โบรกเกอร์ประสานเสียงสิ้นปีดัชนีแตะ 900-960 จุด ส่วนปีหน้าแตะ 1,000 จุดแน่นอน ฟันธงดัชนีจะเริ่มปรับตัวขึ้นอีกรอบช่วงต้นเดือนธันวาคม จากแรงซื้อเก็งกำไรเฟดลดดอกเบี้ย 11 ธ.ค. ลุ้นผลประกอบการไตรมาส 4 เชียร์ซื้อ BEC MCOT CK ITD BBL SCB KBANK

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์(บล.)นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปีนี้คาดว่าจะสามารถแตะ 900 จุดได้ ส่วนปีหน้าดัชนีจะขึ้นไปถึง 1000 จุด เนื่องจากได้รับผลดีจากราคาสินค้ากลุ่มโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วยหนุนให้ราคาหุ้นที่อิงกับสินค้าในกลุ่มนี้ได้รับผลดี อย่างไรก็ดีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ราคาสินค้าต่างๆ ปรับตัวแพงขึ้น ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 860-850 จุด จะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เพราะนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ

ด้านนางสาววราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ซีมีโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีสิ้นปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นถึงระดับ 960 จุด โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากมีการกำหนดการเลือกตั้ง ส่วนแนวโน้มในปีหน้าคาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 1,000 จุดในช่วงไตรมาส 3 หลังจากที่จะได้รัฐบาลชุดใหม่และรัฐบาลใหม่กำหนดนโยบายได้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนทิศทางของดัชนีในเดือนพ.ย.นี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนได้ขายทำกำไรเพื่อปรับพอร์ต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีแรงซื้อเข้ามาตอบรับกับทิศทางของการเมือง และราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งในช่วงเดือนธ.ค. เนื่องจากเป็นการซื้อเก็งกำไรบริษัทที่มีผลประกอบการไตรมาส 4

สำหรับหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการเลือกตั้ง คือหุ้นกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ เนื่องจากในช่วงเวลานี้ทางพรรคการเมืองจะมีการหาเสียง ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในธุรกิจดังกล่าว โดยหุ้นที่โดดเด่นคือ BEC MCOT และ EPCO เนื่องจากเป็นหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อและจะมีรายได้สนับสนุนจาการหาเสียงจากพรรคการเมืองต่างๆ

อย่างไรก็ตาม BEC น่าสนใจมากกว่าหุ้น MCOT เนื่องจากได้รับผลดีจากผังรายการที่ค่อนข้างมีความชัดเจนกว่า ส่วน EPCO แนะนำให้เก็งกำไรได้ เนื่องจากได้รับผลประโยชน์จากการหาเสียงเช่นกัน ทั้งนี้ให้ราคาเหมาะสมของ BEC ปีนี้ที่ 25.70 บาท ส่วน MCOT ให้ราคาเหมาะสมที่ 27.10 บาท

ส่วนหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะได้รับประโยชน์จากโครงการเมกะโปรเจ็กของรัฐบาลที่จะทยอยออกมาในปีหน้า ทั้งนี้แนะนำหุ้น CK และ ITD) เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการออกมาดี และราคายังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีก รวมทั้งเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผล และมีโอกาสคว้าโครงการเมกะโปรเจ็กของรัฐบาลได้ โดยประเมินราคาพื้นฐาน ITD ที่ 8.90 บาท และ CK ที่ 11.70 บาท

ส่วนกลุ่มแบงก์ยังแนะนำให้ซื้อเช่นกัน เนื่องจากปีหน้ากลุ่มดังกล่าวจะมีผลประกอบการโดดเด่น เพราะภาระตั้งสำรองหมดลงในปีนี้ และส่งผลให้ปีหน้ามีรายได้จากการดำเนินงานอย่างเต็มที่ โดยแนะนำหุ้น BBL SCB KBANK เพราะมีการเติบโตจากค่าธรรมเนียมและสินเชื่อดี โดยประเมินราคาพื้นฐานของ BBL ไว้ที่ 150 บาท KBANK ไว้ที่ 93 บาท และ SCB ไว้ที่ 79 บาท


:lol: