May 17, 2024   5:20:34 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แฉวิธีดันราคาหุ้นใหม่...
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 15/11/2007 @ 16:13:11
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แฉเบื้องหลังหุ้นใหม่ ร้อนแรง ใช้วิธีตั้งราคาไอพีโอต่ำ ขายหุ้นไม่มาก ทั้งยังเก็บเข้าพอร์ต
เพื่อดันราคาเทรดวันแรก ทุกตัวมาแพทเทิร์นเดียวกันตั้งแต่ TNDT MILL BWG MJD แต่ละตัวมีฟรีโฟลทแค่ 20-25% เชื่อ เมเจอร์ฯ ใช้รูปแบบเดียวกัน งานนี้คนรวยไม่ใช่บริษัท เงินเข้ากระเป๋าคนมีหุ้นมาก เตือนรายย่อยเล่นได้แต่อย่าไล่ตามราคาจะออกของไม่ทัน ดูประวัติศาสตร์ TNDT และ MILL

หุ้น เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน หรือ BWG เดินตามรอยหุ้นใหม่รุ่นพี่ 2 ตัว TNDT และ MILL ที่เข้าซื้อ ขายในตลาดหุ้น เพราะวันแรกที่เข้าเทรดหุ้นในกระดานร้อนแรงมาก ราคาเปิดแต่ละตัวข้ามหัวเกิน 30% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอ วานนี้ BWG ราคาเปิดเทรดที่ 8.30 บาท ขณะที่ขายไอพีโอหุ้นละ 3 บาท และวานนี้หุ้นปิดเหนือจองถึง 146.67% ราคาอยู่ที่ 7.40 บาท แต่ในภาคเช้าที่ตลาดปิดหุ้นยืนเหนือจอง 180%

ผู้สื่อข่าว "กระแสหุ้น" รายวันรายงานว่า เบื้องหลังการประสบความสำเร็จของหุ้นใหม่เหล่านี้ เกิดจากกลยุทธ์ที่เจ้าของหุ้นร่วมกับที่ปรึกษาการเงิน ใช้วิธีนำหุ้นออกมาขายน้อย ยอมตั้งราคาขายต่ำ เพื่อให้ราคาหุ้นไปวิ่งที่ในกระดาน

เช่น บมจ. ไทยเอ็นดีที TNDT นำหุ้นขายไอพีโอแค่ 20% หรือ 20 ล้านหุ้น ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด 200 ล้านหุ้น ขายราคาหุ้นละ 3.10 บาท บมจ. มิลล์คอน สตีล MILL นำหุ้นออกขาย 100 ล้านหุ้น หรือ 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 400 ล้านหุ้น ขายไอพีโอหุ้นละ 2.90 บาท และ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน BWG นำหุ้นออกขาย 80 ล้านหุ้น หรือ 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 320 ล้านหุ้น ขายไอพีโอหุ้นละ 3 บาท

นอกจากนั้นหุ้นน้องใหม่ตัวต่อไปที่จะเทรดในตลาดหลักทรัพย์ (SET) คือ หุ้น เมเจอร์ ดิเวลล็อปเม้นท์ หรือ MJD ก็ออกมาในแพทเทิร์นเดียวกับรุ่นพี่ 3 ตัวแรก คือ มีหุ้นออกขายแค่ กว่า 20% หรือ 200 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 500 ล้านหุ้น ขายไอพีโอหุ้นละ 4.70 บาท

ดังนั้นการที่นำหุ้นออกขายน้อย ทำให้หุ้นดันง่ายกว่าการที่ปล่อยหุ้นออกมาจำนวนมาก หรือ ที่เรียกว่า เป็นหุ้นฟรีโฟลทต่ำ นอกจากนั้นกลยุทธ์นี้จะทำให้ เงินเข้ากระเป๋าคนที่มีหุ้นมาก กำไรจากการขายหุ้น จะไม่ได้เข้าบริษัท

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เล่าให้ "กระแสหุ้น" รายวันฟังว่า หุ้นไอพีโอที่เอาออกมาขาย จำนวนจริงจะไม่เท่ากับที่ประกาศ เพราะหุ้นส่วนหนึ่งจะถูกเก็บเข้าพอร์ต เพื่อให้ฟรีโฟลทเหลือน้อย การทำราคาในกระดานจึงทำได้ง่ายมากกว่าหุ้นที่มีฟรีโฟลทมาก ซึ่งคุมเกมลำบาก เช่น หุ้น จีสตีล ของ สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ซึ่งนำหุ้นออกมาเทรดมากและจนถึงวันนี้หุ้นก็ยังไม่ยืนเหนือไอพีโอ

"ไม่มีใครมองว่า เป็นกลยุทธ์ที่ผิด ที่ทำให้หุ้นร้อนแรง แต่รายย่อยที่เข้าไปเก็บในกระดาน ควรรู้ว่า มีคนที่มีหุ้นมากอยู่ในมือ ซึ่งเป็นหุ้นที่ไม่ติดไซเรนต์และพร้อมจะขายออกมาทุกเมื่อ รายย่อยจะกลายเป็นคนเข้าไปรับของแพง มีตัวอย่างแล้ว เช่น TNDT และ MILL เรื่องนี้เจ้าของหุ้น บริษัทที่ปรึกษาการเงิน และโบรกเกอร์ที่ขายหุ้น น่าจะรู้คำตอบดีสุด" แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์นี้ เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในช่วงที่ต้องการปลุกตลาดหุ้นให้คึกคัก เพื่อให้นักลงทุนมีหุ้นเลือกให้เล่นมากขึ้น เนื่องจากอดีตที่ผ่านมา หุ้นใหม่ที่เทรดมักต่ำกว่าราคาจอง ทำให้นักลงทุนไม่อยากซื้อหุ้นจอง และตลาดฯก็ขาดบรรยากาศลงทุน ดังนั้นการทำให้หุ้นใหม่คึกคักมีส่วนทำให้สภาพการลงทุนดีขึ้น แต่นักลงทุนรายย่อยที่ไม่ได้หุ้นจอง ควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง

