*ทันทีที่ดัชนีรูดลงหลุดแนวรับ 850 จุด "โมนิก้า" ก็รู้ได้ทันทีว่าลางร้ายกำลังมาเยือนตลาดหุ้นไทย เพราะมันหมายถึงนักลงทุนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ได้เวลาล้างพอร์ตอีกรอบ หลังตลาดหุ้นถูกรุมล้อมด้วยปัจจัยลบนานับประการ ทำให้โอกาสที่ดัชนีจะดีดกลับแรงๆ เป็นเรื่อง อิมพอสซิเบิ้ล ในทันที
*ยิ่งกระหน่ำเทขายหุ้นแบบไม่ยั้งกันด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมายับยั้งกระแสpanic ให้เสียเวลา เพราะพูดไปก็เหมือนกับ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา "โมนิก้า" ถึงบอกว่าเค้าลางไม่ดีกำลังมาเยือนตลาดหุ้นไทย...งานนี้อยากให้นักลงทุนรายย่อยปรับพอร์ตรับกระแสขาลงตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เนิ่นๆ

*เนื่องจากหุ้นบลูชิพอ่อนตัวลงมาอยู่ที่แนวรับสำคัญกันหมดทุกตัว ถ้าหากมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเรื่อยๆ ก็คงลงแล้วลงเลย และหาทางกลับไปยืนเหนือแนวรับสำคัญลำบากเพราะตลาดหุ้นกำลังขาดปัจจัยบวกเข้ามาเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนไงหล่ะค่ะ

*สถานการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทเรียนให้แฟนของ "โมนิก้า" ทำความเข้าใจกับภาวะตลาดหุ้นไทยได้ชัดเจนมากขึ้นว่า ไม่ใช่เฉพาะการขึ้นของตลาดเท่านั้น ที่มีขีดจำกัด แต่การลงก็มีขีดจำกัดเช่นกัน(แต่ไม่รู้จะหยุดลงเมื่อไหร่) อิอิอิ

* สิ่งที่แน่นอนในช่วงผ่านมาก็คือแนวต้านที่ 900 บาท แข็งแกร่งเกินคาดหมาย 3รอบแล้วที่ขึ้นไปทดสอบและขึ้นไปยืนเหนือ แต่ท้ายสุดก็ยืนระยะไม่ได้ ทั้งที่มีการ "เวียนเทียน"เล่นรอบกันของหลายกลุ่มนับตั้งแต่ ปิโตรเคมี พลังงาน สื่อสาร และไฟแนนซ ก็ยังทำท่าออกอาการแผ่ว...แสดงว่านักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจจริงๆ เจ้าค่ะ

*RATCH ความวัวยังไม่ทันหาย ความความก็เข้ามาแทรกจนได้ ซึ่งเป็นผลกรรมของโครงสร้างตัวบริษัทไม่มีความชัดเจนมาตั้งแต่ทีแรก ล่าสุดมาเจอว่าไม่มีสิทธิเข้าประมูลงานไฟฟ้าของรัฐแบบเบ็ดเสร็จ เพราะเสป๊กตัวบริษัทไม่ตรงกับที่บัญญัติไว้ ก็เลยเป็นตัวกดดันราคาหุ้นทรุดตัวทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ก่อนจะมาปิดที่ 45 บาท ลบไป 1 บาท หากวันนี้หุ้นสามารถตีกลับขึ้นไปได้อีกหล่ะก้อ ราคาเท่าไหร่ก็ไม่น่าตาม

*ตรงกันข้ามกับในรายของ EGCOMP เพราะเป็นหุ้นที่ดิฉันเชียร์สุดใจขาดดิ้นมาตั้งแต่บรรพกาล เพราะธรรมชาติของธุรกิจพลังงานมีแต่คำว่า กำไร ยิ่งมีข่าวดีว่าเป็นตัวเต็งคว้าโรงไฟฟ้าไปทำเอง บอกตามตรงว่าไม่มีความจำเป็นต้องทิ้งหุ้น ยิ่งหุ้นเพิ่งทะยานออกจาฐานสดๆ ร้อนๆ ท่ามกลางภาวะการลงทุนที่อึมครึมแบบนี้ ใจเย็นๆ แล้วทยอยเข้าเก็บหุ้นไปเรื่อยๆ จะดีกว่านะคะ

* SCC หุ้นดี ราคาสวย พื้นฐานเยี่ยม แต่ราคานับแต่ต้นปีแสนจะขี้เหร่และอัปลักษณ์ยิ่งกว่าท้าวแสนปม ก็เริ่มตั้งลำได้เสียทีที่ระดับ 220 บาท เมื่อวันศุกร์อ่อนตัวลงไปตามกระแสจนมานอนแอ่งแม้งที่แนวรับ 230 บาท แถมก่อนปิดตลาดทำท่าไม่สวย เพราะแรงขายออกมากแต่ก็มีก๊อกสอง ฮึดกลับมาได้ "โมนิก้า" จึงขอแนะให้จับตาดูดีๆ หลังราคาหุ้นลงมามาก งานนี้อาจมีเซอร์ไพร้ซค่ะ

*ทางด้าน TTA ถือว่าฝึกกำลังภายในเส้าหลินมาดี กระโจนแต่ละทียาวเหยียด (น่าจะไปเขย่งก้าวกระโดดที่โอลิมปิก) สัปดาห์ก่อนเสียท่าหลุดแนวรับ 60 บาทลงไปอย่างรวดเร็ว วันนี้น่าจะได้สติกระโจนกลับมาหาแนวรับเก่าอีกครั้ง เพราะตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3 เขาว่ากันว่า ดีสุดๆ...วันนี้มีลุ้นค่ะ

*ขนาดหุ้นสื่อสารว่ากันว่าปรับตัวลงมากกว่าใครเพื่อน ยังไม่อาจต้านทานแรงเทขายได้ "โมนิก้า" ก็ไม่อยากเหลียวมองหุ้นตัวอื่นให้เสียสายตา เพราะแรงเทขายทำกำไรที่ออกมาด้วยความตื่นตระหนก ห้ามอย่างไรก็เอาไม่อยู่ ยกเว้นจะหันมาเล่นชอร์ตเซลตามกันแสไปเลย...อันนี้พอฟังมีเหตุผลนะค่ะ

*หุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ลุ้นอย่างไร ก็ลุ้นไม่ขึ้นสักที ทั้งที่ตัวเลขผลประกอบการก็ออกมาค่อนข้างดี แต่พอมาเจอเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไม่หยุด ไอ้ที่ว่าจะดีขึ้นบ้าง ก็พาลแย่ลงกันใหญ่ "โมนิก้า" จึงขอให้นักลงทุนละเว้นมองหุ้นกลุ่มนี้เป็นการชั่วคราวเหมือนกัน

*ส่วนหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ประเภทสุดยอดโบรกเกอร์ตลอดกาลนั้น คงต้องเลือกเล่นเป็นเฉพาะตัวๆ ไป แต่ที่อยากให้จับตาดูเป็นพิเศษ คงเป็นกลุ่มโบรกเกอร์หัวแถวที่สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ตลอดเวลา อาทิ KEST KGI ASP และ PHATRA โดยพยายามเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ตกหนักๆ ให้ได้มากสุด...เพราะมันเป็นผลกำไรที่นักลงทุนจะได้รับในอนาคตนะจะบอกให้

*ย้ำเตือนเป็นครั้งสุดท้าย...ขอย้ำว่าเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะพูดถึงหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม ของคุณพี่ คุณป้า คุณน้า คุณอา ติดหล่มกันเป็นทิวแถวว่า หากไม่ตัดใจขายทิ้งตั้งแต่เนิ่นๆ เพียงแค่หวังว่าระยะเวลาเกือบ 1 เดือนจะทำให้หุ้นดีดกลับได้ ถือเป็นความคิดที่เข้าข้างตนเองมากๆ และพาลจะทำให้หมดเนื้อหมดตัวได้ง่ายๆ เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นขึ้นมากเกินไปพะยะค่ะ

*สัปดาห์เดียวดัชนีปรับตัวลดลงถึง 25 จุด ถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ซึ่งจะทำให้วันนี้ดัชนีเกิดการรีบาวนด์อย่างแน่นอน เพียงแต่การรีบาวนด์ในครั้งนี้ ไม่ได้ยืนยันถึงการกลับทิศกลับทางอย่างเต็มรูปแบบนะค่ะ

:lol: