May 16, 2024   7:57:11 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้น BWG เขตปลอด(นัก)การเมือง!
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 03/11/2007 @ 20:15:51
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โหมโรงกันตั้งแต่ "ไก่โห่" สำหรับหุ้น เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) และทำท่าจะร้อนแรงฝุ่นตลบ หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดวันแรก 14 พฤศจิกายนนี้ เพราะตั้งแต่ก่อนเปิดจอง หุ้นตัวนี้ก็มีข่าวหลุดมาแต่ไกลว่า จำนวนหุ้นที่เตรียมไอพีโอ 80 ล้านหุ้น มีไม่พอขาย มีคนจองล้นทะลัก ตั้งแต่ยังไม่ทัน "ตั้งโต๊ะ"




แถมลือกันสนั่นว่า ?หุ้นกำจัดขยะ? ตัวนี้มีนักการเมืองใหญ่ระดับ "พ่อมด? เป็น ?ผู้จัดการทีม" และยิ่งมาสะดุดกับข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ปรากฏชื่อของ "บลจ.เอสเส็ค" ติดอยู่ในลิสต์ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 7 สัดส่วน 2.5% จำนวน 6 ล้านหุ้น

ซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่า บลจ.เอสเส็ค แห่งนี้ เป็นรายเดียวกับผู้บริหารกองทุนส่วนบุคคลของ "พร เทพสุทิน" และกองทุนส่วนบุคคลของ "น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน" มารดาและบุตรสาวของ ?สมศักดิ์ เทพสุทิน? แกนนำพรรคมัชฌิมาธิปไตย

สุวัฒน์ เหลืองวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ตอบคำถามโดยปฏิเสธข่าวที่ว่า มี ?สุชาติ ตันเจริญ? คอยเป็นแบ็คอัพอยู่ข้างหลัง และ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" เข้ามามีเอี่ยว

?อันนี้มาจากไหนไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยครับ ส่วนกับคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ผมเองก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว?

ส่วนเบื้องหลังการเข้ามาถือหุ้นของ บลจ.เอสเส็ค สุวัฒน์ชี้แจงว่า เป็นการเข้ามาถือหุ้น เมื่อครั้งบริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 65 ล้านหุ้น ให้กับผู้ลงทุน 29 ราย ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ซึ่ง บลจ.เอสเส็ค เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนจำนวนนี้ ซึ่งถือหุ้นไว้สูงในอันดับต้นๆ

?แต่ยืนยันว่าผมไม่เคยทราบมาก่อนจริงๆ ว่า บลจ.เอสเส็ค บริหารกองทุนส่วนบุคคลให้กับคนในครอบครัวคุณสมศักดิ์ รู้แต่เพียงว่าเป็นกองทุน และสนใจติดต่อเข้ามาลงทุน ซึ่งเราก็ยินดี หุ้น PP ที่จัดสรรให้ผู้ลงทุน 29 ราย ส่วนใหญ่มีทั้งพันธมิตรและพรรคพวกเพื่อนฝูง แต่นักลงทุนไม่ต้องห่วง เพราะพวกนี้จะโดนติดไซเลนท์ พีเรียดเยอะ และส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนกับบริษัทในระยะยาวมากกว่า?

ส่วนประเด็นที่ถูกโยงกับเรื่อง ?หุ้นการเมือง? ก่อนเลือกตั้ง สุวัฒน์บอกว่า เราค่อนข้างมั่นใจในการบริหารของเรา ว่ามีความเป็น ?มืออาชีพ? พอ...?ธุรกิจนี้ ผมเริ่มต้นบุกเบิกเองตั้งแต่ต้น และทำมาเป็นสิบปีแล้ว ดังนั้นธุรกิจเราไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง?

