Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 21/11/2007 @ 08:48:57 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต โบรกประเมินตลาดหุ้นไทยผันผวน ฉุดมาร์เก็ตแคปตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน หดลงไป 5.5 แสนล้านบาท ประเมินดัชนี 830-820 เป็นจุดซื้อ ชูหุ้นดาวเด่นพื้นฐานแกร่ง ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน 20% นำทีม KBANK ,MINT ,TTA ,ADVANC และ BANPU รับฟันด์โฟร์ และ January Effect คาดดันดัชนีส่งท้ายปีที่ 880-890 จุด
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 พ.ย.2550) เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หลังปรับตัวลดลงแรงช่วงเช้า ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค จึงประเมินว่าดัชนีที่ต่ำกว่า 820 จุดถือเป็นระดับต่ำสุดแล้ว
?ตลาดหุ้นเริ่มรีบาวนด์กลับขึ้นมาในช่วงท้ายตลาดหลังลงไปที่ต่ำกว่าระดับ 820 จุดซึ่งถือเป็นจุด Bottom ขณะเดียวกันตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเราก็มีแรงดีดกลับขึ้นมา ทั้งตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็บวกกว่า 1% หรือตลาดหุ้นฮ่องกงก็กลับขึ้นมาบวกได้?นางสาวมยุรีกล่าว
ทั้งนี้หากพิจารณามาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ช่วงต้นเดือน (1 พ.ย.2550) ที่ระดับ 6.971 ล้านล้านบาท จนถึงปัจจุบัน (20 พ.ย.2550) อยู่ที่ระดับ 6.41 ล้านล้านบาท มีการปรับตัวลดลงประมาณ 555,000 ล้านบาท หรือลดลงไปประมาณ 8% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากมาร์เก็ตแคปหุ้นในกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดที่ 38% ลงมาอยู่ที่ประมาณ 33%
อย่างไรก็ตามประเมินว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลกจะยังคงมีความผันผวนสูงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าภาพของปัญหาซับไพร์มจะมีความชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นที่ระดับดัชนี 830-820 จุดถือเป็นกรอบลงทุนที่น่าสนใจ ขณะที่ประเมินเดือนธันวาคมถึงมกราคมดัชนีมีโอกาสขึ้นไปที่ระดับ 880-890 จุดได้จากเม็ดเงินฟันโฟร์ และผลจาก January Effect จึงแนะนำเริ่มทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางและใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากกว่า 20% เช่น KBANK ให้มูลค่าเหมาะสมในปี 2551 ที่ 96.20 บาท จาแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่หุ้น MINT เองในปี 2551 คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% เมื่อเทียบกับปีนี้ จากการเปิดโรงแรมใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงจะมีกำไรจากการลงทุนใน The Coffee Club ประมาณ 73 ล้านบาท โดยให้ราคาเหมาะสมในปี 2551 ที่ 20.70 บาท
นอกจากนี้ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น TTA จากแนวโน้มธุรกิจขนส่งเรือเทกองแห้งที่ยังสดใสตามความต้องการในตลาดโลกที่สูง และบริษัทย่อย MML ก็มีศักยภาพในการทำกำไรแข็งแกร่งในอนาคต โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 73.92 บาทซึ่งยังมีอัพไซต์ให้เล่นพอสมควร
เช่นเดียวกับหุ้น ADVANC ที่มีอัพไซต์กว่า 20% จากราคาเหมาะสมที่ 101.30 บาท รวมถึงเป็นหุ้นที่Downside Risk ที่ต่ำจากนโยบายการประกันเงินปันผลขั้นต่ำ 6.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 7.2% ไม่ว่าจะมีการลงทุนใน 3G หรือไม่ก็ตาม
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงในช่วงนี้ จะเป็นโอกาสดีที่จะทยอยเก็บหุ้นดีได้ในราคาถูกขึ้น แต่หากไม่พร้อมที่จะนำเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน แนะนำให้ใช้โอกาสปรับพอร์ตหุ้นโดยการโยกไปลงทุนในหุ้นที่ตกลงไปมาก และมีโอกาสขึ้นได้ดีกว่า
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง หรือเก็งการฟื้นตัวของหุ้นชั้นนำที่มีศักยภาพทำกำไรดี จึงแนะนำให้เก็บหุ้น BANPU ,TTA ,KBANK และ ADVANC
ส่วนหุ้น BANPU เมื่อเทียบกับหุ้น TOP ถือว่าน่าสนใจกว่า จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาค่นอข้างมาก จะทำให้มีโอกาสทำกำไรได้ดีกว่า เพราะมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมถึง 25% และยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงโรงไฟฟ้าใหม่ 2 โรงจะเป็นตัวผลักดันผลการดำเนินให้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 444 บาท
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 พ.ย.2550) ปิดที่ระดับ 830.05 จุด ลดลง 1.09 จุด หรือ 0.13% และมี มูลค่าการซื้อขาย 27,549.78 ล้านบาท
ทันหุ้น[/size:8fc1dcf4a2">
|
