May 4, 2024   11:00:33 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > KBANK-BBL-SCB-BAY เด่น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 01/11/2007 @ 05:49:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

นักลงทุนกลับมาเทใจให้หุ้นกลุ่มแบงก์อีกครั้ง หลังหมดยุคหุ้นพลังงาน เมื่อปัญหาราคาน้ำมันแพงเริ่มคลี่คลายลง นักวิเคราะห์แนะ KBANK-BBL-SCB-BAY ดาวเด่นซื้อได้ เหตุผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งราคาหุ้นยังจัดว่าถูก มีลุ้นไปต่อ...

* หุ้นแบงก์ผงาดหลังหุ้นพลังงานแผ่ว
นับตั้งแต่สัปดาห์นี้ (29 ต.ค.-31 ต.ค.) นักลงทุนได้เทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานแล้วหันมาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์อีกครั้ง หลังจากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งแรงติดต่อกันหลายวันจากแรงหนุนของราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง จากประเด็นความขัดแย้งของประเทศกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน และพายุที่โหมกระหน่ำแท่นขุดเจาะน้ำมัน

โดยทันทีที่มีข่าวว่ากลุ่มโอเปกมีแนวโน้มจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับพายุที่สงบลง พร้อมกับนักวิเคราะห์มองว่าการหยุดผลิตน้ำมันของ Petroleos Mexicanos บริษัทน้ำมันในเม็กซิโก จะเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น หลังจากก่อนหน้า Petroleos Mexicanos ระบุว่าจะหยุดผลิตน้ำมันดิบวันละประมาณ 600,000 บาร์เรล ในช่วงฤดูพายุ ทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงทันทีกว่า 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ยังคงทรงตัวในระดับสูงที่ 90.38 ดอลลาร์/บาร์เรล (30 ต.ค.)

ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานตามมาจากต้นสัปดาห์ และมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มแบงก์แทนที่ในเวลาเดียวกัน โดยปิดการซื้อขายวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย อยู่ที่ระดับ 907.28 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด หรือ 0.07% มูลค่าการซื้อขาย 32,117.75 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน อยู่ที่ระดับ 23,666.58 จุด ลดลง 411.44 จุด หรือ 1.7% และดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ อยู่ที่ระดับ 315.95 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด หรือ 2.82%

* UBS แนะขาย PTTEP
บทวิเคราะห์การลงทุนโดย UBS วันที่ 30 ตุลาคม 2550 ระบุลดคำแนะนำการลงทุน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) จาก Neutral เป็น Sell แต่เพิ่มราคาเป้าหมายจาก 127 บาทเป็น 138 บาทเพื่อให้สะท้อนแนวโน้มราคาก๊าซในประเทศที่เพิ่มขึ้น
โดย UBS ระบุว่า จากประวัติการณ์ดำเนินของ PTTEP พบว่า บริษัทจะไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควรจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นได้สะท้อนปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นหลัก แต่อัตรากำไรสุทธิที่คิดจากการจำหน่ายน้ำมันดิบของ PTTEP เพิ่มขึ้นเพียง 5 ดอลลาร์/บาร์เรลจากปี 2002 ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ต้นทุนที่ในการสำรวจและผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องลดทอนประโยชน์ที่จะได้รับจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดี UBS ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ PTTEP จากปัจจัยบวกด้านราคาก๊าซในประเทศ และจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาเป้าหมายใหม่ดังกล่าวยังสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการลงทุนพม่าด้วย ขณะที่เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา UBS ได้ให้คำแนะนำ Neutral หุ้น PTTEP และให้ราคาเป้าหมายที่ 127 บาท โดยสะท้อนถึงต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

* ซิตี้กรุ๊ป ดาวน์เกรดหุ้น BANPU จาก ซื้อ เป็น ขาย
บทวิเคราะห์การลงทุนโดยซิตี้กรุ๊ปวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ระบุลดคำแนะนำการลงทุน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) จาก ซื้อ เป็น ขาย ให้ราคาเป้าหมายที่ 372 บาท หลังราคาหุ้นอยู่ในระดับเต็มมูลค่า เนื่องจากได้สะท้อนถึงปัจจัยบวกจากราคาถ่านหิน และมูลค่าเพิ่มจากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
ขณะเดียวกัน ซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า ราคาหุ้น BANPU อยู่ในระดับที่แพงกว่าหุ้นในกลุ่มถ่านหินในภูมิภาคและในจีนเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้น/มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ และอัตราส่วน PEGrowth อยู่ที่ระดับ 2 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในภูมิภาค

นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ปมองว่า แม้แนวโน้มถ่านหินจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ราคาหุ้นในกลุ่มถ่านหินของภูมิภาคได้เพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงเกินปัจจัยพื้นฐานแล้ว ซึ่งทำให้ซิตี้กรุ๊ปลดคำแนะนำหุ้นกลุ่มถ่านหินในจีนและอินโดนีเซียเช่นกัน

* โบรกฯ นอกเสียงแตกมองการลงทุนหุ้นน้ำมันต่างกัน
บทวิเคราะห์โดย บล.ฟินันซ่า ระบุว่า เช้าวานนี้ (31 ต.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อยหลังจาก BoJ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 แต่ถึงกระนั้นธุรกรรม Carry Trade กับ AUD, NZD และ Asian Currencies เป็นไปอย่างเบาบาง หลักๆ แล้วแรงขายเกิดขึ้นในหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันที่ถูกแรงกดดันจาก WTi ที่ลดลงเกือบ 4% คืนวานนี้

โดยล่าสุด Goldman Sachs เพิ่งออกบทวิเคราะห์เช้าวันนี้ว่าถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนควรจะขายทำกำไรน้ำมันหลังราคาปรับตัวขึ้นมาสูงมาก และคาดสำรองจะเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งสวนทางกับ Morgan Stanley ที่เชื่อว่าราคาน้ำมันจะทะลุ 100USD/BBL ในเร็ววัน นักลงทุนจะเห็นว่าเสียงร้องเชิงลบเริ่มเปล่งเสียงออกมาบ้างแล้ว

ภาพการลงทุนโดยรวมเรียกได้ว่าชะลอการลงทุนก่อนการประชุม FOMC คืน 31 ต.ค.นี้ โดยที่ตลาดค่อนข้างแน่ใจว่าจะต้องมีการลดอีกอย่างน้อย 0.25% ขณะที่ US Dollar Index ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เล็กน้อย ที่น่ากลัวก็คือผลการศึกษาของเราพบว่าเราทุกการแข็งค่าของ USD 1% จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง 5-6% เนื่องจากจะมีเงินโยกจากตลาดน้ำมันเข้าตลาดเงินสหรัฐเพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ต้องระมัดระวัง

ตลาดไทยลงไปต่ำสุดลดลง 12.64 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่ม ENERG ก่อนจะรีบาวด์ปิดตลาดลดลงเพียง 0.48 จุด จากแรงซื้อเปลี่ยนกลุ่มเข้ามาที่ BANK โดยเฉพาะ SCB, BAY และ KBANK ตามที่เราคาด ส่งผลให้ 3 ธนาคารปรับตัวขึ้นปิดตลาดช่วงเช้าที่ 2.8%, 3.6% และ 3.45% ตามลำดับ ส่วนวอลุ่มครึ่งเช้ามากถึง 1.5 หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่าเอื้อตอการเก็งกำไรหลักทรัพย์ซึ่งแน่นอนว่า ASP และ BSEC คือหุ้นในใจเรา

มุมมองของนักลงทุนต่างชาติเกี่ยวกับกลุ่ม ENERG เริ่มเสียงแตก (ซึ่งนักลงทุนสามารถดูรายละเอียดได้จาก Non Native Consensus และ See Your Neighbors ซึ่งจะ Update 10.30, 11.30, 15.00 และ 16.30) โดยเฉพาะ BANPU ที่แม้ล่าสุดวานนี้ JPM จะยังคงยืนยันซื้อและมีราคาเป้าหมาย 550 บาท แต่ทว่า Citigroup ได้ปรับลดคำแนะนำเป็นขาย แม้จะมีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาอยู่ที่ 327 บาท อย่างไรก็ดี นักลงทุนพึงทราบว่าราคาปัจจุบันของ BANPU ยังคงสูงกว่าราคาเฉลี่ยใน Non Native Consensus ที่ 365.6 บาท อยู่ 28% เทียบกับเป้าหมายของ FSL ที่ 486 บาท แล้วยังมี Upside เหลือเพียง 6.6%เราจึงปรับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์เป็น Take Profit แล้วจึงค่อย Buy on Weakness เมื่อราคาลงมาอยู่ที่ 446 บาท

พร้อมกันนี้นักลงทุนพึงทราบว่า PTT และ TOP สูงราคาเป้าหมายใน NNC ที่ระดับ 382 บาท และ 92 บาท ที่ 9% และ 4.3% และเรายังคงแนะนำ Trading Buy

ปรับคำแนะนำจาก Positive ในกลุ่มพลังงาน ลงเหลือ Neutral/Take Profit ขณะที่ ขาย Petrochemical และ Shipping และแนะนำนักลงทุนย้ายเงินเข้า KBANK-F, BAY และ SCB ในระยะสั้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์

* หุ้นแบงก์วิ่งตามเศรษฐกิจฟื้นตัวรอรัฐบาลชุดใหม่
นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้นักลงทุนส่วนใหญ่และนักลงทุนต่างประเทศหันมาสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มากขึ้น เนื่องจากมองว่ากลุ่มธนาคารมีความแข็งแกร่งค่อนข้างมาก โดยดูจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2550 ที่ออกมาดี ซึ่งสวนทางกันกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศก็เริ่มฟื้นตัวได้ดี โดยตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มขยับตัวเพิ่มขึ้น เพราะประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หลังประชาชนส่วนใหญ่หวังว่ารัฐบาลใหม่น่าจะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารตั้ง NPL ไปหลายไตรมาสแล้ว จึงอาจจะทำให้มีแนวโน้มที่ผลประกอบการในอนาคตของธนาคาน่าจะออกมาดี

* หุ้นแบงก์ราคายังถูก มีสิทธิ์ไปต่อได้อีก

นายพงศ์พันธุ์ กล่าวต่อว่า อีกทั้ง ในช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารยังไม่ค่อยแพง และราคายังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก ประกอบกับ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างสูง จึงทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างสูงมาก นักลงทุนจึงหันมาสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์

นอกจากนี้ ภาพรวมของธนาคารพาณิชย์ก็ยังไปไปได้ต่อ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศก็เริ่มหันมาสนใจลงในภูมิภาคเอเซียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน เพราะตลาดหุ้นไทยมีศักยภาพที่สามารถทำกำไรได
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อ SCB ให้ราคาเหมาะสม 89 บาท KBANK ราคาเหมาะสม 90 บาท BBL ราคาเหมาะสม 146 บาท และ BAY ราคาเหมาะสม 32 บาท

ด้านนายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้นของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังราคาค่อนข้างถูกมี และยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ธนาคารตั้งสำรองไว้ค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ากำไรในปี 2551 น่าจะมีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมียอดการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น หลังการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ อีกทั้งเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่น่าปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ก็น่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อเช่นกัน
ทั้งนี้ แนะนำซื้อ BAY ให้แนวรับ 28.50 บาท ส่วนแนวต้าน 30.00 บาท และ KBANK แนวรับ 89 บาท แนวต้าน 93 บาท

* KBANK-BBL-BAY เด่น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า นักลงทุนได้เปลี่ยนกลุ่มจากหุ้นพลังงานมาลงทุนในหุ้นธนาคารพาณิชย์ หลังราคาหุ้นพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างสูง และราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง นอกจากนี้ ยังมีแรงเข้ามาซื้อเก็งกำไรเกี่ยวกับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดในคืน 31 ต.ค. นี้ โดยคาดว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% โดยตลาดฯ ก็คาดเช่นเดียวกัน และปัจจัยดังกล่าวหนุนให้หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นในการซื้อขายวันนี้

"ในวันนี้เค้าโยกกลุ่มจากพลังงานมาเก็งกำไรแบงก์ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งก็คือ เข้ามาเก็งกำไรผลการประชุมลดดอกเบี้ยของเฟด หนุนหุ้นกลุ่มแบงก์วิ่งแรง และหากลดตามคาด 0.25% เล่นต่อได้ แต่ก็อาจขายทำกำไรบ้าง แต่ถ้าคงดอกเบี้ย แป้กแน่นอน ทั้งภูมิภาคคงแดงกันหมด และหากลดมากกว่าคาด 0.50% หุ้นวิ่งชัวร์ อาจจะเห็นฮั่งเส็งบวกถึง 1,000 จุด" นายมงคล กล่าว

ทั้งนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามให้ติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืน 31 ต.ค.นี้ โดยจะส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย และทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บล.แอ๊ดคินซัน แนะนำลงทุนหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ โดยยก KBANK เป็นดาวเด่น ให้แนวต้านที่ 90 บาท และแนวรับที่ 88 บาท รวมทั้ง BBL ให้แนวต้านที่ 127-128 บาท แนวรับที่ 121 บาท และ BAY-W1 ให้แนวต้านที่ 16.30 บาท แนวรับที่ 16 บาท
หุ้นน้ำมันถูกขาย แต่มีการโยกมาเล่นหุ้นแบงก์ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปเล็กกว่า ดังนั้นดัชนีฯ เลยขึ้นต่อไม่ไหว นายมงคล กล่าว

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com