April 29, 2024   10:10:15 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ตลท.หั่นเป้า บจ.รับรัฐบาลใหม่
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 20/11/2007 @ 21:08:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลท.ประกาศนโยบายปี 51 หั่นเป้าบริษัทจดทะเบียนหน้าใหม่เหลือ 37 บริษัทรับรัฐบาลชุดใหม่ จากปีนี้ตั้งเป้าเหลือเฟือ 100 บริษัท และแม้จะถอยลงมาเหลือ 64 บริษัทแล้ว แต่ความจริงที่ปรากฏในขณะนี้มีเพียง 9 บริษัทเท่านั้น พร้อมลดเวลาจ่ายเงินจาก T+3 เหลือ T+2 ล่าสุดยังหวัง กระทรวงการคลังจะยังให้สิทธิลดภาษีเพื่อจูงใจให้เข้าตลาดต่อ หลังจะหมดโอกาสนี้ตั้งแต่สิ้นปี 50 เป็นต้นไป



* ตลท.ตั้งเป้า บจ.ใหม่ปี 51 แค่ 37 บริษัท พร้อมลดเวลาจ่ายเงินค่าหุ้นเป็น T+2


ว่ากันว่าในที่สุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก็ยอมรับความจริง เมื่อในงานประกาศวิสัยทัศน์เชิงรุกปี 51 ที่ปรากฏว่า นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ได้ตั้งเป้ามีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าระดมทุน 37 แห่ง แบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 12 บริษัท
ทั้งนี้ บริษัทที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ปีหน้าจะมีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่จำนวน 5 แห่ง โดยมีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ล้านบาท ขนาดกลางมีมาร์เก็ตแคปตั้งแต่ 1,000-10,000 ล้านบาท จำนวน 10 แห่ง มาร์เก็ตแคปขนาดเล็กน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 10 แห่ง ส่วน MAI มาร์เก็ตแคป เฉลี่ยอยู่ที่ 500 ล้านบาท จำนวน 12 แห่ง

นอกจากนี้ ในปีหน้าจะลดระยะเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จากภายในวันทำการที่ 3 หรือ T+3 เป็นภายในวันทำการ ที่ 2 หรือ T+2 และการพัฒนาระบบ front เพื่อรองรับธุรกรรม Repo สำหรับด้านอุปสงค์จะมีการเพิ่มขยายฐานผู้ลงทุนโดยกำหนดเป้าหมายให้จำนวนผู้ถือหลักทรัพย์และผู้ถือหน่วยกองทุนรวมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5

* ปีนี้ทำได้ต่ำกว่าเป้าสุดๆ

ขณะที่จากการรวบรวมข้อมูลพบว่าตั้งแต่ต้นปี 2550 จนถึงปัจจุบัน (20 พ.ย.50) ปรากฎว่ามีบริษัทที่เข้าระดมทุนใน ตลท. และตลาดเอ็มเอไอ รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ ตลท. ตั้งไว้มหาศาลแต่แรกที่ 100 แห่ง และยอมถอยลงมาเหลือ 64 แห่ง แบ่งเป็นเข้าระดมทุนใน SET 40 แห่ง และเอ็มเอไอ 24 แห่ง ในขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้จะมี บจ.ใหม่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเอ็มเอไอรวมทั้งสิ้น 2 แห่ง โดยประกอบด้วยบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เข้าจดทะเบียนใน SET และ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT เข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็มเอไอ

ส่วนหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใน SET ทั้ง 5 แห่ง ช่วงที่ผ่านมาประกอบด้วยบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ, บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC, บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ TYM และ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG

ในขณะที่ตลาด เอ็มเอไอ ประกอบด้วย บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL, บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT, บริษัท มัลติแบกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MBAX และบริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS

* สัญญาณอันตราย บจ.ปีนี้มีแววกำไรร่วง ท่ามกลางดัชนีฯ ผันผวน



ประเด็นการปรับลดเป้า บจ.ที่มีมาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแนวโน้มของกำไร บจ. ในปีนี้มีโอกาสที่จะลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดย นางภัทรียา ประเมินว่า เนื่องจากในปีนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS39 ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าและราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่กดดันความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น

ในขณะที่ภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยที่มีการเคลื่อนไหวผันผวนเป็นไปตามทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอเมริกาและเอเชีย ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติของการซื้อขาย สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรับลดลง ทางตลาดหลักทรัพย์ฯมีการดูแลการซื้อขายอยู่ตลอด ซึ่งยังไม่พบความผิดปกติในการ ซื้อขายซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงในหุ้นต่างๆ ก็จะต้องมีการรายงานในตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบ
โดยวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ระดับ 830.05 จุด ลดลง 1.09 จุด หรือ 0.13% มูลค่าการซื้อขาย 27,549.78 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิ 4,873.91 ล้านบาท ซึ่งรวมครึ่งเดือนมียอดขายสุทธิแล้วเกือบ 30,000 ล้านบาท

* ดัชนีฯ เคลื่อนไหวตาม ตปท.-พรรคการเมืองไม่หนุนตลาดทุน
นางภัทรียา ระบุว่า ช่วงนี้เห็นว่าการซื้อขายเปลี่ยนแปลงดัชนีฯ ขึ้นลงมากเป็นไปตามตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยแม้หุ้นหลักทรัพย์บางตัวจะเคลื่อนไหวสวนกับตลาดฯ ที่ลง แต่ถือเป็นภาวะปกติในการซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่มีอาจมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใช้นามสกุลเดียวกันกับนักการเมือง แต่ตลาดฯ ก็มีการดูแล และไม่พบความผิดปกติในการซื้อขาย หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่น มีการถือครองหุ้นมากกว่า 5% ก็ต้องมีการรายงานให้ตลาดฯ ทราบ

นอกจากนี้ แม้ประเทศไทยจะจัดให้มีการเลือกตั้งแล้ว แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมีนโยบายสนับสนุนตลาดทุนอย่างแท้จริง ส่งผลให้ ตลท. ได้ส่งหนังสือเชิญให้พรรคการเมืองใหญ่ 6 พรรค มาแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตลาดทุนในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ซึ่งจากการหารือเบื้องต้นพบว่ามีพรรคการเมือง 4 พรรคใหญ่ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมซึ่งเชื่อว่าการเปิดวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดทุนไทย

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุแล้วว่า ประชาธิปัตย์อาจจับมือกับพรรคการเมือง 3-4 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม แข่งกับพรรคพลังประชาชนที่อาจชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เช่นกัน

* ตั้งเป้ามาร์เก็ตแคป ตลท.ปีหน้า 7 ล้านล้านบาท เพิ่ม นลท.หน้าใหม่ 1 แสนคน

ด้านนายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ในปีหน้าตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปตลาดหลักทรัพย์รวมอยู่ที่ 6.9-7 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 6.6 ล้านล้านบาท ส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน คาดว่าจะอยู่ที่ 22,000 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 17,500 ล้านบาท โดยมี P/E อยู่ที่ 20 เท่า

ในขณะที่ตั้งเป้าจำนวนนักลงทุนรายใหม่ 1 แสนราย โดยจะมาจากนักลงทุนที่ลงทุนด้วยการเปิดบัญชีผ่านบริษัทหลักทรัพย์ 2.5 หมื่นราย และลงทุนผ่านกองทุนรวม 7.5 หมื่นราย ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ลงทุนรวมในปีหน้าเพิ่มเป็น 1.96-2 ล้านราย หรือคิดเป็น 3% เทียบกับประชากรของประเทศจำนวน 65 ล้านคน

"ปีหน้าคาดว่าจำนวนนักลงทุนจะเพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้ที่มีนักลงทุนประมาณ 1.86 ล้านราย ซึ่งเป็นการลงทุนเองรวมถึงลงทุนผ่านกองทุนรวม นายวิเชฐ กล่าว

นอกจากนี้ ตลท. จะมีการสนับสนุนให้มีการขยายการทำธุรกรรมผ่านสถาบันตัวกลาง เช่น บริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น โดยจะมีการรณรงค์ให้บริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวจัดตั้งสาขาทางอินเทอร์เน็ต (ไซเบอร์บลานซ์) เพื่อให้บริการนักลงทุนในการสั่งซื้อหุ้นได้โดยตรง ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะมีสาขาไซเบอร์บลานซ์เพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 40 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 30 กว่าแห่ง โดยสาขาใหม่

ดังกล่าวจะกระจายอยู่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ซึ่งจากการเอื้ออำนวยความสะดวกดังกล่าว น่าจะเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนใหม่ในปีหน้าอีกประมาณ 100,000 ราย
"ไซเบอร์บลานซ์มีต้นทุนที่ต่ำ การจัดตั้งใช้งบลงทุนเพียง 1-5 แสนบาทต่อสาขาก็จัดตั้งได้แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเชื่อมสั่งซื้อหุ้นโดยตรงและเพิ่มช่องทางให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดทุนได้มากขึ้น ส่วน บจ.ใหม่ที่จะเข้าตลาดฯ ตอนนี้มียื่นไฟลิ่งมาแล้ว 20 แห่งคงจะเข้าเทรดได้ปีหน้า ส่วนเวลาที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมี บจ.เข้าตลาดอีก 3 ตัว เพราะตอนนี้เข้ามาเป็นตัวที่ 9 แล้ว" นายวิเชฐ กล่าว

* เร่งผลักดันด้านการลดหย่อนภาษีจูงใจ บจ.

อย่างไรก็ตาม ยังมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยจะเร่งผลักดันด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่บริษัทจดทะเบียนเพื่อจูงใจให้มีการเข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการจัดทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำแก่บริษัทจดทะเบียนเกี่ยวกับเรื่องการระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน วอร์แรนต์ หรือตราสารหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนและส่งผลต่อการขยายตัวของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จะเร่งสร้างคุณค่าเพิ่มและลดอุปสรรคในการเป็นบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้งเร่งผลักดันด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่บริษัทจดทะเบียนเพื่อจูงใจ ควบคู่กับการจัดทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คำแนะนำให้มีการระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน วอร์แรนต์ หรือตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนและธุรกิจโดยรวม อันจะส่งผลต่อการขยายตัวของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดซึ่งจะสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย

ในขณะเดียวกัน จะขยายการทำธุรกรรมผ่านสถาบันตัวกลาง และพันธมิตร เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย เพื่อส่งเสริมให้มีการเชื่อมต่อด้านธุรกรรมเพื่อการลงทุน เพิ่มช่องทางให้ประชาชนทั่วประเทศที่ต้องการลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดทุน ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของตลาดทุนโดยรวม

* ปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรเพื่อความคล่องตัว

ส่วนนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการและผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลกลยุทธ์การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯจะปรับองค์กรให้มีความพร้อมโดยการพิจารณาถึงโครงสร้างการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้นตระหนักถึง Value Chain และเชื่อมโยงต้นทุนและรายได้เพื่อกำหนดโครงสร้างค่าธรรมเนียม หรือการจัดเก็บค่าบริการต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ ได้มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อธุรกรรมการซื้อขายจากจุดเดียว (Trading System Integration) มีกระบวนหลังการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นอัตโนมัติมากขึ้น (Post Trade Automation) รวมถึงการพัฒนาระบบการกำกับดูแลการซื้อขายให้สามารถครอบคลุมทุกตราสารและเชื่อมโยงกันได้ (Inter-Market Surveillance)

* เน้นสร้างความโปร่งใสเป็นตัวอย่างองค์กรที่กำกับดูแลกิจการที่ดี


ขณะที่ นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการ เปิดเผยว่า จะดำเนินการเพื่อสร้างกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ โปร่งใส เป็นต้นแบบของการเป็นองค์กรที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะมีการสร้างความร่วมมือและข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานผู้กำหนดนโยบายและองค์กรที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืน

รวมถึง การผลักดันให้ ตลท.มีบทบาทที่สำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียนเพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันร่วมกัน

นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบการเปิดเผยข้อมูลให้มีความโปร่งใสเป็นธรรม รวมทั้งจะมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานโดยผ่านการรับฟังความเห็น (PublicHearing) และรับข้อเสนอแนะจากสาธารณชนต่อไปด้วย

ด้านนายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการเพิ่มประเภทสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศในปี 2551 ว่า นอกจากความต้องการของลูกค้าแล้ว จะคำนึงถึงโอกาสทางธุรกิจของการออกสินค้าใหม่ด้วย โดยในปีหน้ามีแผนการออกสินค้าใหม่ ได้แก่ Stock Options, TCR (Transferable Custody Receipt) และการออกตราสารที่ใช้ดัชนีหลักทรัพย์อ้างอิง เช่น FTSE SET Index series นอกจากนี้ ยังมีบริการใหม่ อาทิ Repo Front system รวมทั้งจะมีการปรับลดระยะเวลาการส่งมอบและชำระราคาจากภายในวันทำการที่ 3 เป็นภายในวันทำการที่ 2

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com