May 15, 2024   12:13:36 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ช็อค!`บจ.เมินตลาดหุ้น หันหน้ากู้แบงก์ขยายลงทุน
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 06/11/2007 @ 16:15:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผลสำรวจผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไทย 110 แห่ง มองภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังเลือกตั้ง เสียงตอบรับขยายการลงทุนมากกว่า 66 % ส่วนราคาน้ำมันในระยะยาวไม่กังวล คาดปรับลดเหลือ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล สำหรับแหล่งระดมทุนอาศัยแบงก์เป็นหลักถึง 76% น่าเศร้ามีบจ.ที่คิดจะระดมทุนจากตลาดหุ้นเพียง 16%

นาย กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ เซอร์เวย์) ของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย จำนวน 110 บริษัท หรือคิดเป็นมูลค่าราคาตลาดรวม(มาร์เก็ตแคป) กว่า 50% ของบริษัททั้งหมด พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่มองแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับดี โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง

ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่มองการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2550 อยู่ระดับ 4-4.4% รองลงมามองว่าจะเติบโตในระดับ 3.5-3.9% ขณะที่ปีหน้าส่วนใหญ่มองว่าจะมีการเติบโตในระดับ 4-4.4% รองลงมามองว่าจะมีการเติบโตในระดับ 4.5-4.9%ซึ่งตัวเลขของปีหน้าที่ออกมาถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้

นอกจากยังสำรวจถึงความคาดหวังการลงทุนของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่กว่า 66% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ 29%ระบุว่าการลงทุนยังอยู่ในระดับเท่าเดิม ที่เหลืออีก 5%บอกว่าการลงทุนอาจลดลง

ส่วนผลกระทบต่อการลงทุนนั้น 69%ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจภายในประเทศ รองลงมาคิดเป็น 47%บอกว่ากังวลกับสถานการณ์ทางการเมือง และ 23% กังวลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันมีผู้ให้ความสำคัญเพียง 19% ของผู้ตอบแบบสำรวจ

สาเหตุที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมันในสัดส่วนที่น้อย อาจเพราะราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงท้ายของการสำรวจแบบสอบถามก็ได้ แต่เท่าที่ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องราคาน้ำมันโดยการปรับขึ้นของราคาน้ำมันรอบนี้คงไม่ยาวนานนัก และมีแนวโน้มว่าจะปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลในอีก 2 เดือนข้างหน้าจึงเป็นไปได้เช่นกันว่าผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่กระทบในระยะสั้น

นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคำถามที่ว่าถ้าลงทุนจะเลือกระดมทุนด้วยวิธีใด ซึ่งผู้บริหารกว่า 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า เลือกขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ รองลงมาคิดเป็น 64%บอกว่าใช้กำไรสะสมในการขยายการลงทุน 20%ออกหุ้นกู้ภายในประเทศ 16% เพิ่มทุนหรือระดมทุนจากผู้ถือหุ้น และ 10%ขอสินเชื่อจากธนาคารต่างประเทศมีเพียง 5% ที่ตอบว่าใช้วิธีออกหุ้นกู้ในต่างประเทศ

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังได้สำรวจความเห็นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มส่งออกด้วยว่า ใน 3 เดือนข้างหน้ามองภาวะการส่งออกเป็นอย่างไร ซึ่งผลสำรวจระหว่างแย่ลงกับเท่าเดิมออกมาเท่ากันคือ 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 16 บริษัท ที่เหลืออีก6% ตอบว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

ส่วนปัจจัยเสี่ยงและแรงกดดันด้านราคานั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามว่า ราคาสินค้าที่ผลิตในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 43% ระบุว่าไม่เปลี่ยนแปลงและมี 36% ที่ตอบว่าปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ 21% ตอบว่าปรับลดลง ส่วนแนวโน้มราคาสินค้าที่ผลิตในไตรมาส4ปีนี้นั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 48% ตอบเช่นเดียวกันว่าไม่เปลี่ยนแปลง มี40% ตอบว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น และ 12% ที่ตอบว่าจะปรับลดลง

ด้านราคาวัตถุดิบช่วงไตรมาส3 ที่ผ่านมา จากผลสำรวจพบว่าผู้บริหารกว่า 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าราคาวัตถุดิบได้ปรับเพิ่มขึ้น และมี 23%บอกว่าราคาไม่เปลี่ยนแปลงที่เหลือ 5%บอกว่าปรับลดลง ขณะที่ไตรมาส 4 นั้น ผู้บริหารส่วนใหญ่กว่า 78% มองว่าราคาวัตถุดิบจะปรับเพิ่มขึ้น และ 17% บอกว่าไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียง 5% ที่บอกว่าอาจปรับลดลง

"ตัวเลขนี้สะท้อนว่า หากบริษัทจดทะเบียนไม่เร่งปรับตัวอาจส่งผลต่อแนวโน้มการทำกำไรได้ เพราะผลสำรวจบอกว่าราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ จึงต้องไปหาวิธีลดต้นทุนทางอื่นเพื่อไม่ให้กระทบต่อการเติบโตของกำไรสุทธิของตัวบริษัท อย่างไรก็ตามมีกว่า 40% ที่บอกว่าราคาสินค้าอาจปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งตัวเลขนี้อาจกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อได้เช่นกัน"ดร.กอบศักดิ์กล่าว

ด้าน นางเพ็ญศรี สุธีรศานต์ ผู้อำนวยการสมาคมบริษัทจดทะเบียน กล่าวว่า การสำรวจรอบนี้ยังได้สอบถามเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งในเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้งนั้น ผู้บริหารกว่า 50% มองว่าหลังการเลือกตั้งการเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และมี 32% ที่มองว่าเหมือนเดิม ส่วนที่เหลือ 18% มองว่ามีเสถียรภาพน้อยลง

สำหรับเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้าหลังการเลือกตั้งนั้น ผู้บริหารกว่า 75% มองว่าจะดีขึ้น และ 18% ตอบว่าเหมือนเดิม มีเพียง 7% ที่ตอบว่าจะแย่ลง

ส่วนสิ่งที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอยากเห็นมากสุดในรัฐบาลชุดใหม่นั้น 52%ตอบว่าต้องการให้ภาครัฐเร่งโครงการเมกกะโปรเจ็ก และมี 44% ที่ตอบว่าต้องการให้กระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่อีก 18% ตอบว่าต้องการให้ดูแลความผันผวนของค่าเงินบาท ที่เหลืออีก 12% ตอบว่าอยากให้กระตุ้นการส่งออก

ข่าวหุ้น[/size:dac150137d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com