April 29, 2024   3:37:35 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โหรหุ้นชี้.....
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 30/01/2008 @ 19:43:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ท่ามกลางความวิตกกังวลของนักลงทุน และประชาชนทั่วประเทศ ต่อกรณีความมั่นคงของรัฐบาลและการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ เพื่อร่วมแก้ปัญหาผลจากกระทบซับไพร์ม ส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะอึมครึม ล่าสุด บล.เอเซียพลัส ช่วยผ่าทางตัน จัดโหรหุ้นชื่อดัง "หมอไพศาล-หมอเจษฎา" ร่วมทำนายดวงเมืองและตลาดหุ้น ระบุ "สมัคร" นั่งเก้าอี้นายกฯ ได้ไม่นาน ขณะที่หุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัวช่วงกลางปี ฟันธง!

* วิตกรัฐบาลใหม่ไม่มั่นคง
ในที่สุด 28 มกราคม 2551 ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 อย่างเป็นทางการซึ่งมีชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง และขณะนี้ประชาชนทั่วประเทศ กำลังรอดูโฉมหน้ารัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยขณะนี้มีโผออกมาทุกเก้าอี้แล้ว และค่อนข้างชัดเจนว่ารายชื่อที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนนั้น มักไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใด

สำหรับรายชื่อโผ ครม.ที่เกิดขึ้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เป็นรายชื่อที่สั่งตรงมาจากฮ่องกง นำเสนอผ่านมือขวาอย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่งตัวเองมีชื่อด้วยว่าจะได้นั่งเก้าอี้ รมว.คลัง และโผรายชื่อทั้งหมดนี้ถูกท้วงติงจาก นายสมัคร ว่าจะเปลี่ยนได้หรือไม่ใน 3 ตำแหน่งสำคัญ คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม, นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.พลังงาน
แม้ประชาชนทั้งประเทศจะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ที่ประเทศไทยได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ประเด็นสำคัญที่ยังวิตกกังวลก็คือ รัฐบาลชุดที่หลายคนเรียกว่านอมินี และทีมเศรษฐกิจชุดใหม่นี้จะมีความมั่นคงมากน้อยเพียงใด จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาซับไพร์มขยายวงกว้างไปทั่วโลกได้หรือไม่ แล้วจะเกิดเหตุการณ์ประท้วงภายในประเทศอีกหรือไม่ด้วยเช่นกัน

ความไม่มั่นใจที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลมาจากภาคการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย ดูได้จากตลอดเดือนมกราคม 2551 นี้ นักลงทุนต่างชาติได้เทขายสุทธิออกมากว่า 30,000 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนไทยต่างปรับกลยุทธ์ใหม่ หันมาถือเงินสดเพื่อลดความเสี่ยง แล้วเน้นการลงทุนในรูปแบบการเก็งกำไรเป็นหลัก โดยไม่เน้นถือหุ้นข้ามวันเหมือนในอดีต

* โบรกฯ จัดสัมนาหาทางออกให้นักลงทุน
บรรยากาศความอึมครึมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และในตลาดหุ้นไทยอย่างไร้คำตอบ ส่งผลให้ บล.เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ได้จัดเสวนาเรื่อง "โหราหุ้น : ทำนายทายทักเศรษฐกิจปีหนูไฟ" เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) โดยมีโหรหุ้นชื่อดังเข้าร่วมเสวนา คือ รศ.ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร นักเศรษฐศาสตร์ผู้ศึกษาในโหราศาสตร์สากล เจ้าของนามปากกา ยูเรสโตร์ จากคอลัมน์ถอดรหัสลับดวงดาว ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนายไพศาล ซอยพิบูลย์เวศน์ โหราพยากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์และการพยากรณ์หุ้น

* เจษฎา ชี้รัฐบาลผสมภายใต้แกนนำ "สมัคร" จะมีอายุครึ่งปี
รศ.ดร.เจษฎา เปิดเผยว่า รัฐบาลผสมที่จัดตั้งขึ้นโดยมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะมีอายุเพียงประมาณครึ่งปีเท่านั้น หลังจากนั้นอาจจะมีการยุบสภาในกรณีที่การเมืองมาถึงทางตัน เพราะดาวเสาร์จรจะเข้าเล็งดาวศุกร์ ในช่วงท้ายของปีนี้ ดังนั้นปัจจัยการเมืองจึงเป็นปัจจัยหลักที่จะซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจไทยที่กำลังซบเซาในขณะนี้

นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวในปีนี้ คือ การอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของตลาดเงิน ตลอดจนตลาดทุนทั่วโลกด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯ
"ปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับมุมกุม หรือ ศูนย์องศาของพลูโตจร กับเสาร์และพฤหัส ในเรือนชะตาที่ 8 อันเกี่ยวกับเรื่องการเงินกับต่างประเทศและมุมเล็ง ของพลูโตจร กับมฤตยูในเรือนชะตาที่ 2 อันเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การลงทุนและเงินบาท" รศ.ดร.เจษฎา กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปีนี้ถือได้ว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับ รมว.คลังคนใหม่ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หากการรับมือกับสถานการณ์ผันผวนของปัจจัยลบภายนอกประเทศไม่ได้ ก็มีโอกาสที่บุคคลทั้งสองที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะหลุดพ้นจากตำแหน่งโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นในปี 2550 ดังนั้นจากเหตุผลดังกล่าว จึงมีข่าวออกมาว่านักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังหลายคนได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่

