May 2, 2024   3:12:48 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 03/03/2008 @ 11:13:38
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Volatile
กลยุทธ์การลงทุน
Sell into strength

กรอบ 840-855pts
แนวโน้ม Range Trading
ปิดวานนี้ 845.76, +3.64

Today s picks
Stock Current Trading Fair Rec.
Price Range Value
TTA 48.0 47-50 52.0 Accumulate
KBANK 88.0 87-90 98.0 Trading
CPN 28.25 28-30 N.A. Trading
QH 2.40 2.4-2.5 2.60 Buy

What s News
* มาตการกันสำรอง 30% ธปท.ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
(ยังไม่ประกาศปรับลดดอกเบี้ย) เรามองว่าจะส่งผลดีต่อ SET ทางอ้อมในเชิง Sentiment เท่านั้น และ
ให้ระวังแรงขายทำกำไรบริเวณ 850 - 860 จุด
* ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ม.ค. ธปท.ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ม.ค.เห็นการขยายตัว
ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภาคเอกชน การลงทุน และการส่งออก
* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ + ราคาถ่านหิน ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง
$0.75/บาร์เรล ปิดที่ $101.84/บาร์เรล รอผลการประชุม OPEC วันที่ 5 มี.ค.นี้ แนะนำ ทยอยสะสม
สำหรับ PTT และ PTTEP สำหรับค่าระวางเรือปรับสูงขึ้น 281 จุด แนะนำ ทยอยสะสม สำหรับ TTA
ขณะที่ราคาถ่านหิน BJC ปรับลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ $127.9/ตัน ลดลงจาก $130.95/ตัน ในสัปดาห์ก่อน

Market Roundup and Trend: ถึงปรับขึ้นได้ ก็ไม่มีเสถียรภาพนัก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับสูงขึ้น 3.64 จุด ปิดที่ 845.76 จุด ด้วยแรงเก็งกำไรก่อนปิด
ตลาดจากประเด็น การประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 24,572 ล้าน
บาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อย 39 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 523 ล้านบาท สำหรับ
แนวโน้ม SET วันนี้แม้อาจมีแรงซื้อในช่วงต้นตลาด รับข่าวการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ไปที่ระดับ
845 - 860 จุด แต่เรามองว่าการปรับสูงขึ้นของ SET จะไม่มีเสถียรภาพมากนัก เนื่องจากการยกเลิก
มาตรการกันสำรอง 30% ส่งผลดีทางอ้อมต่อตลาดหุ้นเท่านั้น โดยการลงทุนในหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องกันสำรอง
30% มาตั้งแต่ 20 ธ.ค.49 แล้ว ขณะที่ ธปท.ยังสงวนท่าทีไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างที่ตลาดคาดไว้
(แม้ว่าเราจะคาดว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 - 0.50% ภายใน 1H51 ก็ตาม) ถือว่าทำ
ให้ตลาดผิดหวังอยู่พอสมควร ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ม.ค.แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวในทุกด้าน ไม่ว่า
จะเป็นการบริโภค การลงทุน และการส่งออก (ดู Weekly Digest เพิ่ม)

Investment Strategy: น่าทยอยขายหุ้นออกไปบ้างบริเวณ 850 - 860 จุด รับข่าวยกเลิกมาตรการ
กันสำรอง 30%
ในสัปดาห์ก่อนเราคาดว่า SET มีแนวโน้มปรับลดลงไปที่ 800 - 815 จุด มากกว่าที่จะปรับสูง
ขึ้นแรง เนื่องจาก 1.การเมืองมีความเสี่ยงมากขึ้น 2.ผลกระทบจากการขึ้น XD ของหุ้นขนาดใหญ่ และ
3.ตลาดหุ้น Dow Jones ปรับขึ้นเข้าสู่แนวต้านและมีความเสี่ยงที่จะพักฐาน (เริ่มเห็นการพักฐานของ Dow
Jones แล้ว) แต่การประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เมื่อวันศุกร์อาจมีผลทำให้ตลาดปรับสูงขึ้นได้
ระยะสั้นๆ ไปที่ 845 - 860 จุด แต่เรามองว่าการยกเลิกมาตรการสำรองถือว่าเป็นผลบวกทางอ้อมเชิง
Sentiment ต่อตลาดเท่านั้น และการปรับสูงขึ้นของ SET ไปที่ 850 - 860 จุด น่าจะเป็นโอกาสในการ
ทยอยขายหุ้นออกไปบ้าง โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจะเป็นกลุ่มหุ้นที่ออกกองทุนอสังหาฯ อย่าง
CPN, QH, TICON, MAJOR


การเมืองที่เคยมีเสถียรภาพ เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะอึมครึม และจะเป็นปัจจัยกดดันไม่ให้ SET ปรับสูงขึ้นได้
แรงในช่วงนี้ (Quoted on 27 ก.พ.51)
ความไม่แน่นอนยังคงเกิดขึ้นกับการเมืองไทย โดยวานนี้ กกต.มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ใบแดงคุณยง
ยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งมีผลทำให้นายยงยุทธ ต้องยุติหน้าที่ประธานสภาฯ ชั่วคราวไปก่อน จนกว่าศาลฎีกาจะ
ตัดสิน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 - 2 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งในกรณีที่ ศาลฎีกาพิจารณาว่าคุณยงยุทธ ผิด
จริง จะมีผลทำให้คุณยงยุทธ ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี และ กกต.จะเริ่มทำสำนวนฟ้องพรรคพลัง
ประชาชน ว่ามีความผิดฐานทุจริตด้วยเนื่องจากคุณยงยุทธเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคฯ ซึ่งกระบวน
การจะเสร็จสิ้นต่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญทำการวินิจฉัยแล้ว ซึ่ง
1. พรรคฯ มีความผิด จะมีผลทำให้ พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค และกรรมการบริหาร
พรรค 34 คน ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง (ส.ส.ระบบสัดส่วน 10 คน และ ส.ส.ระบบแบ่งเขต 17
คน และเป็นคนนอก 7 คน) ขณะที่ลูกพรรคที่เหลือ 206 คน มีเวลา 30 วันในการหาพรรคใหม่
2. พรรคฯ ไม่มีความผิด จะไม่ถูกยุบพรรค

