SET
เมื่อวานนี้ดัชนีประสบความผันผวนอย่างมาก โดยช่วงต้นสามารถดีดตัวได้ถึงบริเวณ Tweezers Top ที่ 850 จุด และปรับลงอย่างรุนแรงสู่ 831 จุด ส่งผลให้เกิดรูปแบบ Bearish Engulfing ในเวลาต่อมาซึ่งอาจทำให้ดัชนีปรับลงลงต่ออีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่คาดว่าจะปรับลงต่ำกว่าแนวบรรจบของเส้นค่าเฉลี่ย 25 75 และเส้น 200 วัน บริเวณ 820-825 จุด ณ ที่นี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าเก็งกำไรได้

มุมมองระยะกลาง - LH
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
หากพิจารณาโครงสร้างระยะยาวของ LH จะพบการพักฐานที่ยาวนานถึงสามปี โดยราคาแกว่งตัวในกรอบ 6.00-8.00 บาท บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 75 และเส้น 200 สัปดาห์ ส่งผลให้ช่วงราคาดังกล่าวเป็นฐานการเปลี่ยนแนวโน้มสำคัญ ซึ่งในที่สุด LH ก็ดีดกลับจากฐานนั้นพร้อมด้วยรูปแบบ Tower Bottom ขณะที่ทั้ง RSI และ MACD ต่างแสดงสัญญาณเชิงบวก องค์ประกอบเหล่านี้แสดงถึงจุดตั้งต้นของขาขึ้นครั้งสำคัญ คาดว่าอย่างน้อยราคาจะดีดตัวถึงแนว Dead Cross เดิมที่ 12.00 บาทได้

หุ้นเด่น เล่นสั้น - TPIPL
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
TPIPL ดีดกลับจากจุดต่ำบริเวณ 5.75 บาท เดือนที่ผ่านมา และสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 วันสำเร็จ ณ ขณะนี้ นอกจากนั้นยังสังเกตเห็นถึงสัญญาณ Golden Cross เกิดขึ้นบริเวณ 6.50 บาท ซึ่งต่อไปจะมีส่วนสำคัญขับเคลื่อนให้ราคาปรับขึ้นต่อเนื่อง และทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 11.00 บาทได้ในที่สุด ขณะเดียวกันก็จะทำหน้าที่แนวรับหลักยับยั้งการปรับฐานใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นระยะนี้

หุ้นเด่น เล่นสั้น - IEC
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
การดีดตัวครั้งล่าสุดของ IEC เกิดขึ้น ณ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 1.20 บาท ราคาหุ้นดีดตัวอย่างรวดเร็วทดสอบ Tweezers Top ราว 2.00 บาท ส่งผลให้สัญญาณ RSI และ Stochastic เคลื่อนตัวเข้าสู่เขตการซื้อมากเกินไปซึ่งอาจทำให้ราคาเกิดการปรับฐานได้ อย่างไรก็ตาม IEC เพิ่งเปลี่ยนแนวโน้มเข้าสู่ขาขึ้น การอ่อนตัวจึงเป็นภาวะชั่วคราว นักลงทุนสามารถทยอยเข้าลงทุนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาปรับลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน บริเวณ 1.60 บาท



:lol:

Today"s Strategy Download ZOOM
คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการด้านภาษีดังรายละเอียดที่เคยเสนอไปแล้ว และคาดจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ผ่านการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบผ่านโครงการ SML อีกไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยฟื้นความต้องการในประเทศ ให้เป็นกลไกช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 51 ตามเป้าที่วางไว้ 6% อย่างไรก็ดี ระยะสั้นเราคาดว่า SET กลับเข้าสู่ช่วงการพักฐาน โดยมีแรงบีบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ แนะนำรอซื้อเมื่อดัชนี อ่อนตัวที่แนวรับ 820 ? 825 จุด


Technical Analysis
Bearish Engulfing อาจทำให้ดัชนีปรับฐานต่ออีกสักระยะ โดยแนวบรรจบของเส้นค่าเฉลี่ย 25 75 และเส้น 200 วัน ช่วง 820-825 จุด จะทำหน้าที่แนวรับหลัก นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อได้
หุ้นแนะนำระยะสั้น: TPIPL, IEC
หุ้นแนะนำระยะกลาง: LH


Company Update
MCOT: (ซื้อ/30.00 บาท/พื้นฐาน 35.25 บาท)
กำไร Q4 ลดลง YoY แต่การฟื้นตัวรายไตรมาสยังดีขึ้นต่อเนื่อง

:lol:

สรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากรัฐบาลสมัคร

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกครั้งนี้
ถือเป็นมาตรภาษีที่ใหญ่มากๆครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้มีการปฏิรูปภาษีเมื่อปี 35 ประกอบด้วย
การเพิ่มเงินได้สุทธิที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 100,000 บาท เป็น 150,000 บาท
หรือคนที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี, เพิ่มวงเงินยกเว้นและหักค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต
เป็น 100,000 บาท, เพิ่มวงเงินหักค่าลดหย่อนเงินได้ในการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ
ทั้งระยะสั้น และยาวจาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท มีผลในปี 51 เป็นต้นไป
เพิ่มการหักค่าลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคู่สมรส บิดา มารดา บุตร ที่พิการอีก 30,000 บาท
ต่อคนพิการ 1 คน ซึ่งจะมีผลเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้

มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับวิสาหกิจชุมชนที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 100,000 บาท ตั้งแต่ปี 51-53
การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับเอสเอ็มอีในส่วนของกำไรสุทธิตั้งแต่ 150,000 บาทแรก
ส่วนที่เหลือเสียตามปกติ ลดภาษีธุรกิจเฉพาะรวมภาษีท้องถิ่นให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหลือเพียง 0.11%
จากเดิม 3.3% และลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ จาก 2% เหลือ 0.01% เป็นเวลา 1 ปี

มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอกชนไทย
ให้การหักค่าเสื่อมราคาได้พิเศษหากเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรที่ประหยัดพลังงานซึ่งหักได้ 1.25 เท่า
ไปจนถึงปี 53 และหากเอกชนลงทุนในเครื่องจักรยังหักค่าเสื่อมราคาได้มากถึง 40% ในปีแรก
เท่ากับว่าหากลงทุนในปีแรกจะหักค่าเสื่อมได้มากถึง 52% นอกจากนั้น เอกชนที่เข้ามายื่นขอการจดทะเบียน
หรือไฟลิ่งในตลาดหุ้นไทยภายในปีนี้และนำหุ้นไปซื้อขายในปี 52 จะได้รับยกเว้นภาษีเหลือ 25%
และเหลือ 20% ในตลาดเอ็มเอไอ เป็นเวลา 3 ปี ส่วนบริษัทที่จดทะเบียนอยู่แล้วและมีกำไรสุทธิไม่เกิน
300 ล้านบาท จะได้ลดภาษีเหลือ 25% ขณะที่ในตลาดเอ็มเอไอจะได้ภาษีที่ 20% ในส่วนที่มีกำไรไม่เกิน
20 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี

วสันต์ จันทร์สัจจา
First Vice President
Special Product Group
บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง

:lol: