*"โมนิก้า" ต้องกลำกลืนฝืนทนพาดหัวแบบนี้ เพราะปัจจัยลบหลายอย่างถาโถมเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากเหลือเกิน จนนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนกันเป็นทิวแถวเดี๊ยนถึงมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพูดปลอบประโลมใจ หลังเห็นกันอยู่ท่นโท่ว่าดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัวลงไปอีกเรื่อยๆ

*เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่มีลิต กลายเป็นตัวกัดกร่อนความมั่นคงทางเศรษฐกิจทั่วโลกไปแล้ว ขณะที่ปัญหาซับไพร์มก็มีคนจุดประเด็นว่าจะสร้างปัญหาหนักกว่าครั้งก่อนหลายเท่าแบบนี้...ตลาดหุ้นไทยจะยืนหยัดต้านทานแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติได้อย่างไรเจ้าค่ะ

*ในเมื่อตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบความเชื่อมั่นในการลงทุน มักเทขายหุ้นเพื่อเอาเงินสดมานอนกอดให้อุ่นใจเป็นประจำ "โมนิก้า" ถึงมองว่าภาวะการลงทุนยามนี้แย่หนักกว่าเก่า เพราะหุ้นบลูชิพหลายตัวโดนกระหน่ำเทขายตลอดทั้งวัน

*ยิ่งช่วงเช้าวานนี้เห็นดัชนีรูดลงไปทีเดียวถึง 15 จุด หลังจากนั้นค่อยตีตื้นขึ้นมาทีละเล็ก ทีละน้อย ก่อนจะมาปิดที่ 873.64 จุด ลบไป 6.63 จุด ยิ่งทำให้เดี๊ยนหวั่นใจกับท่าทีของนักลงทุน เพราะพฤติกรรมการ ชักเข้า ชักออก แสดงถึงความไม่มั่นใจในการลงทุนฝั่งลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของนักลงทุนต่างชาติ

*หากมีอะไรเข้ามากระทบกระเทือนจิตใจก็พร้อมจะทิ้งหุ้นโดยไม่สนใจใยดีแบบนี้ "โมนิก้า" ถือเป็นเรื่องที่หนักใจอย่างมาก เนื่องจากต้นสัปดาห์นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นถึง 1หมื่นล้านบาท และเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนีร่วงถึง 20 จุด ไม่ให้เดี๊ยนคิดมากได้อย่างไรหล่ะค่ะ

*ลองคิดดูแล้วกันว่า ถ้านักลงทุนต่างชาติตั้งป้อมเทขายหุ้นออกมาอีก 1 หมื่นล้านบาทจากที่ซื้อสะสมไว้ 9 หมื่นล้านบาท สงสัยดัชนีต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ที่บริเวณ 850 จุดแล้วกระมั่ง...งานนี้นักลงทุนรายใดที่คิดจะซื้อหุ้นตุนไว้ในพอร์ต น่าจะใช้วิธีทยอยเก็บหุ้นไปเรื่อยๆ นะค่ะ

*เนื่องจากการตะลุยซื้อหุ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตาก็คงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรทั้งนั้นเพราะยามนี้มาร์เก็ตเมกเกอร์กำลังเบือนหน้าหนีตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัวมากกว่าปรับตัวขึ้นนะจะบอกให้

*เมื่อเป็นเช่นนี้หุ้นขนาดเล็กก็เลยกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แม้มูลค่าการซื้อขายจะไม่หนาแน่นเท่าหุ้นขนาดใหญ่ แต่ก็พอจะเรียกเสียงฮือฮาจากนักเก็งกำไรทั้งขาจรและขาประจำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในรายของ MILL 2 วันแรกของการเข้าซื้อขายราคาหุ้นเปิดกระโดด พร้อมกับวิ่งตะลุยขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว

*ครั้นพอถึงวานนี้ ราคาหุ้นกลับหมดแรง ลมปากอ่าวเอาดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดกันเจื้อยแจ่วราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปถึง 9 บาท "โมนิก้า" ก็เลย เอ่อ อ๋อ ห่อหมก ไปกับพรายกระซิบด้วยคน แต่พอเห็นราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 5.35 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไปถึง 10% มันก็ชักอย่างไงอยู่...เนื่องจากพรายกระซิบยืนยันว่า ต้องดันถึง 9 บาทชัวร์ๆงานนี้จึงต้องฟังหูไว้หูอีกแล้วครับท่าน

*ส่วนหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม SAM ก็เผยธาตุแท้ให้เห็นว่า หุ้นปรับตัวขึ้นแรงสุดๆก่อนหน้านี้เกิดจากการปั่นราคาลูกเดียว เพราะเมื่อสำรวจตรวจสอบจากกูรูสำนักต่างๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุบเอาของเหมือนกับที่เคยทำไว้ในอดีต หลังจากนั้นก็เปิดฉากดันราคาหุ้นหาเงินเข้ากระเป๋าอีกรอบ

*เนื่องจากจริงๆ ราคาหุ้นไม่ควรปรับตัวขึ้นมาได้ไกลตั้งแต่ต้น แต่เผอิญมีบรรดาเสี่ยใหญ่ เสี่ยเล็ก เสี่ยหนึ่ง เสี่ยสอง ขันอาสาเข้ามาทำราคาแบบไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ราคาหุ้นถึงเหินทะยานขึ้นมาแตะ 10 บาท หลังจากนั้นก็ร่วงลงมาเรื่อยๆ จนวานนี้อ่อนตัวลงไปถึง 29.83% หรือลบไปถึง 1.82 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 4.28 บาท และมีทีท่าจะลงไปกองอยู่แถวๆ 3 บาทนะจะบอกให้

*สำหรับในรายของ TRC กระชากขึ้นมาปิดที่ 5.25 บาท บวกไป 0.33 บาทหรือขจึ้นไปถึง 6.70% "โมนิก้า" ถือเป็นเรื่อง ชิล ชิล เพราะหุ้นตัวนี้มีสตอรี่ที่ดีรองรับเต็มประตูหน้า ประกอบกับเป็นหุ้นต่ำสิบ ซื้อง่าย ขายคล่อง นักลงทุนถึงกระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง งานนี้หากไม่สุดวิสัยจนเกินไป เดี๊ยนขอแนะนำให้นักลงทุนโหนกระแสเก็งกำไรไปด้วยเลยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TMB พอเริ่มเห็นเค้าร่าง "ฟ้าหลังฝน" นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศก็กระโจนเข้าไล่ราคาหุ้นอุตลุด จนราคาหุ้นบวกสวนกระแสก่อนจะมาปิดที่ 1.70 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไปถึง 7.59% อย่างง่ายดายพร้อมกับแรงซื้อที่แน่นขนัด แสดงว่าวันนี้หุ้นจะไปต่อแหงๆ

*ทางด้านหุ้น UNIQ ซึ่งเป็นน้องเล็กตระกูลยู แสดงความแข็งแกร่งทางด้านฐานมวลชนด้วยการไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 3.36 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 5.66%ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 58 ล้านบาท ขาใหญ่บางคนอาจมองว่าไม่น่าสนใจ แต่เดี๊ยนกลับมองว่า หุ้นยังมีแก๊ปส่วนต่างราคาให้ฟันกำไรอีกเพียบ จึงไม่ควรลังเลใจที่จะเข้าซื้อหุ้นนะจะบอกให้


:lol: