May 2, 2024   10:52:00 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธงวันนี้
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 06/03/2008 @ 10:20:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โน้มที่จะขยายตัวต่อไปนั้น แต่มีความเสี่ยงอยู่ในช่วงลง ซึ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 169 จุด มาอยู่ที่ 8,162 จุด ค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัว
ขึ้น หลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ ธ.ค. 50 เนื่องจากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบระยะสั้นสิ้นสุดลง
กล่าวคือธุรกรรมการผลิตในประเทศจีนกลับมาดำเนินการต่ออีกครั้ง หลังหยุดชะงักไปในช่วงวันหยุดยาว
และช่วงที่ภาวะอากาศแปรปรวน ทำให้คาดว่าความต้องการถ่านหินและสินแร่เหล็กจากจีน จะกลับเข้าสู่
ภาวะปกติ (ถ่านหินและสินแร่เหล็ก เป็นสินค้าที่ขนส่งโดยเรือเทกองในสัดส่วน 60% ของสินค้าทั้งหมด)
ตลอดจนท่าเรือขนส่งสินแร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ หลังจากหยุดซ่อมแซม
นาน 2 เดือน รวมทั้งผู้ผลิตเหล็กในประเทศจีนบางราย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินแร่เหล็ก ได้ตกลงปรับเพิ่มราคา
สินแร่เหล็กกับผู้ส่งออกแล้ว (เพิ่มขึ้น 65%) ทำให้คาดว่าการนำเข้าสินแร่เหล็กที่เคยชะงักไป จะเริ่มกลับ
มาขนส่งตามปกติ คาดว่าด้วยปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้ดัชนีระวางเรือเทกองปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง

News Comment

KTB: รัฐบาลหวังใช้ธนาคารกรุงไทยช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่าธนาคารกรุงไทยถือเป็นรัฐ
วิสาหกิจที่มีศักยภาพ สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งจากการรับฟังแผนการ
ดำเนินงานในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อไว้ 4 แสนล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)

ความเห็นและคำแนะนำ

KTB มี FIDF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ราว 55.5% โดยเราคาดหมายว่ารัฐบาลจะใช้ KTB เป็นเครื่อง
มือหนึ่งตอบสนองนโยบายเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ เรามองว่าการตั้งเป้าหมายจะขยายสินเชื่อถึง 4 แสนล้านบาท
คงจะเป็นเป้าหมายในระยะยาวหลายปี เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่ KTB จะปล่อยได้ทั้งหมดภายใน 1 ปีเท่า
นั้น โดย AYS คาดว่าสินเชื่อปี 51 ของ KTB จะขยายตัวราว 5 หมื่นล้านบาท (+5% YoY) ซึ่งเราอาจ
พิจารณาปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้น หากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมีความชัดเจนในทางปฏิบัติมากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อย้อน
อดีต แม้ว่า KTB จะได้ประโยชน์จากการตอบสนองนโยบายของภาครัฐ โดยในปี 45-46 KTB เร่งปล่อย
สินเชื่อเพิ่มขึ้นถึง 21% และ 15% ตามลำดับ แต่ในปี 47-48 สินเชื่อกลับพลิกติดลบเฉลี่ย 4.5% ก่อนที่สิน
เชื่อจะพลิกฟื้นขยายตัวเฉลี่ย 3.5% ในปี 49-50 ซึ่งผลจากการเร่งปล่อยสินเชื่อในปี 45-46 ทำให้ KTB
มีหนี้ NPL เพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 50 KTB มีสินเชื่อคงค้าง 9.6 แสนล้านบาท และมี NPL ratio ที่
9.5% (เทียบกับ BBL ที่ 7.9%, KBANK ที่ 4.1% และ SCB ที่ 5.7%) เป็นผลลบให้ KTB มีภาระต้อง
ตั้งสำรองหนี้ถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ในปี 49 และ 2 หมื่นล้านบาท ในปี 50 และคาดว่า KTB มีแนวโน้ม
จะต้องตั้งสำรองหนี้ฯ สูงราว 1 หมื่นล้านบาท ในปี 51-52 เนื่องจากมีระดับ coverage ratio เพียง
ราว 38 % เท่านั้น เทียบกับ BBL KBANK SCB ที่มีระดับราว 80-90% ด้านผลการดำเนินงาน เราคาด
ว่า KTB จะมีกำไรสุทธิปี 51 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขี้น 73.3% YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลด
ลง YoY โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ 0.40 บาท/หุ้น สำหรับปี 51 และราว 0.25 บาท/หุ้น สำหรับปี
50 เราประเมินมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 11.8 บาท อิงจาก P/BV 1.3 เท่า, P/E 11.9 เท่า คงคำแนะนำ
ซื้อลงทุน"

News in Brief

GC: คาดปีนี้อัตรากำไรสุทธิ-รายได้สูงขึ้น

GC คาดอัตรากำไรสุทธิปี 51 ที่กว่า 3.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 3.14% หลังมองสัดส่วน
รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรจะเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่คาดรายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนราว 8% มาอยู่ที่
3.8 พันล้านบาท ตามความต้องการใช้พลาสติกที่เติบโตขึ้น และเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถ
จ่ายปันผลจากำไรปี 51 ได้มากกว่าปี 50 ที่จ่ายในอัตรา 0.40 บาท/หุ้น ตามความสามารถทำกำไรที่คาด
ว่าจะดีขึ้น (รอยเตอร์)

HEMRAJ: คาดกำไรสุทธิปีนี้ดีขึ้น

HEMRAJ คาดกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อนตามยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนุน ตั้งเป้าหมายขาย
พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1.3 พันไร่ คาดว่าเฉพาะช่วงไตรมาส 1 จะโอนที่ดินที่มีการเซ็นสัญญา
ไว้แล้วได้กว่า 50% โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุน 4.5 พันล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจทั้งด้านนิคมอุตสาหกรรม
โครงการสาธารณูปโภค รวมถึงโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ช่วงไตรมาส 3/51 มีแผนออกหุ้นกู้ราว 3 พันล้านบาท
อายุ 3-4 ปี ประเมินอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ไว้เบื้องต้นที่ 4.5-5.0% (รอยเตอร์)

KTB: คาดปีนี้สินเชื่อสูงกว่าเป้าหมาย

KTB คาดการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท
หลังรัฐบาลออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้เติบโตได้
มากกว่า 6% นอกจากนี้คาดว่าเงินปันผลจากกำไรในงวดปี 50 จะไม่สูงเท่ากับปีก่อนหน้า เนื่องจากปีที่แล้ว
กำไรของธนาคารลดเหลือเพียง 6 พันล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีกำไร 1 หมื่นล้านบาท (รอยเตอร์)

MINT: ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 15%

MINT เผยปีนี้ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิปรับมากขึ้นกว่า 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และรายได้น่าจะ
เติบโต 12-15% จากทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม และตั้งงบการลงทุนปีนี้ไว้ 8,000 ล้านบาท โดยงบลง
ทุนจะเป็นการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศไว้ 5,000 ล้านบาท และงบในการเทกโอเวอร์ธุรกิจ
โรงแรม 1-2 แห่ง และธุรกิจอาหารอีก 1 แบรนด์ประมาณ 3,000 ล้านบาทปีนี้ (ข่าวหุ้น)

PTL: เมินตั้นทุนผันผวน ลุ้นกำปีนี้ขยายตัว 10%
PTL คาดความต้องการผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์มในโลกจะมีการเติบโตเป็น 2 เท่าของ GDP โลก
ประเมินว่าปีนี้ทั้งโลกมีความต้องการผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์มประมาณ 8-10% จึงหวังผลประกอบการเติบโตตาม
อุตสาหกรรม ระบุการที่ต้นทุนวัตถุดิบผันผวนไม่กระทบความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากสามารถปรับ
ราคาขายได้ นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนประมาณ 15 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 480 ล้านบาท สำหรับแผ่น
ฟิล์มพลาสติกใส โดยจะเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาส 1/52 (กรุงเทพธุรกิจ)

SPPT: คาดปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อน
SPPT คาดปี 51 จะจ่ายปันผลได้มากกว่าปี 50 เพราะมองกำไรน่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
90.37 ล้านบาท โดยจ่ายปันผลรวม 0.28 บาท/หุ้น ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโต 60% ซึ่งมาจากการ
ขยายกำลังการผลิตและบริษัทลูก 2 แห่งที่เติบโตมากขึ้น โดยตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท เพื่อใช้
ขยายโรงงาน สำหรับยอดขายปี 51 ตั้งเป้าหมายมียอดขายในเบื้องต้นที่ระดับ 970-1,000 ล้านบาท คิด
เป็นสัดส่วนประมาณ 86% ของรายได้ทั้งหมด (รอยเตอร์)

TKS: จ่อซื้อกิจการสิ่งพิมพ์
TKS อยู่ระหว่างการศึกษาเข้าซื้อกิจการบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทั้งที่เป็นบริษัทจดทะเบียนใน
ตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นแผนระยะยาวเพื่อสร้างการเติบโต หลังจากที่บริษัทซินเน็ค
(ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไตรมาส 2 ของปีนี้ พร้อมเตรียมปรับ
ประมาณการกำไรบริษัทลูกเพิ่ม เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากมาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับธุรกิจสิ่ง
พิมพ์ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 1,480 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 20-30% (กรุงเทพธุรกิจ)

TT&T: คาดปีนี้ขาดทุนสุทธิลดลง

TT&T คาดว่าปีนี้จะขาดทุนสุทธิลดลงจากปีก่อน หลังรายได้จะเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจ
บริการเสริม ขณะที่อุตสาหกรรมไอทีน่าจะขยายตัวหลังชะลอตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ต้นทุนของ
บริษัทจะลดลงหลังลงทุนในการขยายโครงข่ายก่อนหน้านี้ รวมถึงการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทาน
ให้บมจ.ทีโอทีจะลดลง ทั้งนี้คาดว่าปีนี้รายได้รวมจะเติบโตประมาณ 16% มาที่ 8.7 พันล้านบาท
(รอยเตอร์)

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:c7e67fbcc2">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com