* ไพศาล มองหุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัวช่วงกลางปี
ด้านนายไพศาล เปิดเผยว่า ตามพื้นดวงของนายสมัคร สุนทรเวช เหมาะสำหรับการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย เนื่องจากมีดวงความเป็นผู้นำและจะนำพาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นคนดี ไม่มีการฉ้อโกง

"คุณสมัคร ตามดวงเป็นผู้นำที่ดี อีกทั้งสัมพันธ์กับเศรษฐกิจ เพราะเกิดในราศีมังกร อีกทั้งจะเป็นผู้ที่กลั่นกรองบุคคลได้เป็นอย่างดี เพราะเชื่อว่าเห็นคนไม่ดีเข้ามาร่วมรัฐบาลแล้วก็จะมีการปรับเปลี่ยนหาคนที่ดีเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ตามพื้นดวงของคุณสมัคร ที่เป็นผู้นำที่ดี" นายไพศาล กล่าว

ทั้งนี้ตามคำทำนายในช่วงเดือน ม.ค. ถึง เม.ย. 2551 หรือ 4 เดือนแรกของปีนี้ เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะทยอยเข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากเชื่อว่าหลังจากนี้ไปบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะเริ่มดีขึ้น ตามปัจจัยทางการเมืองที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ จะเริ่มลงตัวในช่วงเวลาดังกล่าว และจากนั้นเดือน ก.ค. 2551 จึงทยอยขายทำกำไร ขณะเดียวกันนักลงทุนไม่ควรที่จะโลภเมื่อมีกำไรแล้วควรที่จะทยอยขายทำกำไรด้วย

* ฟันธง! "สมัคร" นั่งเก้าอี้นายกฯ แค่ 2 ปี
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า ตามพื้นดวงของนายสมัคร สุนทรเวช ทำนายว่า จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 2 ปี เพราะเป็นไปตามเส้นวาสนาของบุคคลดังกล่าว นอกจากนี้ หลังจากที่พ้นจากตำแหน่งนายกฯ แล้วคาดว่านายสมัคร จะเขียนหนังสือบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติและประสบการณ์ในการขึ้นดำรงตำแหน่งครั้งนี้ออกวางจำหน่าย ซึ่งน่าจะได้รับความนิยม เพราะเป็นที่สนในของบุคคลอยู่แล้ว

* ก้องเกียรติ เชื่อตลาดหุ้นเริ่มดีขึ้นหลังการเมืองนิ่ง
ด้าน ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีโอกาสที่จะดีขึ้น หลังจากที่ปัจจัยทางการเมืองเริ่มนิ่ง ซึ่งส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงไหน เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศ ในไตรมาส 1/51 ว่าจะออกมาในทิศทางใด

โดยการพิจารณายกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรที่จะต้องหาเวลาและช่วงจังหวะที่เหมาะสม นอกจากนี้ ในปัจจุบันมาตรการกันสำรอง 30% ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการฝากให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาคือ ให้ความสำคัญกับประชาชนทุกกลุ่ม อย่าคำนึงหรือให้ความสำคัญเฉพาะบางกลุ่ม

"รัฐบาลชุดใหม่จะต้องสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นและดูหลายอย่างประกอบกัน ตลอดจนให้ความสำคัญกับทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกหรือเอสเอ็มอี ต้องดูแลทุกกลุ่มให้เกิดความสมดุลด้วย" ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

* ปัดไม่ออกความคิดเห็น รมว.คลังคนใหม่
ทั้งนี้ ไม่ขอออกความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่า มีการทาบทามนายวีระพงษ์ รามางกูร หรือตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่ หรือไม่ แต่ต้องการให้ทีมเศรษฐกิจที่จะเข้ามาให้ความสำคัญกับนโยบายในการดำเนินการว่าทำได้จริงหรือไม่ นอกจากนี้ควรที่จะให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมมากกว่า เพราะไม่มีใครสามารถทำงานคนเดียวได้ ขณะเดียวกัน ไม่ขอออกความคิดเห็นว่ามีใครทาบทามเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจหรือไม่

ส่วนในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบนี้ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ส่วนกลางปี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอยู่ที่ระดับ 2-2.50% ขณะเดียวกัน แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกยังมีโอกาสลดลงด้วย

นอกจากนี้ หากดูตัวเลขสถิติในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวสูงที่สุดเกิน 100% เป็นเวลา 8 ปี และแกว่งตัวอยู่ในช่วง 50-100% เป็นระยะเวลา 6 ปี และต่ำกว่า 50% อีก 6 ปี ยกเว้นปี 2003 ที่ดัชนีฯ เคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวเกิน 100%