ทั้งนี้ภาพทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนกลับเข้ามาอีกครั้ง มีผลทำให้ SET ถูกกดดัน และไม่
สามารถปรับขึ้นแรงได้ในช่วงนี้ อีกทั้งการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นส่วนใหญ่ในเดือน มี.ค. ทำให้เรา
คาดว่า SET จะมี Upside ไม่มากนักในช่วงนี้ และมีแนวโน้ม ซึม หรือ ทรุด มากกว่า ขณะที่ปัจจัยภาย
นอกประเทศที่ดูเหมือนว่าจะดี เนื่องจากดัชนี Dow Jones ปรับสูงขึ้นเกือบทุกวันในช่วงนี้ เริ่มปรับสูงขึ้น
เข้าใกล้แนวต้านที่ 12,800 - 13,000 จุด ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่ประกาศออกมา ยังแสดง
ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.อยู่ที่ 75 ลดลงจาก 87.3 ในเดือน ม.ค. ต่ำสุดในรอบ 5 ปี
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มสูงขึ้น 1% มากกว่าคาดที่ 0.4%

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก
* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปรับตัวลดลง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 2.51% และดัชนี S&P 500 ปิดลด
ลง 2.71% โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น หลังสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่ง
ชาติ (NAPM) รายงานว่าดัชนีผู้จัดซื้อ (PM) เขตชิคาโกเดือน ก.พ. ร่วงลงสู่ 44.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2001 ประกอบกับรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้
บริโภคขั้นสุดท้ายเดือน ก.พ. อยู่ที่ 70.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง
หลังจากเอไอจีรายงานผลขาดทุน 5.3 พันล้านดอลลาร์ จากการปรับลดมูลค่าในบัญชีที่เกี่ยวกับตลาดที่อยู่
อาศัย
* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย ปิดลดลง
0.75 ดอลลาร์สหรัฐ มาปิดที่ 101.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่เทรดเดอร์ขายทำกำไรหลัง
จากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นไปทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 103.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยกลุ่มกองทุนเข้าซื้อ
สินค้าโภคภัณฑ์เพื่อทำประกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อและการร่วงลงของดอลลาร์ในช่วงนี้ ขณะที่นายนอ
แมน บาราแคท รองประธานบริษัทแมคควารี ฟิวเจอร์ส ยูเอสเอ ระบุว่า 1 ใน 3 ปัจจัยที่ช่วยหนุนราคา
น้ำมันได้ลดลงไปแล้ว คือ ปัญหาทางการเมืองหลังจากตุรกีประกาศจะถอนกำลังออกจากอิรัก
* ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยน ดอลลาร์ร่วงลงทำสถิติต่ำสุดเมื่อเทียบกับเยน และ
ตะกร้าสกุลเงิน โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทำให้เทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนหน้า ประกอบกับการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก
และตลาดหุ้นสหรัฐฉุดดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส และกดดอลลาร์ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อ
เทียบกับเยน ขณะเดียวกันดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PEC) พื้นฐานที่ไม่รวมราคา
อาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.3% ตามคาดในเดือนม.ค. ซึ่งดัชนีดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เฟดนิยมใช้วัดภาวะ
เงินเฟ้อ
* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 281 จุด มาอยู่ที่ 7,613 จุด ค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัว
ขึ้น หลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ ธ.ค. 50 เนื่องจากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบระยะสั้นสิ้นสุดลง
กล่าวคือธุรกรรมการผลิตในประเทศจีนกลับมาดำเนินการต่ออีกครั้ง หลังหยุดชะงักไปในช่วงวันหยุดยาว
และช่วงที่ภาวะอากาศแปรปรวน ทำให้คาดว่าความต้องการถ่านหินและสินแร่เหล็กจากจีน จะกลับเข้าสู่
ภาวะปกติ (ถ่านหินและสินแร่เหล็ก เป็นสินค้าที่ขนส่งโดยเรือเทกองในสัดส่วน 60% ของสินค้าทั้งหมด)
ตลอดจนท่าเรือขนส่งสินแร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ หลังจากหยุดซ่อมแซม
นาน 2 เดือน รวมทั้งผู้ผลิตเหล็กในประเทศจีนบางราย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินแร่เหล็ก ได้ตกลงปรับเพิ่มราคา
สินแร่เหล็กกับผู้ส่งออกแล้ว (เพิ่มขึ้น 65%) ทำให้คาดว่าการนำเข้าสินแร่เหล็กที่เคยชะงักไป จะเริ่มกลับ
มาขนส่งตามปกติ คาดว่าด้วยปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้ดัชนีระวางเรือเทกองปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:c3c50ea89a">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com