วอลุ่มหาย?

*"โมนิก้า" ถือว่ามูลค่าการซื้อขายที่มีไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่ดัชนีดันเหินทะยานขึ้นไปถึง 5.21 จุด ก่อนจะมาปิดที่ 803.32 จุด ไม่น่าจะมีนัยสำคัญอะไรทั้งสิ้น เพราะอาการซื้อๆ ขายๆ ของนักลงทุนที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สะท้อนความไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหุ้นอย่างแรง จึงเข้าซื้อหุ้นในลักษณะเก็งกำไรสั้นๆ เหมือนเดิม

*แย่ไปกว่านั้นก็คือ นักลงทุนจำนวนหนึ่งได้หยุดซื้อขายเป็นการชั่วคราว เพราะมองว่าโอกาสเสียมีมากกว่าได้ เท่ากับเป็นการย้ำเตือนนักลงทุนที่คิดจะลงทุนเพิ่มเติมในจังหวะนี้ ให้ทบทวนตัวเองเป็นการด่วนว่า สามารถแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นได้ขนาดไหน???

*หากรู้ตัวว่า ไม่สามารถยอมรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพอร์ตลงทุนของตนเองได้ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้นักลงทุนรายนั้น cut loss หุ้นออกไปทันที หลังกูรูที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดีประเมินว่า เข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนมีแต่เจ็บตัว เพราะดัชนีเหวี่ยงตัวขึ้นลงเร็วมากๆ

*อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคุกรุ่น และสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างหนัก น่าจะเป็นอีกหนึ่งฉนวนเหตุที่ทำให้กองทุนใหญ่พากันทิ้งหุ้นบลูชิพออกมาอีกรอบ "โมนิก้า"ถึงมองว่า ดัชนีมีโอกาสไหลรูดหลุแนวรับ 800 จุดค่อนข้างสูง จึงไม่เห็นด้วยนักลงทุนจะเข้าซื้อหุ้นในจังหวะนี้

*เนื่องจากพวกที่อ้างตัวว่า รักมวลชนอย่างแรง และทำเพื่อประเทศชาติ แท้ที่จริงก็เป็นพวกชอบกรรโชกทรัพย์ทั้งนั้น "โมนิก้า" จึงขอยับยั้งการกระทำเช่นนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ก็จ้องจะโค่นล้มกันลูกเดียว พร้อมกันนั้นยังพยายามอ้างว่า ทั้งหมดเป็นทุนสามานย์...มักชักเละเทอะกันใหญ่นะค่ะ

*ยิ่งโพลล่าสุดออกมาไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรในวันที่ 28 มีนาคม 2551 เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่า ประชาชนคนกลุ่มหนึ่งไม่สนับสนุนการชุมนุม เดี๊ยนถึงเชื่อว่าหากไม่มีการจัดจ้างคนมาชุมนุม รับรองว่าวันนั้นมีคนไม่ถึงหมื่น แต่หากเกินกว่านี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า "จัดจ้าง" แน่นอนเจ้าค่ะ

*ที่สำคัญ คือ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ควรหาคำตอบเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะแมงเม่าแถวตลาดหลักทรัพย์ฯ อยากรู้เหลือเกินว่า เรื่องที่เม้าท์กันปากต่อปาก มีมูลความจริงมากขนาดไหน!!!

*หุ้นกลุ่มแบงก์กลายเป็นพระเอกของวันที่คอยดันดัชนีอย่างเต็มตัว เมื่อประสานพลังบวกกันถ้วนหน้า ครั้งนี้นำโดยแบงก์ตราดอกบัว BBL กระชากขึ้นไปพรวดเดียวไปถึง 3 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 130 บาท "โมนิก้า" มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็น่าลงทุนอยู่วันยันค่ำ เพราะราคายังไม่สูงเกินไปเจ้าค่ะ

*รองลงมาก็คือ SCB และ KBANK หุ้นสุดเลิฟของ "โมนิก้า" มาแต่ไหน แต่ไร

ครั้งนี้เลยบวกสวนกระแสตลาดหุ้นขึ้นมาปิดบวกให้ดูเป็นขวัญตา ถามว่าราคาระดับ 89 บาท

และแถวระดับ 86 บาทสามารถซื้อลงทุนได้หรือไม่...คำตอบที่ได้ คือ ขึ้นอยู่กับเงินที่ลงทุนครั้งนี้ เป็นเงินเย็นจริงไหม???

