May 15, 2024   8:39:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 5 หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง +++++++++
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 05/11/2007 @ 16:58:39
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เดือนตุลาคมถือเป็นเดือนที่ภาวะตลาดหุ้นคึกคักมากสูงสุด เห็นได้จากดัชนีปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 900 จุด ได้เป็นผลสำเร็จในรอบ 11 ปี โดยเป็นการปรับตัวขึ้นจากระดับ 845.50 จุด มาอยู่ที่ระดับ 907.28 จุด หรือเพิ่มขึ้น 61.78 จุด คิดเป็นเพิ่มขึ้น 7.30%

โดยตลอดเดือนตุลาคมจะเห็นชัดเจนเลยว่า หุ้นที่เป็นตัวหนุนให้ดัชนีทะยานขึ้นสู่ระดับ 900 จุด ได้ ล้วนแต่เป็นหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานถือว่าเป็นตัวนำตลาดหุ้นอย่างชัดเจน

ที่สำคัญหากสังเกตหุ้นพลังงานดังกล่าว ล้วนแต่ให้ผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าตลาดหุ้นแทบทั้งสิ้น อาทิ PTTให้ผลตอบแทน23.81% ,PTTEPให้ผลตอบแทน 19.11% และ BANPUที่ถือว่าให้ผลตอบแทนสูงสุดมากที่ระดับ 27.58%

แต่น่าเสียดายแม้ BANPU จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด แต่หากหากนำมาเปรียบเทียบกับบริษัทกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ที่ทำธุรกิจพลังงานทุกด้าน ก็นับว่าคนละชั้นกันอย่างแน่นอน

ที่สำคัญหากนำราคาหุ้นมาเปรียบในเรื่องของมูลค่าหุ้นตามบัญชี PTT ล่าสุด( 2 พ.ย.)อยู่ที่ 114.53 บาท เทียบ BANPU อยู่ที่ 90.14 บาท ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) PTTค่อนข้างต่ำเพียง 13.208 เท่า เทียบกับBANPU ที่ 24.07 เท่า

นอกจากนี้หากนำมาเทียบในเรื่อง P/BV หรือราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นตามบัญชี ของ PTTที่อยู่ที่ 13.20 เท่า ส่วน BANPU อยู่ที่ 4.93 เท่า ที่สำคัญอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.44% PTT อยู่ที่ 4.18% ขณะที่ BANPU อยู่แค่ 1.88 เท่า

เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่นักวิเคราะห์เริ่มที่จะให้คำแนะนำนักลงทุนเป็นเสียงเดียวกันว่าเวลานี้ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวเกินพื้นฐานมากแล้ว

ทั้งนี้เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเดือนตุลาคมได้ชัดเจนมากกว่านี้ "ข่าวหุ้นธุรกิจรายวัน"ได้สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นทั้งตลาดมานำเสนอ แต่ในครั้งนี้จะขอเสนอเฉพาะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง 50 อันดับแรก

ที่น่าสนใจสำหรับหุ้นทั้ง 50 ตัวนั้นการคือการปรับตัวของหุ้นส่วนใหญ่ ล้วนแต่ให้ผลตออบแทนสูงกว่าตลาด โดยพบว่ามีหุ้นมากถึง 43 ตัว ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด

สำหรับหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดคือ TRAF หรือ บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นรับตัวขึ้นแรงที่ระดับ 2.62 บาท จากเดิม1.81 บาท หรือเพิ่ม 44.75% ทั้งนี้แม้ TRAF จะเป็นหุ้นที่ปรับตัวแซงหน้าหุ้นพื้นฐานทุกตัวแต่สำหรับพื้นฐานหุ้นตัวนี้แล้ว คงทำได้แค่เพียงการเล่นเก็งกำไรของนักลงทุนเหมือนที่ผ่านๆมา

ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นรายนี้ขึ้นแรง เนื่องจากบริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กส์จำกัด(มหาชน)หรือ MAJOR ประกาศเข้าเทคกิจการ TRAF ด้วยการแลกหุ้นกับบริษัทเอ็มพิคเจอร์ส์ จำกัด(เมเจอร์ฯถือหุ้น100%)ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น หลังมองว่าโครงสร้างของธุรกิจยังเหมือนเดิมทุกประการ

โดยเฉพาะผลขาดทุนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นภาพสะท้อนความผิดพลาดของการดำเนินธุรกิจที่ไม่รู้ว่า ธุรกิจตัวไหนเป็นตัวทำเงิน ธุรกิจตัวไหนต้องตัดทิ้งเป็นการด่วน ส่งผลให้การรวมตัวกันระหว่าง TRAF กับ MP คงไม่เกิดพลังผนึกอย่างมีนัยสำคัญเหมือนกับที่ผู้บริหารให้ข่าว

อันดับ 2 บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ราคาหุ้นรับตัวขึ้นแรงที่ระดับ 72.00 บาท จากเดิม 50.00 บาท เนื่องจากมีกระแสข่าวในห้องค้าระบุว่าตระกูลสิริวัฒนภักดี ของเสี่ยเจริญ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีแผนนำ BJC ออกจากตลาดหลักทรัพย์และต้องมีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ถือว่าเป็นข่าวที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้แต่บริษัทฯปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว

ทั้งนี้เชื่อว่าจากจุดนี้หุ้นกลับมามีความสนใจอีกครั้ง เพราะอัตรากำไรจากการดำเนินงานมีการฟื้นตัว และคาดว่ากำไรปกติปี 2550 เติบโตถึง 48.4% และภาพรวมธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งนอกจากนี้นักวิเคราะห์ได้คาดกำไรปกติปี 2550 เติบโตก้าวกระโด 48.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากบริษัทได้ปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

อันดับ 3 บริษัท ล็อกซ์เลย์ จำกัด(มหาชน) หรือ LOXLEY ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาที่2.54 บาท จากเดิม 1.84 บาท หรือเพิ่มขึ้น38.04% รับข่าวดีหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบ ที่จะเลือกใช้วิธีออกหวย 2 ตัว 3 ตัวแบบออนไลน์ ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรกันอย่างหนาแน่น

อย่างไรก็ตามล่าสุดเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ชัดเจน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของนโยบายดังนั้นจึงต้องรอให้นายฉลองภพ ว่าจะกล้าตัดสินใจเสนอหวยเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหรือไม่

อันดับ 4 บริษัทไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 6.20 บาท จากเดิม 4.62 บาท หรือเพิ่มขึ้น 34.20%

สำหรับหุ้นรายนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการเก็งกำไร เพราะนับตั้งแต่ครบกำหนดที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) สั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา หุ้นรายนี้ก็ได้ปรับตัวขึ้นแรงมาโดยตลอด

เพราะถ้าหากจะให้หุ้นปรับตัวขึ้นมาด้วยพื้นฐานของ LIVE อาจะไม่ได้ เพราะเห็นกันอยู่ผลงานครึ่งปี 2550 ที่ผ่านมา ก็ยังประสบผลขาดทุนอย่างชัดเจน

สำหรับอันดับ 5 TUCC หรือ บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงท่ะรดับ 11.30 บาท จากเดิม 8.60 บาท หรือเพิ่มขึ้น 31.40 บาท

สำหรับหุ้นรายนี้ที่ปรับตัวแรง เนื่องจากภาวะการลงทุนที่คึกคักทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมาจึงมีหุ้นหลายตัวทำราคาสูงสุดใหม่ตลอดเวลารวมถึง TUCC ด้วย นอกจากนี้หากมองในด้านพื้นฐานหุ้นรายนี้ ถือเป็น 1 ในหุ้นเก็งกำไร ที่สำคัยการปรับตัวของหุ้นนับว่าเกินพื้นฐานอย่างมาก โดยจะสังเกตได้จากอัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี(เท่า) อยู่ที่ 6.16 บาท ( 2 พ.ย.) ซึ่งนับว่าแพงเกินไปสำหรับหุ้นขนาดเล็กที่มียอดขายเพียงปีละ 1,700 ล้านบาท เท่านั้น


:lol: [/color:9c252f00b3">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com