May 2, 2024   12:32:21 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 29/02/2008 @ 10:30:37
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ธปท. ระบุ ไทยธนาคารยังต้องเพิ่มทุนรอบ 3 รองรับขยายธุรกิจเหตุบีไอเอสรองรับได้แค่ปีนี้
ขณะเดียวกันมั่นใจธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในปี 2551 จะมีกำไรดีขึ้น เนื่องจาก BT กันสำรองหนี้ฯ ตาม
มาตรฐานบัญชี IAS39 ครบแล้ว โดยขั้นตอนการเพิ่มทุนจะเริ่มจากขายให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม คือ FIDF และ
กลุ่ม TPG ก่อน แต่หากไม่เพียงพอหรือเพิ่มทุนไม่ได้จะต้องหาพันธมิตรใหม่ และแนวทางสุดท้ายคือการควบ
รวมกิจการ ขณะที่การปล่อยสินเชื่อปีนี้ คาดว่า BT จะขยายตัวมากกว่า 5% (กรุงเทพธุรกิจ)

ความเห็นและคำแนะนำ
เราได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้วว่า BT มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนรอบใหม่ เนื่องจากแม้ว่า BT
จะสามารถเพิ่มทุนสำเร็จในรอบที่ 2 ก็ตาม ทำให้เงินกองทุนเพิ่มเป็นราว 9 - 9.5% สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.
กำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 8.5% เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ เราประเมินว่าสาเหตุที่ BT ต้องเพิ่มทุนครั้งที่ 3 เนื่องจาก
1) สร้างฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับ Basel II ที่จะบังคับใช้สิ้นปี 51 2) รองรับการขยาย
ธุรกิจในอนาคต ทำให้ต้องการเงินกองทุนสูงขึ้น และ 3) เพิ่มความเชื่อมั่นกับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ซึ่งตาม
ขั้นตอนในการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 มีแนวโน้มจะขายเป็น PP ให้กับ FIDF และกลุ่ม TPG ทั้งนี้ จากการเพิ่มทุน
ครั้งที่ 2 ทาง FIDF และกลุ่ม TPG ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคา 1.38 บาท/หุ้น ขณะที่นักลงทุนทั่วไปมีสิทธิซื้อ
หุ้นในราคา 1.36 บาท/หุ้น ในเบื้องต้น ทาง ธปท. และ BT ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการเพิ่มทุนครั้งที่
3 เช่น ราคาขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ครั้งที่ 3 และจะเพิ่มทุนเป็นมูลค่ารวมเท่าไหร่ การเพิ่มทุนครั้งใหม่จะทำให้
ฐานะการเงินของ BT แข็งแกร่งขึ้น แต่จะมีผลทำให้เกิด dilution effect ขณะที่แม้ว่าในปี 51 เรา
คาดว่า BT จะมีกำไรสุทธิ 640 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุนสุทธิถึง 5,932 ล้านบาท แต่ความสามารถใน
การแข่งขันยังคงด้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่ เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 51 ที่ 1.27 บาท ปรับคำแนะนำ
เป็น "ขาย" จากเดิม "ถือ"

News in Brief
CFRESH: มีกำไร 14.46 ล้านบาท
CFRESH เผยผลการดำเนินงานปี 50 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 14.46 ล้านบาท ซึ่งลดลง 20% เมื่อ
เทียบกับปี 49 แม้จะมียอดขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นประมาณ 2% แต่เมื่อแปลงค่ากลับแล้วมียอดขาย
2,034.25 ล้านบาท ลดลงประมาณ 7% ทั้งนี้เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ประมาณ 9% นอกจากนี้บริษัทยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ทัน รวมทั้งค่าแรงและค่าใช้จ่ายในการผลิต
สูงขึ้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ข่าวหุ้น)

CI: คาดกำไรปี 51 ดีกว่าปีก่อน
CI คาดปี 51 จะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนตามรายได้ที่เติบโต เนื่องจากมีการรับรู้ยอดขายของ 3
โครงการที่มี net margin สูงประมาณ 15-17% สำหรับปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตราว 15-20% จาก
ปีก่อนส่วนหนึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากยอดขายปีก่อนและการเปิดโครงการใหม่ซึ่งมีแผนเปิดในปีนี้ 2
โครงการ มูลค่าราว 1.5 พันล้านบาท (รอยเตอร์)

CMO: ลุ้นปีนี้ 800 ล้าน ขยายตปท.เพิ่ม 10%
CMO เผยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท จากงานในมือประมาณ 400 ล้านบาท
โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2-4/51 ทั้งนี้เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ตั้งไว้
600 ล้านบาท จากผลประกอบการปี 50 ที่ 528 ล้านบาท และหวังว่าปีนี้จะออกมาดีกว่าปีก่อน จากการที่
บริษัทจะเน้นการขยายงานไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 5-6% ต่อปี จะเพิ่มเป็น 10% ต่อปี
ส่วนงานในประเทศยังคงอยู่ที่ 90% (ข่าวหุ้น)

EMC: เพิ่มทุน 1.38 พันล้านหุ้น รองรับวอแรนท์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม
EMC จะเพิ่มทุนออกหุ้นใหม่ 1.38 พันล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ
(วอร์แรนท์) ที่จะออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 1.38 พันล้านหน่วย ในอัตราส่วน 3.5
หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนท์ โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งวอร์แรนท์มีอายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 0.20 บาท/หุ้น นอก
จากนี้มีมติเสนอต่อที่ประชุมให้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 1 บาทเป็นหุ้นละ 0.10
บาท ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ (รอยเตอร์)

KTC: คาดปี 51 กำไรดีกว่าปีก่อน มองเศรษฐกิจดีขึ้น
KTC คาดกำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่ทำไว้ 521 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มี
แนวโน้มดีขึ้น หลังได้รับบาลชุดใหม่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้คาดว่ายอดบัตรเครดิตใหม่ปีนี้จะอยู่ที่
1.8-2.0 แสนใบ ใกล้เคียงกับปีก่อน (รอยเตอร์)

PTTCH: ตั้งงบลงทุนปีนี้ 3.66 หมื่นล้านบาท
PTTCH ตั้งงบลงทุนปี 51 ที่ระดับ 3.66 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เพิ่มการผลิต โดยเตรียมหาแหล่ง
เงินทุนในประเทศราว 1.1-1.4 หมื่นล้านบาทในครึ่งหลังปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกู้หรืออกหุ้นกู้ ทั้งนี้คาดว่า
ส่วนต่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ (สเปรด) ของผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 490
ดอลลาร์/ตัน หลังความต้องการใช้และปริมาณการผลิตใกล้สมดุลกัน ขณะที่สเปรดของผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลี
นชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) จะเพิ่มขึ้น ส่วนสเปรดของโมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) ซึ่งเป็นตัวผลักดัน
ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาจะลดลงในปีนี้หลังปริมาณการผลิตในตลาดโลกเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:3e4b583120">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com