ส่วนคนอื่นจะมี ?การเมือง? แบ็คอัพอย่างไร ตรงนั้นตนไม่ทราบ แต่สำหรับ เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ไม่ได้มีการเมืองเข้ามาหนุนอะไร แต่ก็ยังขยับขึ้นมาเป็นผู้นำได้ ยกตัวอย่างโปรเจคที่เพิ่งชนะประมูลบริหารโครงการเตาเผาขยะที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เราก็ได้ด้วยฝีมือจริงๆ และธุรกิจจัดการขยะอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีจำนวนลูกค้า 1,700-2,000 ราย และครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด 60% ก็มาจากมาตรฐานคุณภาพของเรา ที่ลูกค้ายอมรับ

?ถ้าเอาการเมืองมาผูก แต่การให้บริการไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน ลูกค้าที่ไหนก็คงไม่ใช้บริการ?

ล่าสุด เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน มีแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) รวม 80 ล้านหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 3 บาท/หุ้น พร้อมระบุว่าเป็นราคาที่ให้ "ส่วนลด" กับนักลงทุน 60% โดยเปิดให้จองซื้อตั้งแต่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน และมั่นใจว่าในวันซื้อขายวันแรก 14 พฤศจิกายนนี้ ราคาหุ้นจะยืนสูงเหนือราคาจอง

เมื่อยิงคำถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมี ?ขาใหญ่? เข้ามาปั่นหุ้น ในภาวะตลาดก่อนเลือกตั้ง สุวัฒน์ ตอบว่า ผมคิดว่าปัจจุบันคงทำกันได้ยาก เพราะการสอดส่องดูแลของตลาดหลักทรัพย์ และก.ล.ต. เข้มงวดขึ้น

ผู้บริหารเบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ยังตอบคำถามถึงความต่อเนื่องการเติบโตของรายได้ ภายหลังจากที่ ?คู่แข่ง? อย่าง บมจ.โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) หวนกลับมาเปิดให้บริการศูนย์สระแก้วอีกครั้ง และอาจจะส่งผลต่อดีกรีการแข่งขันในธุรกิจว่า บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์ที่ 60% ไว้ได้เช่นเดิม และตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 20-25%

?เท่าที่ตรวจสอบดู ลูกค้าของเราที่ขยายเพิ่มขึ้น เป็นลูกค้าที่มาจากโปรเฟสชั่นแนลเวสต์ แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากเท่าไหร่?

นอกจากนี้ เราคงไม่พยายามไปเล่นเรื่องสงครามราคากับคู่แข่ง เพราะจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ส่วนถ้าโปรเฟสฯ จะหวนกลับเข้าตลาดใหม่ โดยใช้สงครามราคา ก็คงเกิดได้แค่ชั่วขณะหนึ่ง เพราะก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่ามีต้นทุนการดำเนินงานกันอยู่เท่าไหร่

สุวัฒน์ยังชี้แจงด้วยว่า ถ้ามองจากตลาดปัจจุบัน ยังมีขยะอุตสาหกรรมที่เข้ากำจัดในระบบอย่างถูกต้องเพียง 20% ดังนั้น ยังมีตลาดอีกถึง 80% และมีกลุ่มเป้าหมายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศนับหกหมื่นโรง ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของภาครัฐในการต้อนโรงงานเข้าระบบ และการตื่นตัวของสังคม ส่วนความเสี่ยงจากคดีฟ้องร้อง ซึ่งมีภาคเอกชนยื่นต่อศาลปกครอง ฟ้องร้องหน่วยงานราชการ และขอให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท เบื้องต้นศาลปกครองกลางได้สั่งยกฟ้อง แต่ผู้ฟ้องได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด คดีจึงยังไม่สิ้นสุด

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของเบตเตอร์ เวิลด์ กรีน มีการเติบโตของรายได้ปี 2548-2549 อยู่ที่ 70% จาก 276.04 ล้านบาท ในปี 2548 เป็น 467.62 ล้านบาท และมีกำไรเพิ่มจาก 51.06 ล้านบาท เป็น 70.15 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 53.41 ล้านบาท จากรายได้รวม 302.01 ล้านบาท โดยผู้บริหารประมาณการรายได้ปีนี้ทั้งปีจะเติบโตมากกว่าปี 2549 ประมาณ 20%

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com