?หุ้นลักษณะนี้จะเห็นชัดว่าเป็นหุ้นมีเจ้ามือทำราคา อาศัยความได้เปรียบที่มีหุ้นมากในมือ ไล่ราคาขึ้นก็ไม่ต้องกลัวโดยใครถล่มหุ้นออกมา ควรคิดเองคนที่ทำหุ้นได้เช่นนี้ ควรเป็นใคร? แหล่งข่าวกล่าว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวถึงกรณีที่ในช่วงนี้ราคาหุ้น IPO ที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกส่วนใหญ่สามารถยืนเหนือราคาจองว่า เกิดจากหุ้นไอพีโอตั้งราคาขายถูก ช่วยดึงดูดความสนใจของนักลงทุน นอกจากนี้ภาวะดอกเบี้ยในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้มีการดึงดูดเงินจากเดิมที่เก็บไว้ในธนาคารหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

อย่างไรก็ตามส่วนตัวมั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของบริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบล.ทิสโก้ เป็นผู้จัดการในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตธุรกิจของบริษัทดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ จึงน่าจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนธุรกิจของเมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์อีกทางหนึ่งได้

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มองว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจอง 3 บาทมากนั้น ส่วนหนึ่งคือการกำหนดราคาขายไอพีโอที่ต่ำ ประกอบกับปริมาณหุ้นที่เสนอขายเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ซื้อน้อย และที่สำคัญพื้นฐานกิจการบริษัทยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งบริษัทใดก็ตามที่มีพื้นฐานกิจการดีและราคาถูก ย่อมจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งจะช่วยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด

นายสุวัฒน์ เหลือวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG เปิดเผยว่า การเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เป็นวันแรกว่า การที่ราคาหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกปรับขึ้นเหนือราคาจองค่อนข้างมาก ถือว่าปรับขึ้นสูงเกินกว่าที่คาดไว้ ซึ่งการที่ราคาหุ้นสามารถยืนเหนือราคาจองได้นั้นน่าจะมาจากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งของบริษัทที่สนับสนุน ส่วนราคาตอนปิดตลาดวันนี้จะสามารถยืนเหนือราคาจองได้หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนเป็นหลัก แต่มองว่าราคาปัจจุบันก็ถือว่าน่าพอใจและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานแล้ว

?เราพอใจกับราคาหุ้นที่เทรดวันนี้มาก เพราะว่าราคาขึ้นไปเกินความคาดหวังของเรา ซึ่งการที่ราคาหุ้นขึ้นเชื่อว่านักลงทุนคงเห็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ส่วนตอนปิดตลาดนั้นราคาหุ้นจะยืนเหนือจองได้หรือไม่คงจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนเป็นหลักมากกว่า

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับโครงการในอนาคตนั้น บริษัทเน้นการทำธุรกิจปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อเป็นวัตถุสังเคราะห์ดิบและเชื้อเพลิงทดแทน โดยใช้เป็นเชื้อเพลิงสังเคราะห์หรือเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในเตาเผาซิเมนต์และเตาเผาอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่บริษัท ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างและทดสอบระบบปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลที่เป็นของเหลวเสร็จแล้วและให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งเดือนก.ย.ที่ผ่านมา สำหรับระบบปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลที่เป็นของแข็ง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณต้นปี 51

ส่วนธุรกิจรับสัมปทานเป็นผู้บริหารจัดการในโครงการศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมโรงงานของกรมโรงงาน ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู มูลค่าโครงการ 1,486 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะได้ข้อสุรปปลายปีนี้

อย่างไรก็ดี บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20 จากปี 49 ที่มีรายได้อยู่ที่ 470 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำรายได้ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตปี 51 เพิ่มขึ้นประมาณ 20-25%

นอกจากนี้ ในปีหน้าเชื่อว่ารายได้จากงานรีไซเคิลจะช่วยให้บริษัทมีกำไรดีขึ้น เพราะว่าจะได้รายได้ 2 ทางจากค่ารับกำจัดขยะ และนำขยะที่แปรรูปแล้วไปขายเป็นพลังงาน ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นเฟส 2 ของโรงงานรีไซเคิลทำเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน

ทั้งนี้ ในเฟสแรกคือการนำของเหลวไปทำเป็นพลังงานได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว และเฟส 2 คือการนำของแข็งไปเป็นเชื้อเพลิงทดแทนอยู่ระหว่างดำเนินการและจะเริ่มทำได้ราวกลางปี 2551 ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้อัตรากำไรสุทธิเติบโตได้ถึง 20%

ปัจจุบันอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทอยู่ที่ 0.53 เท่า และหนี้สินที่มีก็เป็นหนี้สินระยะยาว โดยหลัง IPO ฐานะการเงินบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นอีก หนี้สินที่มีประมาณ 100 ล้านบาทจะได้รับการชำระเกือบทั้งหมดเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย

ด้านนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ราคาหุ้นของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ครั้งแรกวานนี้มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ประเมินว่าเป็นเรื่องปกติซึ่งราคาหุ้นเมื่อขึ้นไปแล้วสักระยะหนึ่งคงจะเป็นไปตามกลไกของตลาดเอง ส่วนการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญที่คำนึงถึงปัญหาของสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนอยู่แล้ว

กระแสหุ้น[/size:c6db9d419c">

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 17/11/2007 @ 18:40:35 :
ขอบคุณค่ะ.... :wink:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com