*หากเป็นเงินเย็นจริงๆ "โมนิก้า" กล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า สามารถซื้อลงทุนได้สบายๆ เนื่องจากความจริงราคาหุ้นสองตัวนี้ควรวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 100 บาทนานแล้ว...แต่ราคาหุ้นล่าสุดกลับย่ำต๊อกอยู่กับที่เป็นเวลานาน หากไม่หาจังหวะเข้าช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่อ่อนตัวลงมา แล้วจะไปหาจังหวะซื้อตอนไหนหล่ะจ๊ะ

*ส่วนหุ้นกลุ่มบลูชิพรายอื่นๆ มองจากมุมไหน ด้านไหน ยังไม่อะร่ามอะร้ามเท่ากับหุ้นข้างต้นที่กล่าวมา งานนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลว่า ยังยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ หรือไม่...หากไม่ยึดติดกับรูปแบเดิมๆ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้มองหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ ไว้เป็นทางเลือกนะค่ะ

*ก่อนจะถึงหุ้นเก็งกำไรเหล่านั้น เดี๊ยนขอพูดถึงเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อย่าง LH เสียหน่อย เพราะวันศุกร์ที่แล้วกระชากขึ้นมาปิดที่ 9.35 บาท บวกไป 0.40 บาท พร้อมด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด เหมือนเป็นการส่งซิกให้ขาประจำได้รับทราบว่า รอบนี้จะดันให้ทะลุ 10

บาทนะจะบอกให้

*วกกลับมาที่หุ้นเก็งกำไรรายแรกที่ต้องพูดถึงก่อนใครเพื่อนก็คือ STAR เนื่องจากจอมปั่นฟรีคิกอย่าง "ฉาย บุนนาค" ออกตัวดัง เอี๊ยด...ดดด ว่า สาเหตุที่เข้าไปเก็บหุ้นตัวนี้เพิ่มเป็น 10% เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของบริษัท จึงเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นแรงในอนาคตแบบนี้...ราคาหุ้นไม่ปรับตัวขึ้นแรงให้มันรู้ไปซิ

*เนื่องจากยกย่อปอปั้นว่าดีเลิศประเสริฐศรีเสียยกใหญ่ แต่ขอโทษ "โมนิก้า" ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวอย่างแรง เพราะพฤติกรรมของพ่อมดการเงินรายนี้ ไม่น่าไว้ใจเลยจริง เนื่องจาก เสี่ย.ส เคยบอกกับเดี๊ยนตรงๆ ว่า เดี๋ยวนี้ขาใหญ่ใช้วิธีบอกกันปากต่อปาก เพื่อเข้ามาช่วยกันราคาหุ้น...หากเมื่อใดเห็นหุ้นประเภทผีลืมหลุมขึ้นแรงผิดปกติ ร้อยทั้งร้อยเกิดจากการทำราคาอย่างไม่ต้องสงสัยพะยะค่ะ

*ล่าสุดยังบอกว่าเล็งหุ้นตัวอื่นกับกระจอกข่าวสาวแสนสวยกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ "โมนิก้า" คิดว่า โอเว่อร์รีแอ๊ค เพราะธรรมชาติของนักลงทุนขาใหญ่มักไม่บอกให้นักลงทุนรายย่อยรู้ แต่พ่อทูนหัวรายนี้เล่นบอกกันอย่างโจ๋งครึม เดี๊ยนถึงไม่สามารถตีความเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจาก "หลอกใช้สื่อเป็นเครื่องมือปั่นหุ้น"...เดี๊ยนถึงเชื่อว่า ชะตาของพ่อมดน้อยรายนี้คงเหลืออีกไม่มาก!!!

:lol: