May 2, 2024   8:15:11 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หลบร้อนเล่นหุ้นปันผล
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 03/03/2008 @ 10:09:30
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หลบร้อนเล่นหุ้นปันผล



[b:c57c8678b5">โบรกฯฟันธงยกเลิกกันสำรอง 30% กระตุ้นตลาดหุ้นแค่ระยะสั้น เหตุยังมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าเพียบทั้งการเมือง น้ำมันพุ่งทะลุ 103 เหรียญต่อบาร์เรล แถมตลาดหุ้นอเมริกายังมีแนวโน้มร่วงต่อ แนะช่วงนี้หลบร้อนเล่นหุ้นปันผลปลอดภัย-กำไรดี กูรูยกนิ้ว MCS, TPC, PTTAR, SMIT, KK และ SPALI เจ๋งสุด แต่ช่วง 1-2 สัปดาห์นี้หุ้นโรงกลั่น (TOP, PTTAR) เป็น Top pick ได้อานิสงส์ค่าการกลั่นพุ่ง แถมปันผลจูงใจ

ในที่สุดก็ยกเลิกไปแล้วสำหรับมาตรการกันสำรอง 30% หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับสู่บ้านเกิดได้เพียง 1 วัน พร้อมกับคำยืนยันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งเรื่องของการยกเลิกมาตรการดังกล่าว ถือว่าเป็นสิ่งที่หลายคนคาดหวังและคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว หลังจากที่พรรคพลังประชาชนหรืออดีตไทยรักไทย ได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ระหว่างวันมีกระแสข่าวลือการประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ออกมาเป็นระยะ ส่งผลให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นสูงสุดบวกไปกว่า 7 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขาย ปรับตัวขึ้น 3.64 จุด อยู่ที่ระดับ 845.76 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อย 39.14 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินแข็งค่าแตะ 31.50 บาท ถือเป็นการทำสถิติใหม่อีกครั้ง
แม้จะถือเป็นข่าวด้านบวกที่นักลงทุนรอคอย แต่หากย้อนดูประโยชน์ที่จะเกิดกับตลาดหุ้นแล้ว ยังพบว่าปัจจัยดังกล่าวอาจไม่ได้ทำให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นได้มากนัก เพราะปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นได้รับการยกเว้นกันสำรอง 30% อยู่แล้ว ในขณะที่ประเด็นนี้ถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมือง โดยเฉพาะเกิดขึ้นเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่งเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ฝ่ายต่อต้านอดีตนายกฯ นำมาเป็นหัวข้อที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในประเทศอีกครั้ง ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งทะลุ 103 เหรียญ/บาร์เรล ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในขณะนี้
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง ระบุว่า การยกเลิกกันสำรอง 30% ไม่ได้เป็นผลดีที่จะเป็นจุดเข้าไปซื้อตลาดหุ้น เพราะ ตลาดหุ้นได้รับการยกเว้นเรื่องมาตรการ 30% อยู่แล้วการไหลเข้าออกส่วนเป็นไปตามปัจจัยต่างๆทั่วไป การนำเงินระยะสั้นเข้ามาก็จะทำให้ง่ายขึ้นเพราะ US$อ่อนอยู่แล้ว ค่าเงินจะแข็งและถูกเก็งกำไรได้ง่ายขึ้น ต้องมีมาตรการรองรับ ทำได้หลายวิธีมีผลต่างกันเช่น
1. ลดดอกเบี้ย (เป็นผลดีเป็นไปได้ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะเงินเฟ้อสูง)
2. มาตรการอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ หรือ กำหนดช่วง (แย่กว่า 30% เพราะต้องเข้าไปจัดการ ใช้เงินและพลาดได้ตลอด) เช่นเก็งพลาดเป็นต้น
3. มาตรการภาษี ซึ่งไม่ควรใช้
4.รัฐบาลเข้าไปกู้เงินนอกที่เข้ามาเอาไปใช้จ่ายในโครงการต่างไ (ความเสี่ยงในการจัดการสูงและเคยมีแนวคิดจะเอาสำรองเงินตราต่างประเทศมาใช้จ่าย แต่เสี่ยงเรื่องผลตอบแทนและ ระเบียบวินัยทางการเงิน) หากการยกเลิกเร็วและมาตการรองรับไม่เหมาะสมจะไม่เป็นผลดี การจำกัดผลเสียของมาตรการ 2-3-4 ต้องให้ระวัง
ในกรณีที่ 4 รัฐกู้มาใช้เองหากเป็นผลดีก็ดีไป ถ้าไม่เป็นผลสำเร็จแต่เงินบาทอ่อนลงหรือการใช้จ่ายไม่คุ้มค่าประเทศแย่ที่สุด การลงทุนหนักๆให้เอกชนร่วมดีกว่าทำดีกว่าเพราะหากมีการนำเข้าสินค้าทุนจะขาดดุลไป เช่น แนวคิดการตั้งกองทุนวายุภักษ์มาทำรถไฟฟ้าหรือเขื่อนแล้วรัฐไปชดเชยเรื่องดอกเบี้ยให้ดีกว่าเพราถ้ากู้มาเองต้องรับความเสี่ยงค่าเงินเป็นต้น
ดังนั้น มุมมองตลาดในช่วงนี้ของเราไม่ได้เป็นบวกเพราะ
1.ตลาดผ่านขึ้นไปยากเพราะข่าวดีเข้ามามากแล้ว
2. ภาวะเงินเฟ้อจากต้นทุนน้ำมันสูงไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจระยะสั้น
3.ตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดการเงินโลกยังไว้ใจไม่ได้
4.การฟื้นตัวภายในยังเปราะบาง
ดังนั้น การไหลเข้าของเงินนอกเป็นจุดขายในระยะนี้

จึงเห็นได้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้ยังมีความเสี่ยงอยู่มาก แต่ก็ยังถือเป็นโอกาสดีที่ในช่วงนี้เป็นฤดูกาลประกาศจ่ายเงินปันผล ทำให้ยังมีทางเลือกหลบร้อนให้ลงทุนแบบเย็นๆใจได้บ้าง
บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นผันผวน ขณะที่ช่วงนี้เป็นฤดูกาลจ่ายเงินปันผล จึงแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการดี และมีการจ่ายเงินปันผลที่สูง โดย ขณะนี้ บริษัทจดทะเบียน ทยอยประกาศจ่ายเงินปันผล สำหรับปีดำเนินงานของปี 2550 งวดครึ่งหลังของปี 2H50 หรืองวด 4Q50
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้คัดเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูง (Dividend Yield) สูงเกิน 4% ต่อปี พบว่ามีอยู่ 38 บริษัท พร้อมเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีค่า PER, PBV ต่ำ และราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่า Fair Value โดยฝ่ายวิจัย แนะนำ บริษัทที่ดีที่สุด คือ MCS จ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 50 หุ้นละ 0.23 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) 6.08% , TPC จ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 50 หุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6.25%, PTTAR จ่ายปันผลปี 50 หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6.06%, SMIT จ่ายปันผลปี 50 หุ้นละ 0.12 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5.61% , KK จ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 50 หุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.10% และ SPALI จ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 50 หุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.12%
ทั้งนี้ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ฝ่ายวิจัยแนะนำให้เลือกหุ้นโรงกลั่น (TOP ปันผลครึ่งหลังปี 50 หุ้นละ 2.75 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3.55% , PTTAR ปันผลปี 50 หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6.06% ) เป็น Top picks เพราะนอกจากให้ผลตอบแทนในรูปเงินผลที่เฉลี่ยสูงแล้ว พบว่าดัชนีชี้นำของธุรกิจโรงกลั่นคือค่าการกลั่น (ราคาน้ำมันสำเร็จรูป?ราคาน้ำมันดิบ) เริ่มมีทิศทางการฟื้นตัว หลังจากที่เคลื่อนไหวในระดับต่ำ โดยแกว่งตัวในกรอบ 3-5 เหรียญฯต่อบาร์เรลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยล่าสุดได้ขยับขึ้นมาในระดับที่สูงระหว่าง 6-10 เหรียญฯ และคาดว่าจะสามารถแตะระดับสูงสุดในงวดไตรมาส 2 ของปี ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลปกติเนื่องจากเป็นฤดูกาล Driving Season ในสหรัฐ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปสูง (ราคาน้ำมันสุกมักปรับตัวขึ้นเร็วกว่าราคาน้ำมันดิบ) เชื่อว่าตลาดจะหันมาสนใจหุ้นโรงกลั่นกันมากขึ้น
นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง กล่าวว่าในภาวะตลาดฯที่ผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ จากปัญหาซับไพร์มที่ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวและลุกลามกระทบสภาพคลองทางการเงินของเศรษฐกิจทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นสูงจนนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อและส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตและการบริโภคสูงขึ้นตาม อีกทั้งยังส่งผลให้ความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชนลดลงรวมถึงประเด็นการเมืองในประเทศที่กลับมามีความเสี่ยงอีกครั้งภายหลังอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศเพราะอาจมีการเคลื่อนไหวต่อต้านและเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นอีกดังนี้นักลงทุนจึงควรหันมาซื้อหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงเพื่อลดความเสี่ยงจากผลขาดทุน
โดยหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในอัตราสูงและทางโบรกฯแนะนำซื้อ คือ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA ราคาเหมาะสมที่ 26 บาท จ่ายเงินปันผลปี 2550 1.60 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(dividend yield) เท่ากับ6.9% ,บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ประเมินราคาเหมาะสมที่ 5.35 บาท จ่ายเงินปันผล 0.085 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) เท่ากับ 1.8%และ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) มูลค่าเหมาะสม 78 บาท เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการที่จะดีต่อเนื่องค่าระวางตลาดน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อไป โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2551 ได้ 3.25 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(dividend yield)เท่ากับ 5.3%
ด้านบล.ยูไนเต็ด ปัจจัยที่ต้องจับตาสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นได้แก่
- 4 มี.ค.51: กกต.สรุปผลสอบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาเข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่
- 5 มี.ค.51: โอเปคประชุมกำหนดปริมาณการผลิต
- 17-19 มี.ค.51: ตลาดฯ โรดโชว์ที่ญี่ปุ่น
- 18 มี.ค.51: เฟดกำหนดทิศทางดอกเบี้ย
- 9 เม.ย.51: กนง.กำหนดทิศทางดอกเบี้ย
ดังนั้นภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะสั้น ยังมีแนวโน้มของการผันผวนออกด้านข้าง (Sideway) จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ และความกังวลเรื่องการเมือง กรณีการยุบพรรคการเมือง ในขณะการยกเลิกสำรอง 30% เป็นข่าวดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ
ในขณะที่ภาพระยะกลางเรายังมีมุมมองเป็นบวก เนื่องจากเราประเมินปัญหาการเมืองขณะนี้เป็นปัญหาระยะสั้น และคาดว่าต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด นอกจากนี้ คาดว่าจะยังมีเงินทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากการที่เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการที่เฟดมีแนวโน้มลงอีก โดยเรายังให้เป้าหมาย SET ในระยะกลางที่ 900 จุด
กลุ่มที่เรายังแนะนำให้ซื้อ กลุ่มพลังงาน ก็ยังคงได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันและถ่านหินยังคงทรงตัวในระดับที่สูง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาลง และการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการลงทุน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุน
กลุ่มพลังงาน (Overweight)): ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันและราคาถ่านหิน รวมทั้ง ค่าการกลั่นมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงของการปิดซ่อม
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (Overweight): ได้รับผลบวกจากดอกเบี้ยขาลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะฟื้นกลับมา
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (Overweight): การลงทุนที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว และ Mega Project ที่จะออกมาจากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่
หุ้นที่น่าสนใจเชิงพื้นฐาน: ซื้อ PTT, PTTEP, PTTCH, BCP, SATTEL, QH, PS, ITD, TSTH, BGH, MINT [/b:c57c8678b5">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com