May 7, 2024   3:07:34 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ทิศทางดัชนีสัปดาห์นี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 23/03/2008 @ 22:27:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

The Stock Exchange of Thailand
ปิด 803.32 จุด ณ 21 มี.ค. 51

หลังจากที่ดัชนีดีดตัวไม่ผ่าน Tweezers Top บริเวณ 850 จุด การปรับฐานได้เริ่มต้นอีกระลอก ซึ่งตลอดการปรับตัวลงนั้นดัชนีแกว่งตัวค่อนข้างสูงมีเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ทำหน้าที่แนวต้านหลัก และดัชนีปรับลงทำจุดต่ำใหม่เสมอมา โดยสัปดาห์ก่อนเกิดจุดต่ำสุดบริเวณ 796 จุด ก่อนที่จะดีดกลับมายืนได้ ณ 803 จุด พร้อมด้วยรูปแบบ Hammer โดยปกติรูปแบบดังกล่าวแสดงถึงโอกาสการเปลี่ยนแนวโน้มสู่ขาขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยดัชนียังคงถูกกดทับด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 75 และเส้น 200 วัน การดีดตัวที่จะเกิดขึ้นจึงมีระยะทางไม่ไกลเกินกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 และเส้น 25 วัน ช่วง 810-820 จุด นักลงทุนอาจใช้จังหวะดีดกลับทยอยลดสัดส่วนการลงทุน เนื่องจากการปรับฐานระยะกลางยังไม่เสร็จสิ้น และเมื่อดัชนีทดสอบแนวต้านนั้นแล้ว คาดว่าจะอ่อนตัวลงสู่ Golden Cross เดิมบริเวณ 780 จุดต่อไป

ทิศทางดัชนีสัปดาห์นี้ Hammer จะผลักดันให้ดัชนีดีดกลับทดสอบ 810-820 จุด กลุ่มที่มีบทบาทนำในการดีดกลับช่วงสั้นคือ ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และสื่อบันเทิงต่างๆ ช่วงการดีดตัวเพียงเล็กน้อยนี้เหมาะแก่การเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยมากพบในสองกลุ่มหลัง อาทิ TSTH, TYM, TGCI, EMC, QH, ESTAR, N-PARK, SC, SIRI, BEC, MCOT และ SMM

แนวรับ: 780-790 จุด
แนวต้าน: 810-820 จุด

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 24/03/2008 @ 08:10:11 :
คาดว่า SETเคลื่อนไหวแบบสร้างฐานต่อเนื่อง


คาด SET เคลื่อนไหวแบบสร้างฐานต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นไปที่ 850 - 860 จุด ในระยะสัปดาห์เหมือนเดิม

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ข่าวการขาดสภาพคล่องฉุกเฉินของบริษัทแบร์ สเตินส์ จนทำให้ J.P. MORGAN เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่าเพียง US$236 หรือ US$2/หุ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ก่อน และผันผวนตลอดสัปดาห์ รวมไปถึง SET ที่ปรับลดลง 1.8% ปิดตลาดที่ 803.32 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเกือบ US$10/บาร์เรล เพียงสัปดาห์เดียว ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนรวมมูลค่า 7,256 ล้านบาท ขณะที่การพิจารณายุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาฯ ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์ก่อน ต้องเลื่อนสรุปคำพิจารณาไปอีก 15 วัน เนื่องจากต้องศึกษาข้อกฎหมายเพิ่มเติม...

สำหรับแนวโน้ม SET สัปดาห์นี้เราคาดว่าจะเคลื่อนไหวแบบสร้างฐานต่อเนื่อง แต่จะมีความผันผวนน้องลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน เนื่องจากในสัปดาห์นี้จะไม่มีการประกาศผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ออกมาเหมือนกับช่วงสัปดาห์ก่อน โดยเราคงเป้าหมายการปรับสูงขึ้นของรอบนี้หลักการพักฐานไปที่ 850 - 860 จุด โดยมีปัจจัยบวกจาก 1.การฟื้นตัวของภาคการบริโภค และการลงทุนในประเทศ โดยจากตัวเลขการนำเข้าล่าสุดจะเห็นว่าการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นถึง 40% และเครื่องจักรเพิ่มขึ้นถึง 20% YOY ทีเดียว 2. ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนขยายตัวแข็งแกร่งกว่า 20% ในปีนี้ และ 3.ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และคาดว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ภายใน 1H51 หลังจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยในประเทศกับ FED FUND สูงถึง 1.0% ทีเดียว

นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่ยังขายหุ้นกลุ่มพลังงาน

จากตัวเลขการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติจะเห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังขาย PTT ออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา มีผลทำให้ราคาหุ้น PTT มีแนวโน้มอ่อนกว่าตลาด และแม้ว่าราคาหุ้นจะถูกโดยซื้อขายที่ P/E 8.8 เท่า และมี UPSIDE สูงถึง 45% แต่ถ้าพิจารณาจาก FUND FLOW อาจยังไม่เห็นราคาหุ้นฟื้นตัวแรงๆ ในช่วงนี้ ในทางตรงกันข้ามกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (LH, CPN, PS) กลุ่มธนาคาร (BBL, SCB) และกลุ่มหุ้น DOMESTIC PLAY อื่นๆ (BEC, MINT) ซึ่งกลุ่มหุ้นเหล่านี้คือกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีโดยตรงต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ

แนะนำถือหุ้นในสัดส่วน 80% ของพอร์ตต่อจากสัปดาห์ก่อน?พอร์ตจำลองปรับสูงขึ้น 0.4% ขณะที่ SET ปรับลดลง 1.8%

แม้ว่า SET จะผันผวนมากกว่าที่เราคาดไว้ แต่เรายังเชื่อว่า SET จะค่อยๆ สร้างฐานเพื่อปรับสูงขึ้นไปที่ 850 - 860 จุด ในระยะสัปดาห์ โดยเราแนะนำถือหุ้นในสัดส่วน 80% ของพอร์ตต่อเนื่อง....สำหรับพอร์ตจำลองสัปดาห์ที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทน +0.38% ดีกว่าตลาดที่ปรับลดลง -1.80% อยู่ 2.18% และตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลองเมื่อ 4 ก.ย. 2549 มีอัตราผลตอบแทน 69.6% ดีกว่าตลาดที่มีอัตราผลตอบแทน 14.5% อยู่ 48.1% สำหรับสัปดาห์นี้เราถือ BEC, KBANK, MAKRO, PS, PTT, PTTEP, TSTH, และ UMS ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาน้ำมันที่ปรับลดลงคาดว่าจะเป็นปัจจัยกดดัน PTTEP เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากราคาน้ำมันในปัจจุบันยังสูงกว่าสมมติฐานที่เราให้ไว้ที่ US$85/บาร์เรล ค่อนข้างมาก

วิเคราะห์ตลาดทางเทคนิค

มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นเหนือ 805 จุด จะเป็นสัญญาณซื้อระยะสั้น

ความเคลื่อนไหวของดัชนี SET มีรูปแบบสวนทางกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ จากรูปกราฟเปรียบเทียบระหว่างราคาปิดของดัชนี SET กับ DOW JONES ย้อนหลังไปเมื่อเดือน ต.ค. DOW JONES ซึ่งลงนำหน้า SET การเคลื่อนไหวในรอบใหญ่ๆ มีทิศทางลงสอดคล้องกัน อย่างไรก็ตาม SET ทำจุดต่ำสุด เป็นการจบแนวโน้มขาลงไปแล้วเมื่อเดือน ม.ค. และเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ก่อน ในขณะที่ DOW JONES เพิ่งจะลงมาทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ภาพความเคลื่อนไหวในระยะสั้นรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีความขัดแย้งกัน ดัชนี DOW JONES ที่เริ่มแกว่งตัวขึ้นในกรอบ และกลับมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันได้แล้ว ลักษณะดังกล่าว จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นไปยังแนวต้าน 12743 จุด ขณะที่รูปแบบของดัชนี SET ซึ่งเคลื่อนไหวแกว่งตัวลงในกรอบสามเหลี่ยมแคบ และอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน 816 จุด

อย่างไรก็ตาม เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน 805 จุด ซึ่งกลับมาเป็นแนวต้านสำคัญ แต่ถ้าดัชนีสามารถขึ้นมาอยู่เหนือ 805 จุดได้ในสัปดาห์นี้ ก็มีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 816 จุด ในขณะที่เป้าหมายสำคัญจะอยู่ที่บริเวณแนวต้านถัดไป 840 จุด ถ้าไม่ผ่านจะเป็นจังหวะขายทำกำไร

วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

CCET ราคาปิด 5.25 บาท

1 ปีที่ผ่านมา ทำสถิติราคาสูงสุด 7.30 บาท และราคาต่ำสุด 5.00 บาท เริ่มจากจุดเริ่มต้นของแนวโน้มลงเมื่อ 6 เดือนก่อน ลงมาต่ำสุด ณ วันที่ 10 มี.ค. 2551 ระดับราคา 5.00 บาท ลดลงมากถึง 31.5% ตรงจุดนี้เป็นแนวรับสำคัญระยะยาว และในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รูปแบบราคาสามเหลี่ยมขาขึ้น เริ่มแสดงถึงการสะสมหุ้น ถ้าทะลุ 5.40 บาทได้ จะเกิดสัญญาณซื้อ มีเป้าหมายทางเทคนิค 5.80-5.90 บาท

ที่มา:AYS TALK บล.กรุงศรีอยุธยา



:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 24/03/2008 @ 08:26:19 :
หุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งแคบ,จับตาการประกาศตัวเลขศก.สหรัฐ

ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index) สัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบแคบ และมีความ
เสี่ยงที่จะอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 800 จุด หลังยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้า
มาสนับสนุน ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังกดดันตลาด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่าปัจจัยจากภายนอก โดยเฉพาะการประกาศตัวเลข
เศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ จะยังเป็น
ประเด็นที่จะกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงยังคงต้องติดตามประเด็นการเมืองในประเทศด้วย

นักวิเคราะห์ ให้กรอบเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ โดยมีแนวรับบริเวณ
790,785 ส่วนแนวต้าน อยู่ที่บริเวณ 805,810
เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มี.ค.ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 803.32 จุด ลดลง 1.8% จากระดับปิด
818.04 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7.26 พันล้านบาท

"ขึ้นกับตัวแปรตลาดต่างประเทศ แต่ momentum มีความเสี่ยงที่จะซึมลง...คงเป็น
ลักษณะแกว่งเพื่อหาฐานราคาใหม่มากกว่า ต้องรอปัจจัยต่างประเทศให้ความเสี่ยงลดลงก่อน"
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าบุคคล 15 บล.ธนชาต กล่าว
เขา กล่าวว่า ปัจจัยจากต่างประเทศจะยังมีบทบาทที่จะชี้นำตลาดหุ้นไทยต่อไป ทั้ง
ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจ และระบบการเงินของสหรัฐ ตลอดจนความผันผวนของราคาสินค้าโภค
ภัณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระทบต่อภาวะการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย
ขณะที่ต้องจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์หน้า เช่น ตัวเลขยอด
ขายบ้านมือสองเดือนก.พ.,ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. ,ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ,
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ประจำไตรมาส 4 เป็นต้น ซึ่งจะเป็นสิ่งบ่งชี้ถึง
ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะต่อไป
เขา ให้แนวรับสัปดาห์นี้บริเวณ 795,785 และแนวต้านที่ 805,810

ด้านนางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี คาดว่าดัชนี
หุ้นไทยจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ โดยดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้หากดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัว
ขึ้นในระยะสั้นจากเรื่องสภาพคล่องและการลดอัตราดอกเบี้ย
แต่หากตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงมา ให้หาโอกาสในการเข้าลงทุนในระยะต่อไป
เนื่องจากมองว่าตลาดรวมยังมีลักษณะแกว่งตัวแคบถึงปรับลดลง(sideway down) จากความ
กังวลต่อความเสียหายของสถาบันการเงินในสหรัฐ และแรงขายของกลุ่มเก็งกำไรที่มีต่อเนื่อง

"ดัชนีคงเคลื่อนไหวกรอบแคบ ผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบ"นางสาวสุภากร กล่าว
นางสุภากร ยังเห็นว่าการที่รัฐบาลจะนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
เข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 25 มี.ค.นี้จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องด้วย
เขา ให้แนวรับสัปดาห์นี้บริเวณ 787,790 และแนวต้านที่ 808,817

**ดัชนีต่ำกว่า 800

นายเกียรติก้อง เดโช ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซิกโก้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทย
จะปรับลดลงมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 800 จุดในสัปดาห์นี้ หลังยังไม่เห็นปัจจัยบวก
ใหม่เข้ามาสนับสนุนตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะยังคงมีความผันผวนอยู่ต่อเนื่อง
"หุ้นคงจะขึ้นได้ลำบาก เพราะหุ้น Big Cap ไม่เล่นกันเลย ที่เล่นมีอสังหาฯ ซึ่ง
ทำให้หุ้นขึ้นได้ลำบาก หุ้นพลังงานไม่เล่นกัน เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวลง"นาย
เกียรติก้อง กล่าว
เขา ให้แนวรับสัปดาห์นี้บริเวณ 790 และแนวต้านที่ 805,810

นักวิเคราะห์ เห็นว่านักลงทุนยังติดตามความเคลื่อนไหวต่อคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ซึ่งในวันที่ 26 มี.ค. ที่ปรึกษากฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะพิจารณาถึงข้อ
กฎหมายที่กกต.ส่งให้หารือในการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะกระทบมากนัก หลังตลาดรับรู้ไปบ้างแล้ว
ส่วนประเด็นการการทำราคาเพื่อปิดงวดบัญชี(window dressing)ก่อนสิ้นไตรมาส
1/51 นั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่ามีโอกาสเกิดได้ แต่ไม่มากนัก

ปัจจัยที่ต้องจับตา
24 มี.ค.-สัมมนา"ทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยปี 51"เวลา 8.30 น.
-ตลท.จัดงานบจ.พบนักลงทุน ได้แก่ TEAM,GRAMMY,BAFS,Q-CON
-รมว.พลังงาน ตรวจเยี่ยมโครงการขยายสถานีบริการ NGV ของ
PTT เวลา 10.00 น.
25 มี.ค.-สัมมนาจุดเปลี่ยนตลาดทุนไทย เวลา 8.30 น.
-ตลท.จัดงานบจ.พบนักลงทุน ได้แก่ LPN,SIMAT,ADAM,AH
26 มี.ค.-สัมมนา"อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2008"เวลา 8.00 น.
-ตลท.จัดงานบจ.พบนักลงทุน ได้แก่ ASIMAR,MJD,KASET,CENTEL
-กลุ่มกระดาษ SCC แถลงกลยุทธ์สิ่งแวดล้อม เวลา 9.30 น.
-KEST แถลงแผนธุรกิจวาณิชธนกิจปี 51 เวลา 10.20 น.
-ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันสัมมนา "โอกาสระดมทุนในไต้หวันของบริษัทไทย"
เวลา 12.45 น.
28 มี.ค.-ตลท.จัดงานบจ.พบนักลงทุน ได้แก่ TRU,EIC,TPIPL,BEC
--จบ--

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com