นักโหราศาสตร์ ทำนายดวงชะตาเศรษฐกิจไทยอาจเข้าขั้น "วิกฤติ" เทียบเคียงวิกฤติปี 2527 จากอิทธิพลของดวงดาโคจรรอบนอก "กดดัน" ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 2 ปี...

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดวงชะตาเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยปี 2551 ไม่ได้สดใสอย่างคิด ในมุมมองของนักโหราศาสตร์..."รศ.ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิต" นักเศรษฐศาสตร์ผู้ศึกษาในโหราศาสตร์สากล เจ้าของนามปากกา ?ยูเรสโตร? ได้ทำนายแนวโน้มเศรษฐกิจไทย อาจเข้าสู่วิกฤติรอบใหม่ในปีนี้ หลังจากที่เคยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมาแล้ว 3 ครั้ง กล่าวคือปี 2524, 2527 และ 2540

ดร.เจษฎา บอกว่า ในบรรดาวิกฤติเศรษฐกิจ 3 ครั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนวิกฤติปี 2527 จะมีความละม้ายคล้ายคลึงกับวิกฤติที่กำลังทำนายว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ด้านดวงดาวมากที่สุด เพราะมุมท้าทายตำแหน่งมฤตยูในเรือนชะตาที่ 2 ของดวงเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุนและการคลังของประเทศ เป็นมุมเล็งหรือ 180 องศาเหมือนกัน

แม้ดาววงจรรอบนอกที่เกี่ยวข้องจะไม่ใช่ดวงเดียวกัน แต่การที่ดาว "พลูโตจร" ซึ่งเป็นดาวที่เคลื่อนไหวช้าสุดกำลังอยู่ในตำแหน่งเล็งมฤตยู จึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปีนี้ได้

ขณะที่วิกฤติในปี 2527 จะมีดาวเนปจูนจร เล็งมฤตยู ทำให้เกิดวิกฤติลดค่าเงินบาทในสมัย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าวิกฤติครั้งใหม่ปีนี้จะรุนแรงกว่าปี 2527 เนื่องจากดาวรอบนอกทำมุมท้าทายและมุมกุมกับตำแหน่งดวงดาวและจุดอ่อนไหวในดวงเมืองปีนี้น้อยกว่าปี 2527

มฤตยูไม่เพียงเป็นดาวที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการเงินของประเทศเท่านั้น เพราะการที่ตั้งอยู่ในเรือนชะตาที่ 2 จะเกี่ยวเนื่องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยตรงด้วย เนื่องจากเป็นดาวครองเรือนชะตาที่ 10 เมื่อถูกพลูโตจรเข้ามาประชิด การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจึงสะดุดในปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อเสาร์จรจะเล็งศุกร์ในช่วงท้ายของปีนี้ และขณะนี้เสาร์จรได้ทำมุมท้าทายกับตำแหน่งต่าง ๆ ในดวงเมืองที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไปแล้ว

"มุมท้าทายต่าง ๆ จะร่วมกันกดดันเศรษฐกิจไทย จนทำให้เศรษฐกิจชะงักงันหรือหดตัวได้ในปีนี้หากไม่มีปัจจัยอื่น ๆ มาลบล้าง"

นอกจากนั้น การที่ดาวพลูโตจรเล็งมฤตยูยังเป็นการบ่งบอกถึงเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ในปีนี้อีกด้วย

ดร.เจษฎา บอกว่า มุมเล็งแนบแน่นระหว่างพลูโตจรกับมฤตยูระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม-12 สิงหาคม 2551 และวันที่ 6 ตุลาคม -17 ธันวาคม 2551 จะท้าทายรัฐบาลอย่างหนัก ่โดยรัฐบาลจะเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ และจะเผชิญกับปัญหาความแตกแยกในหมู่ชนชั้นปกครอง วงราชการ รวมทั้งในรัฐบาล

ตรงนี้รัฐบาลควรถือโอกาสปฏิรูประบบราชการให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน ตลอดจนรื้อถอนโครงสร้างอำนาจที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม

"พลูโตจรจะนำมาถึงการรื้อถอน ตลอดจนการขัดแย้งขั้นรุนแรง ส่วนมฤตยู จะหมายถึงอำนาจ เมื่อมุมเล็งแนบแน่นระหว่างกัน จะทำให้เกิดการขัดแย้งในอำนาจรัฐอย่างรุนแรงขึ้นได้ จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ดังนั้น รัฐบาลจะต้องใช้อำนาจของพลูโตจรรื้อถอนโครงสร้างอำนาจในระบบราชการที่ไม่เหมาะสม หากปล่อยไว้หรือทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวจะทำให้เกิดปัญหาวิกฤติรัฐบาลและเศรษฐกิจแน่ ๆ"

นักโหราศาสตร์ชื่อดังยังทำนายด้วยว่า รัฐบาลใหม่น่าจะอยู่ได้อย่างน้อยครึ่งปี ส่วนจะประคองตัวได้นานกว่านี้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะตอบสนองต่อมุมเล็งระหว่างพลูโตจรกับมฤตยูอย่างไร

"หากถือโอกาสปฏิรูประบบการปกครองให้เป็นธรรมมากขึ้น รื้อถอนโครงสร้างอำนาจระบบราชการที่ไม่เป็นธรรม ก็เป็นการใช้อำนาจพลูโตที่ถูกต้อง จะรอดพ้นวิกฤติไปได้"

ส่วนตลาดหุ้นนั้น ดร.เจษฎา ทำนายว่า การที่ดาวเสาร์กำลังทำมุมกับดาวพุธ ซึ่งดาวพุธเป็นดาวครองเรือนชะตาที่ 5 เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและการพนัน จึงทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นเกิดความเสี่ยงสูง ทำให้ตลาดหุ้นโดยรวมเกิดความผันผวน ปรับตัวขึ้นลงรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2551 ดาวเสาร์จรจะผ่านพ้นมุมร้ายไปบ้าง และมีดาวพฤหัสเข้ามาช่วยผ่อนคลายได้บ้างจึงช่วยให้ตลาดหุ้นเกิดการผ่อนคลายและลดความผันผวนรุนแรงไปได้บ้าง

ตรงนี้น่าจะเป็นจังหวะเข้าลงทุนได้

"การลงทุนในช่วงปีนี้นักลงทุนต้องดูว่า ช่วงไหนที่ดวงดาวเสาร์ไม่ทำมุมร้าย เช่น ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2551 น่าจะเป็นจังหวะที่เข้าลงทุนได้บ้าง"

แต่หลังจากนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ปลายปี 2551 ดร.เจษฎา บอกว่า ต้องระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง เพราะเสาร์จะเล็งศุกร์ หมายถึงเรื่องความเสี่ยงด้านการเงิน ซึ่งดาวศุกร์จะถูกกระทบด้วยมุมของดวงดาวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุนอยู่

"ดาวศุกร์จะเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย จึงมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเกิดปัญหา อาจถึงขั้นยุบสภาหรือมีการปรับครม.ในช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นได้อีกครั้ง"

ดร.เจษฎา กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะงักงัน บวกกับปัญหาการเมือง ความผันผวนในตลาดการเงินโลกและราคาน้ำมันที่แพง จะทำให้ตลาดหุ้นไทยทรุดในปีนี้จากการที่ดาวเสาร์ทำมุมกับพุธในเรือนชะตาที่ 5 ส่วนภาคการเงินจะถูกกระทบด้วยมุมของดวงดาวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุน

แนวทางการลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ นักลงทุนจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะความเสี่ยงกำลังเพิ่มขึ้นตามภาวะขาลงของเศรษฐกิจ

"การที่ดาวเสาร์โคจรอยู่ในเรือนชะตาที่ 5 ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นขณะนี้ จะกดดันตลาดหุ้นให้เกิดความผันผวนอย่างมากเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี

แม้ว่าตำแหน่งดาวเสาร์จะไม่เลวร้ายเหมือนกับปี 2540 แต่จะมีระดับพอๆ กับวิกฤติปี 2527 ทีเดียว การลงทุนโดยรวมจึงต้องระมัดระวัง เพราะตลาดหุ้นจะไม่บูมเหมือนกับปี 2546 ซึ่งจะมีตำแหน่งดวงดาวส่งเสริมที่ชัดเจน และไม่มีดาวมาขัดขวาง" ดร.เจษฎา กล่าว

ด้าน "ไพศาล ซอยพิบูลย์เวศน์" โหรที่มีชื่อเสียงอีกคน มีมุมมองที่แตกต่างออกไป โดยเขามองว่าดวงชะตาของเมืองปี 2551 จะเป็นปีที่ดีสุด เนื่องจากมีดาวพฤหัสโคจรช่วยทำให้บ้านเมืองไปได้ดี หลังจากที่มีการเลือกตั้งได้รัฐบาลชุดใหม่ ต่างจากปี 2550 ที่ดาวราหูทำให้เกิดความยุ่งยากตลอดทั้งปี

ในขณะที่ดวงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เป็นคนที่มีวาสนา แม้ว่าจะไม่มีความสามารถในบางเรื่อง แต่จะได้ผู้ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยในการบริหารประเทศ จึงเชื่อว่าอายุของรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ถึง 2 ปี

"ตามดวงของนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเกิดในราศีมังกร ธาตุดิน จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเศรษฐกิจ จึงน่าที่จะส่งเสริมให้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไปได้ดี"

ส่วนคำทำนายด้านตลาดหุ้นนั้น ไพศาลบอกว่า ตลาดหุ้นปีนี้น่าจะปรับตัวขึ้นได้ถึง 900 จุดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2551 เขาแนะนำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นช่วงที่ตลาดหุ้นยังผันผวน 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.2551) และอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ให้เข้าซื้อหุ้นไว้ก่อน จากนั้นคาดว่าตลาดหุ้นจะนิ่ง ๆ ในช่วง 3-4 เดือน และจะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม

"แม้ว่าช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ตลาดหุ้นจะยังไม่ดี เพราะไม่เชื่อถือรัฐบาลและอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แต่หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และเปิดสภาได้ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม เมื่อการฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่ลงตัว น่าจะทำให้เงินลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในไทย" ไพศาล กล่าว

เหล่านี้คือ บางส่วนของการพยากรณ์เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยของนักโหราศาสตร์ไทย...

:lol: