBANK มากขึ้นทุกที ทั้งที่ช่วงแรกๆ ที่แซงหน้าขึ้นมาได้นั้น แก๊ปส่วนต่างราคาหุ้นมีแค่ 0.50 บาทเท่า พอซื้อขายกันนานเข้าแก๊ปราคาหุ้นเริ่มทิ้งห่างมากถึง 2.50 บาท มันชักอย่างงัยอยู่นะค่ะ

*งานนี้จึงต้องติดตามดูอย่างกระชั้นชิด เพราะต่อไปในอนาคต benchmark ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์อาจเป็นแบงก์ตราใบโพธิ์ก็ได้...ใครจะไปรู้ แถมล่าสุดราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 89.50 บาท ถือว่าสวยงามเหลือเกิน ส่วนรายหลังหมดแรงข้าวต้มที่จะไล่ตามจึงวิ่งขึ้นมาปิดได้แค่ระดับ 87 บาทนะจะบอกให้

*เหมือนกับดีลซื้อ บล.เอเพ็กซ์ ระหว่าง บล.แอ๊คคินซัน กับ เมอร์ริล ลินซ์ทำท่าจะอับปางลงกลางคั้น หลัง ซีอีโอ คนเก่ง(ไม่รู้ทำอีท่าไหนบริษัทขาดทุนกว่า 4 พันล้านเหรียญ) แสตน โอนีล ถูกปลดแบบสายฟ้าผ่า ทำให้ธุรกรรมต่างๆ ที่พ่อตัวดีทำไว้ต้องหยุดชงักกลางคัน พร้อมกับมีการทบทวนแผนการลงทุนอย่างเร่งด่วนแบบนี้...ดีลซื้อบริษัทหลักทรัพย์ครั้งนี้จะไม่ล้มให้มันรู้ไปซิ

*ทางด้านบริษัทที่เคลมตัวเองว่าเป็นบรอดแบรนด์เจ้าใหญ่ของประเทศอย่าง TRUEไม่รู้ว่ามีอะไรดีนักหนาราคาหุ้นถึงได้พุ่งขึ้น 2 วันติดๆ จนมาปิดที่ 7.60 บาท บวกไป 0.20บาท ทั้งที่ว่ากันตามเนิ้อผ้า ตัวเลขผลประกอบการก็ยังขาดทุนเหมือนเดิม ส่วนที่พอจะฟังได้ก็มีแค่สัญญาณทางเทคนิคเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น "โมนิก้า" จึงอยากให้นักลงทุนตัดสินใจกันเอาเองว่าจะเดินหน้าเข้าลุยหุ้น หรือถอยออกมาดูลาดเลาเจ้าค่ะ

*เนื่องจาก "โมนิก้า" เห็นหุ้นเจ้าพ่อวงการก่อสร้าง ITD เพิ่งขยับออกจากฐานเป็นวันแรก พร้อมกับขึ้นมาติดในกระดาน Most Active ได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนขณะเดียวกันก็มีวอลุ่มซื้ออัดแน่นเข้ามาตลอดทั้งวัน จึงมองว่าหุ้นก่อสร้างตัวนี้น่าจะให้ผลตอบแทนที่กว่า เพราะราคาปิดที่ 8.55 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไปแค่ 5.55% ยังเหลือแก๊ปให้เล่นไม่ต่ำกว่า 10% นะค่ะ

*น่าจับตามากสุดคงเป็นในรายของ TOG หุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเพียงแค่ปีเศษๆ จู่ๆ กระชากขึ้นมาพรวดเดียวมาปิดที่ระดับ 3.98 บาท บวกไป0.26 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 7% "โมนิก้า" รู้แล้วแหล่ะว่าเกิดจากราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น พวกนกรู้ถึงกระโจนเข้าไล่มือเป็นระวิง เพราะหุ้นมีมูลค่าทางบัญชีตั้ง 3.13 บาท

*แปลประหลาดคงเป็นในรายของ BJC เพราะข่าวดีต่างๆ นาๆ ก็เป็นที่รับรู้กันหมดแล้ว แต่วานนี้ราคาหุ้นกลับกระชากขึ้นทีเดียวเกือบ 22% ก่อนจะมาปิดที่ 64 บาท บวกไป11.50 บาท พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 92 ล้านบาทแบบนี้...ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาซ่อนไว้แน่ๆ ซึ่งเห็นได้จากก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 วันวอลุ่มซื้อโป่งพองจนผิดสังเกตนะซี


:lol: