April 29, 2024   3:10:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > PTTอ่วมซับไพร์ม
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 23/11/2007 @ 08:52:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

PTT อ่วมซับไพร์ม สั่งปรับแผนออกหุ้นกู้ไตรมาส 4/50 เป็นสกุลบาท แทนสกุลดอลลาร์ ขณะที่ประธานศาลปกครองสูงสุด ยันตัดสินแปรรูปไม่อิงกระแสสังคม ด้านโบรกฯชี้ PTT ปรับแผนออกหุ้นกู้ดีทุกทาง ส่วนการพิจารณาของศาลฯอาจกระทบราคาหุ้นช่วงสั้น คงแนะซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว มูลค่าเหมาะสม 395 บาท

นายพิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงิน และบัญชีองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับแผนออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ ราว 300-400 ล้านเหรียญสหรัฐฯเป็นสกุลเงินบาท จากนั้นค่อยเปลี่ยนจากสกุลเงินบาท เป็น สกุลเงินดอล์ลาร์สหรัฐอีกครั้ง หรือ บริษัทอาจจะชะลอแผนออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯออกไปก่อน โดยสาเหตุที่บริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนดังกล่าว เนื่องจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน หรือ ซับไพรม์ส่งผลเสียหายแก่สถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทอาจต้องรอความชัดเจนของปัญหาซับไพรม์

ส่วนแผนออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท จำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯนั้นยังคงเหมือนเดิม คือเสนอขายภายในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ แต่อาจจะต้องรอความชัดเจนด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศก่อนเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทมีกำหนดออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์และสกุลเงินบาท รวม 500-600 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ยังไม่เอื้อมากนักอาจจะมีการปรับแผนต่อไป

นายพิชัย กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้บริษัทยังมีสภาพคล่องเหลือพอสมควร ส่งผลให้บริษัทสามารถรอความชัดเจน ด้านปัญหาซับไพร์ม และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยได้จนถึงต้นปี 51 เพื่อที่จะรอออกหุ้นกู้ได้

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน PTT เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูปล่าสุดว่า ตอนนี้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นแรงมากเป็น New High โดยน้ำมันดิบดูไบ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (สูงขึ้นถึง 5.15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 103.63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (สูงขึ้นถึง 5.14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) และน้ำมันดีเซลพุ่งสูงขึ้นเช่นกันอยู่ที่ระดับ 110.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (สูงขึ้นถึง 6.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)

โดยภายในสัปดาห์เดียวราคาปรับตัวขึ้นถึง 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในขณะที่ก่อนหน้านี้ราคาก็ปรับตัวสูงขึ้นตลอดและต่อเนื่องโดยมีปัจจัยสำคัญจาก Energy Information Administration (EIA) ระบุว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 313.6 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 28 ล้านบาร์เรล และปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูป ลดลงเช่นกันถึง 2.4 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 131 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 3 ล้านบาร์เรล ประกอบกับบริษัท Valero ในรัฐเท็กซัสและรัฐเทนเนสซี่ ได้ปิดโรงกลั่นฉุกเฉิน (กำลังการกลั่น 100,000 บาร์เรล/วัน)

การปรับขึ้นแรงของราคาน้ำมันในตลาดโลกทุกชนิดทำให้ผู้ค้าฯในประเทศต้องประสบกับสภาวะขาดทุนโดยมีค่าการตลาดที่ติดลบสูงถึง2 บาท/ลิตร บริษัทจึงมีความจำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกทุกชนิดลิตรละ 40 สตางค์ โดยมีผลในวันนี้ (23 พ.ย. 50) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไปส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม. และปริมณฑล ดังนี้คือ น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 ราคาขายอยู่ที่ 28.89 บาทต่อลิตร ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 4 บาท, น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 ราคาขายอยู่ที่ 28.09 บาทต่อลิตร ถูกกว่าเบนซิน 91 ถึง3.50 บาท, น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 ราคาขายที่ 32.89 บาทต่อลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 ราคาขายที่ 31.59 บาทต่อลิตร , น้ำมัน พีทีทีไบโอดีเซล/น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 28.34 บาทต่อลิตร ถูกกว่าดีเซลถึง 1 บาท, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี ราคาขายที่ 29.34 บาทต่อลิตร

นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในสภาวะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวในระดับสูงตามปัจจัยต่างๆทั่วโลกนั้น จึงขอความเห็นใจจากผู้บริโภคควรใช้พลังงานอย่างประหยัดพยายามหันมาใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้นเพราะอย่างน้อยก็ช่วยประหยัดเงินได้ถึงลิตรละ 3.50?4 บาท และช่วยลดภาระของประเทศด้วย

ขณะที่ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงการพิจารณาคดีการแปรรูป บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ว่า คงไม่ต้องเตรียมการ หรือ มีนโยบายการตัดสินคดีเป็นพิเศษ เนื่องจากเรื่องของคดีความถือเป็นการใช้อำนาจตรวจสอบตามกฎหมายที่ต้องพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา คาดว่าเมื่อผลของคดีออกมาก็จะไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมา ศาลปกครองเคยพิจารณาคดีสำคัญมาแล้วหลายคดี หากตัดสินแล้วเหตุผลไม่เป็นไปตามกฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญก็จะไม่ได้รับการยอมรับจึงต้องพิจารณาด้วยความยุติธรรม พร้อมยืนยันว่าการพิจารณาจะไม่เป็นไปตามกระแสสังคม

สำหรับคดีดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก วันที่ 30 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งมีนายจรัญ หัตถกรรม ตุลาการหัวหน้าศาลปกครองสูงสุด เป็นตุลาการเจ้าของสำนวนคดีนี้

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า กรณี PTT จะเปลี่ยนจากออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์เป็นสกุลเงินบาท หรือออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์ หรือออกหุ้นกู้เป็นสกุลยูโรหรือเงินเยนแล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นสกุลดอลลาร์ หรือจะชะลอแผนดังกล่าวออกไปก่อนนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ PTT ก็ใช้วิธีการเดียวกันในการออกหุ้นกู้ล็อตแรก ประกอบกับภาวะตลาดต่างประเทศยังไม่เอื้อดังนั้นการเลื่อนแผนของ PTT อาจจะเป็นทางออกที่ดี

สำหรับกรณีศาลปกครองฯนัดพิจารณาคดีแปรรูปครั้งแรกวันที่ 30 พ.ย.50 ในระยะสั้นคาดว่าจะมีแรงกดดันจากความกังวลในประเด็นผลการพิจารณาคดี แต่ในทางกลับกัน ผลความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีแปรรูปจะทำให้ระยะกลาง-ยาวนักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นในการลงทุนหุ้น PTT มากขึ้นหากผลออกมาเป็นบวก โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากรณีเลวร้ายที่สุด คือ PTT ถูกเพิกถอนออกจากตลาดซึ่งคลังจะต้องใช้งบประมาณในการซื้อหุ้นคืนถึง 4-5 แสนล้านบาทจะไม่เกิดขึ้น

โดยคาดแนวทางการแก้ปัญหาจะเป็นไปในรูปแบบมุ่งสร้างความชอบธรรมและทำให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารกิจการท่อก๊าซให้มากขึ้นโดยการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อแยกบัญชีของธุรกิจให้เห็นและติดตามผลการดำเนินงานได้ชัดเจน โดยเบื้องต้น PTT จะถือหุ้น 100% ทำให้ไม่กระทบกับกำไรในงบการเงิน

ส่วนประเด็นลบที่ตามมาจากการจัดตั้งบริษัทใหม่ คือ ภาระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการโอนสินทรัพย์ซึ่งประมาณการที่ 12,000 ล้านบาท หากเกิดขึ้นจะเป็นลักษณะการจ่ายครั้งเดียว ยุติทุกประเด็น ซึ่งกระทบต่ออัตรากำไรต่อหุ้นของ PTT ที่ลดลงประมาณ 4.26 บาทต่อหุ้น ซึ่งฝ่ายวิจัยเห็นว่ารวมการพิจารณาผลลบจากกรณีการเกิดภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผลกระทบไม่มากจนทำให้ PTT ขาดความน่าสนใจลงไป และยังคงมี upside ประมาณ 12% จากราคาเหมาะสมหลังทดลองหักผลลบจากกรณีการเกิดภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว

อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัย คงแนะนำซื้อลงทุนในระยะกลาง-ยาว โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2550 ที่ 395 บาท ส่วนมุมมองทางเทคนิค PTT เกิดสัญญาณปรับลงระยะสั้น แต่จะยังคงแกว่งตัวเป็นแนวโน้มปรับลดลงดังนั้นแนะนำรอซื้อเก็งกำไรช่วงสั้น ที่แนวรับ แนวรับ 340 บาท แนวต้าน 374 บาท

กระแสหุ้น[/size:4d4ceb1e7a">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com