* บล.ภัทร แนะ ธปท.ลดดอกเบี้ย-ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%
ในวันเดียวกันนี้ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (PHATRA) ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ จับตาเศรษฐกิจโลกหลังวิกฤตซับไพร์ม ว่า ประเทศไทยไม่ควรที่จะค่าเงินบาทไว้กับเงินดอลลาร์ แต่ควรปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวอย่างเสรีซึ่งแนวโน้มขณะนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ข้อดีคือจะทำให้เงินเฟ้อลดลง ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็จะหมดความกังวลในการดูแลเงินเฟ้อ และสามารถลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีโอกาสที่ ธปท.จะลดดอกเบี้ยได้ตราบใดที่ไทยไม่มีปัญหาทางเงินเฟ้อ

"ค่าเงินจะอยู่ที่ 29 หรือ 30 บาทก็ปล่อยไป เพราะจะทำให้เงินเฟ้อลดลง และสามารถลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้" ดร.ศุภวุฒิ กล่าว

สำหรับมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% ในระยะยาว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรจะยกเลิกเพื่อเปิดทางให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะเงินลงทุนโดยตรง (FDI) ที่จะไหลเข้ามาพร้อมกับเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่ดีกว่ามาตรฐานของไทย ทั้งนี้ตามที่เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาและลงทุนไม่ถึง 1 ปีไม่ได้หมายความว่าเป็นเงินลงทุนระยะสั้นเสมอไป แต่บางครั้งนักลงทุนอาจต้องการความยืดหยุ่น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องคงเงินลงทุนไว้ในไทยถึง 1 ปีตามเกณฑ์ 30%

* ต้องปล่อยค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด
ทั้งนี้ก่อนที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าวได้ ธปท.จะต้องปล่อยให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด ซึ่งแนวโน้มในขณะนี้เงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้น โดยการปล่อยให้เคลื่อนไหวเสรีนั้น นักลงทุนจะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเงินบาทจะอ่อนหรือแข็งค่าทำให้เก็งทิศทางค่าเงินได้ยาก ซึ่งจะช่วยลดการเก็งกำไรลงได้

"เหตุผลที่ ธปท. กลัวคือผู้ส่งออกจะลำบากหากปล่อยให้เงินบาทแข็งค่าอย่างเสรี แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวก สะท้อนได้ว่าการส่งออกสุทธิของไทยมีมากแล้ว ดังนั้นจึงควรหันมาเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าที่จะพึ่งการส่งออก" ดร.ศุภวุฒิ กล่าว

แม้ขณะนี้ปัญหาซับไพร์มจะลุกลามไปทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก แม้ว่าไทยยังคงพึ่งตลาดส่งออกไปยังสหรัฐ เนื่องจากประเทศไทยมีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยปัจจุบันกำลังการผลิตภาคใช้ไปมาก ซึ่งถึงจังหวะที่จะต้องขยายการลงทุนใหม่ และสามารถชดเชยการส่งออกที่ลดลงได้

* แนะนักลงทุนจัดสรรพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาหนึ่งที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ต้องเผชิญคือ แรงกดดันจากเงินเฟ้อ สืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง 15% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย เนื่องจากนักลงทุนเกิดการตื่นตระหนกจึงมีการลดความเสี่ยงโดยรวมจากการลงทุนด้วยการโยกเงินจากตลาดหุ้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ดังนั้นนักลงทุนควรจะมีการจัดสรรพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวัง ว่าจะลงทุนในหุ้นกองทุนรวมหรืออื่นๆ อย่างไรบ้าง เพราะสิ่งหนึ่งที่จะต้องยอมรับ คือ อัตราผลตอบแทนที่เคยได้ในระดับสูงอาจจะปรับลดลงมาเหลือเพียง 50% ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้เกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งสืบเนื่องมาจากปัญหาซับไพร์ม ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกัน รวมถึงผลกระทบจากนโยบายทางการเงินของไทยเอง

"ยอมรับว่าปีนี้มีตัวแปรที่ต้องติดตามสูงมาก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนจึงควรจะจัดสรรการลงทุนอย่างรัดกุมมากกว่าที่จะมาดูเป็นหุ้นรายตัว" ดร.ศุภวุฒิ กล่าว

* ยันไม่มีใครทาบทามเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ดร.ศุภวุฒิ ยังกล่าวว่า ไม่เคยได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมทีมเศรษฐกิจกับรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากไม่มีความถนัดทางด้านการเมือง แต่ยินดีให้คำปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจาก บล.ภัทร มีการพัฒนาบทวิจัยกับ เมอริลลินช์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จึงพร้อมที่จะนำบทวิเคราะห์หรือบทวิจัยต่างๆ นำเสนอให้กับรัฐบาล แต่ไม่สนใจในตำแหน่งทางการเมือง


:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com